แจ้งเอกสารไม่ครบถ้วน, ไม่ตรงกับชื่อเรื่อง หรือมีข้อผิดพลาดเกี่ยวกับเอกสาร ติดต่อที่นี่ ==>
หากไม่มีอีเมลผู้รับให้กรอก thailis-noc@uni.net.th ติดต่อเจ้าหน้าที่เจ้าของเอกสาร กรณีเอกสารไม่ครบหรือไม่ตรง

แนวทางการพัฒนาสถานศึกษาสู่ความเป็นองค์การแห่งการเรียนรู้ของสถานศึกษาในสังกัดองค์การบริหารส่วนจังหวัดอุบลราชธานี
The Means to School Development of Learning Organization of Schools under the Jurisdiction of the Office of UbonRatchathani Provincial Administration

keyword: การพัฒนาสถานศึกษา
ThaSH: สถานศึกษา-การบริหาร
Classification :.DDC: 371.2
; องค์การแห่งการเรรียนรู้
Abstract: การวิจัยครั้งนี้เป็นการวิจัยเชิงคุณภาพ (Qualitative Method) มีวัตถุประสงค์เพื่อการศึกษาสภาพปัญหา ในการพัฒนาสถานศึกษาสู่ความเป็นองค์การแห่งการเรียนรู้ของสถานศึกษาในสังกัดองค์การบริหารส่วนจังหวัดอุบลราชธานี และเพื่อเสนอแนวทางการพัฒนาสถานศึกษา สู่ความเป็นองค์การแห่งการเรียนรู้ ตามกรอบแนวคิดระบบย่อยองค์ความรู้ เพื่อสร้างองค์การแห่งการเรียนรู้ของ Marquardt 4 ประการ โดยผู้วิจัยได้ทำการศึกษาสภาพและปัญหาในสถานศึกษาสังกัดองค์การบริหารส่วนจังหวัดอุบลราชธานี จำนวน 3 โรงเรียน ด้วยวิธีการคัดเลือกแบบเจาะจงจากจำนวนโรงเรียนในสังกัดทั้งหมด 12 โรงเรียน เก็บข้อมูลภาคสนามด้วยวิธีการจัดสนทนากลุ่มรายโรงเรียน (Focus Group Discussions) นำข้อมูลที่ได้ทำการวิเคราะห์เชิงเนื้อหา (Content Analysis) โดยการจัดทำตารางวิเคราะห์เปรียบเทียบข้อมูล แล้วทำการสังเคราะห์เป็นแนวทางการพัฒนาสถานศึกษา สู่ความเป็นองค์การแห่งการเรียนรู้ นำแนวทางที่ได้ไปสอบถามความคิดเห็นและให้ข้อเสนอแนะกับผู้บริหาร และผู้แทนครู ในสังกัดองค์การบริหารส่วนจังหวัดอุบลราชธานีจำวน 15 คน ด้วยวิธีการสัมภาษณ์ ผลการวิจัยพบว่า สภาพ และปัญหาการพัฒนาสถานศึกษาสู่ความเป็นองค์การเรียนรู้ของสถานศึกษาในสังกัดองค์การบริหารส่วนจังหวัดอุบลราชธานี ประกอบด้วย 1) การสร้างความรู้ขึ้นจากประสบการณ์ตนเอง การเสาะแสวงหาจากแหล่งเรียนรู้อื่น และการเรียนรู้เป็นทีม 2) การเก็บรักษาและประมวลผลใช้ความรู้ ได้แก่ การจัดทำแฟ้มสะสมงาน สรุปผลการปฏิบัติงานคู่มือการปฏิบัติงาน คู่มือการฝึกอบรม แผนการจัดการเรียนรู้ และงานวิจัยในชั้นเรียน การจัดเก็บรักษาอย่างไม่เป็นระบบ มีกระจายอยู่ตามฝ่ายงานที่รับผิดชอบ หรือบุคคลผู้เป็นเจ้าของผลงาน 3) การถ่ายโอนแบ่งปันใช้ความรู้ได้แก่ รูปแบบที่เป็นทางการและไม่เป็นทางการ โดยมากเป็นแบบทิศทางเดียว มีบรรยากาศแบบเกื้อหนุนส่งเสริมการเรียนรู้เนื่องจากมีความพร้อมด้านสื่อวัสดุ อุปกรณ์ อาคารสถานที่และบุคลากร บรรยากาศแบบเปิดยังไม่มากนัก 4) การประยุกต์ใช้ความรู้ ส่วนมากจะใช้ความรู้หลายๆส่วนมาผสมผสานกันข้าภายในสาขาความรู้หลักอันเดียวกัน การประยุกต์ใช้สู่การปฏิบัติจริง และให้ความเหมาะสมกับบริบทของตนเอง ยังไม่ประสบผลสำเร็จเท่าที่ควร แนวทางการพัฒนาสถานศึกษาสู่ความเป็นองค์การแห่งการเรียนรู้ของสถานศึกษา ในสังกัดองค์การบริหารส่วนจังหวัดอุบลราชธานี ตามประเด็นสำคัญทั้ง 4 ประการ มีดังนี้ 1) แนวทางการสร้างและเสาะแสวงหาความรู้ได้แก่ ส่งเสริมการสร้างความรู้ทั้งระดับบุคคล ระดับกลุ่ม และระดับองค์กร ให้เกิดทักษะความรู้ที่ฝั่งแน่นด้วยวิธีการเรียนรู้ก่อนทำงาน เรียนรู้ระหว่างทำงาน เรียนรู้หลังทำงาน ส่งเสริมการเสาะแสวงความรู้จากแหล่งความรู้ฝังลึกที่อยู่ในตัวบุคคล และแหล่งความรู้ที่ชัดแจ้ง ส่งเสริมให้สมาชิกการเรียนรู้เป็นทีม แลกเปลี่ยนเรียนรู้ความคิดเห็นประสบการณ์ร่วมกัน เน้นการร่วมคิด ร่วมปฏิบัติอย่างสม่ำเสมอ 2) แนวทางการเก็บรักษาและประมวลผลใช้ความรู้ ได้แก่ พัฒนาการจัดเก็บให้เป็นระบบ โดยจัดเก็บไว้ในห้องแสดงผลงานของโรงเรียน ห้องพัฒนาวิชาชีพ และจัดเก็บในระบบคอมพิวเตอร์ เทคโนโลยีสารสนเทศ สามารถนำองค์ความรู้มาใช้งานได้ง่ายและสะดวก พัฒนาบุคลากรให้มีความรู้และทักษะในการเก็บรักษา และประมวลผลความรู้ในรูปแบบที่เหมาะสม 3) แนวทางการถ่ายโอนแบ่งปันการใช้ความรู้ ได้แก่ ส่งเสริมสนับสนุนการถ่ายโอน แบ่งปันใช้ความรู้ให้เป็นแบบหลายทางไม่ให้เป็นทิศทางเดียว ทั้งในรูปแบบที่เป็นทางการและไม่เป็นทางการ โดยมีบรรยากาศที่มีความร่วมมือของสมาชิก บรรยากาศการเรียนรู้เป็นทีม บรรยากาศแบบเปิดและบรรยากาศที่เกื้อหนุนการเรียนรู้ 4) แนวทางการประยุกต์ใช้ความรู้ ได้แก่ ส่งเสริมและพัฒนาการใช้ความใช้องค์ความรู้หลายๆส่วน มาผสมผสานกันเข้าภายในสาขาความรู้หลักอันเดียวกัน สู่การสร้างทางเลือกและประเมินทางเลือกเพื่อตัดสินใจ การขยายความรู้ให้ชัดแจ้ง การแก้ปัญหาอย่างสร้างสรรค์และปรับใช้ความรู้ให้เหมาะสมกับสภาพจริงตามบริบทของสถานศึกษา This study utilized a qualitative method aiming to investigate the state and problems of developing schools to be learning organizations of school and to propose the mean to school development of learning organizations on the basis of four aspects of conceptual framework of Marquardt. Three school out of 12 school under the jurisdiction of the office of Ubonratchathani Provincial Administration were purposively selected. Focus group discussions were utilized as research instruments. Collected data were analyzed by using content analysis through tables of comparison. The results were then synthesized to be the means for developing school to become learning organizations. The proposed means were finally examined by 15 involved school administrators and teachers’ representatives under the jurisdiction of the office of Ubomratchathani Provincial Administration through interviews. The research findings were as follows : The state and problems of developing school to be learning organizations of school under the jurisdiction of the Office of Ubonratchathani Provincial Administration were found as follows: 1) the building of and search for knowledge – it was established from their own experiences, from other learning sources, and learning team; 2) the storage and process of knowledge was stored in work filing, work performance report, work performance manual, training manual, learning and teaching plans, and classroom research reports. There problem here was that all of them were scattered in the individual departments which were responsible for the jobs; 3) knowledge transfer – both formal and informal transfer of knowledge and the use of teaching and learning materials were utilized, and the supportive environments due to the readiness of materials, places and staffs were promoted; however, one way knowledge transfer and the open atmospheric workplace were needed to be improved; 4) knowledge application – multi-knowledge were integrated and utilized in their own contexts; unfortunately, the practical of such application was yet successful. The means to school development of learning organizations on the basis of four aspects of conceptual framework of Marquardt were proposed as the following: 1) the building of and search for knowledge aspect – knowledge search should be promoted in the individual, group, and organization levels as well as the before – while – and after – working learning from both tacit and explicit sources of knowledge, and team learning, sharing of knowledge and experiences focusing on brainstorming and cooperatively work performing should also be enhanced; 2) the storage and process of knowledge aspect – systemization and organization of knowledge in particular places such as in vocational exhibition room and in computer should be taken into consideration, and the staffs should be trained and developed; 3) knowledge transfer aspect – two way communication of knowledge transfer both formally and informally should be focused, and work environments namely cooperation, member participation, team learning, open-and supportive learning atmosphere should be encouraged; 4) knowledge application aspect promotion of the use of multi-knowledge and integration of multi-knowledge leading to possible alternatives and decision assessment should be provided, and the explicitly extension of knowledge, creative problem solutions, and adaptation of knowledge appropriate to realistic contexts of the school should also be promoted.
มหาวิทยาลัยราชภัฎอุบลราชธานี. สำนักวิทยบริการและเทคโนโลยีสารสนเทศ
Address: อุบลราชธานี
Email: info.lib@ubru.ac.th
Role: ประธานกรรมการที่ปรึกษา
Role: กรรมการที่ปรึกษา
Created: 2553
Modified: 2554-08-24
Issued: 2554-08-04
วิทยานิพนธ์/Thesis
application/pdf
tha
©copyrights มหาวิทยาลัยราชภัฏอุบลราชธานี
RightsAccess:
ลำดับที่.ชื่อแฟ้มข้อมูล ขนาดแฟ้มข้อมูลจำนวนเข้าถึง วัน-เวลาเข้าถึงล่าสุด
1 titlepage.pdf 293.67 KB470 2025-11-23 10:07:37
2 abstract.pdf 521.8 KB551 2025-11-23 10:07:43
3 content.pdf 387.43 KB327 2025-11-23 10:07:48
4 chapter 1.pdf 955.47 KB751 2025-11-23 10:07:53
5 chapter 2.pdf 4.75 MB1034 2025-11-23 10:08:03
6 chapter 3.pdf 603.02 KB444 2025-11-23 10:08:09
7 chapter 4.pdf 2.07 MB519 2025-11-23 10:08:22
8 chapter 5.pdf 1.01 MB496 2025-11-23 10:08:42
9 bibliography.pdf 469.93 KB412 2025-11-23 10:08:48
10 appendix.pdf 1.21 MB476 2025-11-23 10:08:56
11 biodata.pdf 169.1 KB275 2025-11-23 10:09:01
ใช้เวลา
0.053022 วินาที

รองศาสตราจารย์ ดร. สมาน อัศวภูมิ
Title Creator Type and Date Create
การนำเสนอรูปแบบการนิเทศภายในโดยการประยุกต์ใช้แบบกัลยาณมิตรในสถานศึกษาขั้นพื้นฐาน สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาอุบลราชธานีเขต 2
มหาวิทยาลัยราชภัฏอุบลราชธานี
รองศาสตราจารย์ ดร. สมาน อัศวภูมิ
รัตนา นครเทพ
วิทยานิพนธ์/Thesis
การจัดการป่าชุมชนโดยชุมชน : กรณีศึกษาป่าชุมชนดงบก บ้านโนนหนองสิม ตำบลเขิน อำเภอน้ำเกลี้ยง จังหวัดศรีสะเกษ
มหาวิทยาลัยราชภัฏอุบลราชธานี
รองศาสตราจารย์ ดร. สมาน อัศวภูมิ
ทวีชัย ใจพร
วิทยานิพนธ์/Thesis
การนำเสนอรูปแบบการดำเนินงานระบบดูแลช่วยเหลือนักเรียนในสถานศึกษาขั้นพื้นฐาน ช่วงชั้นที่ 3 และช่วงชั้นที่ 4 สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาศรีสะเกษ เขต 1
มหาวิทยาลัยราชภัฏอุบลราชธานี
รองศาสตราจารย์ ดร. สมาน อัศวภูมิ;ผู้ช่วยศาสตราจารย์สมมิตร ตรีนิคม
วีระศักดิ์ จันทะรัตน์
วิทยานิพนธ์/Thesis
การศึกษาความต้องการของชุมชนในการพัฒนาวัดบ้านปลาขาว ตำบลยาง อำเภอน้ำยืน จังหวัดอุบลราชธานี
มหาวิทยาลัยราชภัฏอุบลราชธานี
อาจารย์ ดร. สุวิมล โพธิ์กลิ่น;รองศาสตราจารย์ ดร. สมาน อัศวภูมิ
อำพร พันธ์งาม
วิทยานิพนธ์/Thesis
การพัฒนาเครื่องมือในการประเมินความปวดและอาการไม่สุขสบายของผู้ป่วยมะเร็งในงานคลินิกระงับปวดและฝังเข็ม ศูนย์มะเร็ง อุบลราชธานี
มหาวิทยาลัยราชภัฏอุบลราชธานี
รองศาสตราจารย์ ดร. สมาน อัศวภูมิ;ศาสตราจารย์ ดร. ธีระ รุญเจริญ
บุญยิ่ง สายเมฆ
วิทยานิพนธ์/Thesis
แนวทางการพัฒนาสถานศึกษาสู่ความเป็นองค์การแห่งการเรียนรู้ของสถานศึกษาในสังกัดองค์การบริหารส่วนจังหวัดอุบลราชธานี
มหาวิทยาลัยราชภัฏอุบลราชธานี
รองศาสตราจารย์ ดร. สมาน อัศวภูมิ;ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.สนอง ภิรมจิตรผ่อง
ปติ แสนทวีสุข
วิทยานิพนธ์/Thesis
คุณลักษณะความเป็นมืออาชีพของผู้บริหารสถานศึกษาตามความคิดเห็นของผู้บริหารสถานศึกษาและข้าราชการครูสังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษาเขต 28
มหาวิทยาลัยราชภัฏอุบลราชธานี
รองศาสตราจารย์ ดร. สมาน อัศวภูมิ
ไพบูลย์ จำปาปั่น
วิทยานิพนธ์/Thesis
ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.สนอง ภิรมจิตรผ่อง
Title Creator Type and Date Create
แนวทางการพัฒนาสถานศึกษาสู่ความเป็นองค์การแห่งการเรียนรู้ของสถานศึกษาในสังกัดองค์การบริหารส่วนจังหวัดอุบลราชธานี
มหาวิทยาลัยราชภัฏอุบลราชธานี
รองศาสตราจารย์ ดร. สมาน อัศวภูมิ;ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.สนอง ภิรมจิตรผ่อง
ปติ แสนทวีสุข
วิทยานิพนธ์/Thesis
Copyright 2000 - 2025 ThaiLIS Digital Collection Working Group. All rights reserved.
ThaiLIS is Thailand Library Integrated System
สนับสนุนโดย สำนักงานบริหารเทคโนโลยีสารสนเทศเพื่อพัฒนาการศึกษา
กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม
328 ถ.ศรีอยุธยา แขวง ทุ่งพญาไท เขต ราชเทวี กรุงเทพ 10400 โทร. โทร. 02-232-4000
กำลัง ออน์ไลน์
ภายในเครือข่าย ThaiLIS จำนวน 0
ภายนอกเครือข่าย ThaiLIS จำนวน 9,892
รวม 9,892 คน

More info..
นอก ThaiLIS = 251,646 ครั้ง
มหาวิทยาลัยสังกัดทบวงเดิม = 14 ครั้ง
มหาวิทยาลัยราชภัฏ = 8 ครั้ง
หน่วยงานอื่น = 3 ครั้ง
รวม 251,671 ครั้ง
Database server :
Version 2.5 Last update 1-06-2018
Power By SUSE PHP MySQL IndexData Mambo Bootstrap
มีปัญหาในการใช้งานติดต่อผ่านระบบ UniNetHelp


Server : 8.199.134
Client : Not ThaiLIS Member
From IP : 216.73.216.104