สารเมแทบอไลต์ที่สำคัญจากสาหร่ายทะเลและศักยภาพที่เป็นประโยชน์ต่อสุขภาพผิว
Seaweed-sourced specialized metabolites and their potential benefits for skin health
Abstract:
สาหร่ายทะเล (Seaweed) เป็นแหล่งของสารออกฤทธิ์ทางชีวภาพที่มีคุณสมบัติในการบำรุงผิวและมีศักยภาพในการพัฒนาเป็นเครื่องสำอางได้ อย่างไรก็ตามข้อมูลในส่วนของกระบวนการสกัดแบบแยกส่วน คุณสมบัติของสารสกัดส่วนลิโปฟิลิก และการระบุสารสำคัญจากสาหร่ายทะเลยังมีอยู่น้อย งานวิจัยนี้มุ่งศึกษาการสกัดแยกส่วนของสารสกัดส่วนลิโปฟิลิก การระบุชนิดของสารสำคัญ และการทดสอบฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระและฤทธิ์ต้านเอนไซม์ไทโรซิเนสจากสาหร่ายทะเลทั้ง 3 ชนิด ได้แก่ Sargassum polycystum Caulerpa lentillifera และ Gracilaria fisheri โดยนำสารสกัดหยาบส่วนลิโปฟิลิกที่ได้จากสาหร่ายทะเลมาแยกด้วยเทคนิคคอลัมน์โครมาโทกราฟีที่อาศัยคุณสมบัติความมีขั้วของตัวทำละลาย พบว่าระบบตัวทำละลายที่สามารถแยกสารสกัดส่วนลิโปฟิลิกได้ดีที่สุดคือ n-Hexane: Ethyl acetate ในอัตราส่วน 85:15 โดยปริมาตร สามารถแยกส่วนของสารหยาบสกัดลิโปฟิลิกของสาหร่าย S. polycystum ออกได้ทั้งหมด 6 ส่วน สาหร่าย C. lentillifera ได้ทั้งหมด 5 ส่วน และสาหร่าย G. fisheri ได้ทั้งหมด 4 ส่วน จากการวิเคราะห์องค์ประกอบทางเคมีด้วยเทคนิคแก๊สโครมาโทกราฟีของสารสกัดส่วนลิโปฟิลิกพบสารชีวภาพทั้งสิ้น 112 ชนิด เมื่อนำสารสกัดส่วนลิโปฟิลิกไปทดสอบฤทธิ์ในการต้านอนุมูลอิสระ DPPH และฤทธิ์ยับยั้งเอนไซม์ไทโรซิเนส พบว่าสารสกัดหยาบส่วนลิโปฟิลิกของสาหร่าย S. polycystum มีฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระสูงสุดเท่ากับ 911.54±5.76 ไมโครกรัมต่อมิลลิลิตร รองลงมาได้แก่ G. fisheri (1084.67±71.25 ไมโครกรัมต่อมิลลิลิตร) และ C. lentillifera (2701.54±59.64 ไมโครกรัมต่อมิลลิลิตร) ตามลำดับ และสาหร่าย G. fisheri มีความสามารถในการยับยั้งเอนไซม์ไทโรซิเนสได้สูงสุดเท่ากับ 0.15±0.05 ไมโครกรัมต่อมิลลิกรัม รองลงมาได้แก่ C. lentillifera (0.21±0.07 ไมโครกรัมต่อมิลลิลิตร) และ S. polycystum (4.32±0.50 ไมโครกรัมต่อมิลลิลิตร) ตามลำดับ เมื่อนำโครงสร้างทางเคมีของสารชีวภาพไปทํานายการเข้าจับกันกับโปรตีนเป้าหมายเอนไซม์ไทโรซิเนสด้วยเทคนิคโมเลกุลาร์ด็อกกิง พบว่า สารที่มีค่าการเข้าจับกับไทโรซิเนสต่ำกว่า -8.9 กิโลแคลอรีต่อโมล ทั้งหมด 3 ชนิด ได้แก่ (22เอส)-21-อะซีทอกซี-6แอลฟา,11เบตา-ไดไฮดรอกซี-16แอลฟา,17แอลฟา-โพรพิลเมทิลีนไดออกซีเพรกนา-1,4-ไดอีน-3,20-ไดโอน โอลีน-12-อีน-3,15,16,21,22,28-เฮกซอล,(3เบตา,15แอลฟา,16แอลฟา,21เบตา,22แอลฟา)- และ Stigmasterol โดย Stigmasterol มีค่าการเข้าจับกับไทโรซิเนสได้ดีกว่าสารมาตรฐานกรดโคจิก โดยมีค่าเท่ากับ -9.6 กิโลแคลอรีต่อโมล อีกทั้งจากการทำนายการแพ้ต่อผิวหนัง (Skin sensitization) และการกลายพันธุ์ของสารพันธุกรรม (Mutagenicity) ไม่พบความเป็นพิษ และการทดสอบความเป็นพิษของสารสกัดหยาบส่วนลิโปฟิลิกและ Stigmasterol ต่อเซลล์ HaCaT พบว่าสารสกัดหยาบส่วนลิโปฟิลิกจาก G. fisheri ที่ความเข้มข้นน้อยกว่า 0.391 ไมโครกรัมต่อมิลลิลิตร และ Stigmasterol ที่ความเข้มข้นน้อยกว่า 0.006 ไมโครกรัมต่อมิลลิลิตร ไม่เป็นอันตรายต่อเซลล์ HaCaT ผลการวิจัยนี้แสดงให้เห็นว่าสารสกัดจาก G. fisheri มีประสิทธิภาพในการยับยั้งเอนไซม์ไทโรซิเนสและมีความปลอดภัยต่อเซลล์ HaCaT จึงสามารถนำไปใช้พัฒนาตำรับครีมกันแดดจากสารสกัดสาหร่ายสีแดงที่มีประสิทธิภาพในการป้องกันแสงแดดสูงสุด ตอบโจทย์ผู้บริโภคในปัจจุบันที่ใส่ใจทั้งผิวพรรณและสิ่งแวดล้อม
มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์. หอสมุดแห่งมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์
Role:
อาจารย์ที่ปรึกษาร่วม
©copyrights มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์