Re-orienting transnational masculinity and Queer visuality of shan male sexual commodification in Chiang Mai, Thailand

ความเป็นชายข้ามแดนที่ปรับแปลงใหม่และภาพสภาวะแบบเควียร์ ของเพศพาณิชย์ผู้ชายไทใหญ่ในเมืองเชียงใหม่ ประเทศไทย

Name: Samak Kosem

LCSH: Shan (Asian people) -- Manners and customs

LCSH: Shan (Asian people) -- Social conditions

LCSH: Shan (Asian people) -- Chiang Mai

Abstract: This dissertation examines the interplay of masculinity, migration, and queer sexual commodification through an ethnographic study of Shan male migrants working in Chiang Mai's commercial sex industry. Grounded in long-term participant observation, visual ethnography, and reflexive engagement, this research investigates how Shan men navigate, perform, and reconfigure masculine identities within the transnational landscape of Thailand’s queer entertainment venues, while maintaining ties to their ethnic and cultural frameworks. The study is structured around three core research questions: How do Shan male migrants engage in sexual commodification, and how does this shape their gender and sexual self-understanding? How do these men enact and negotiate different expressions of masculinity in response to the spatial, temporal, and social demands of sex work? Moreover, how do the visual and performative dimensions of queer commercial sex shape and become reshaped by these workers? The research is anchored in Sara Ahmed’s concept of orientation, which provides a lens for understanding how masculinities are continuously reoriented as Shan men move through diverse spaces, social relations, and labor contexts. Rather than approaching masculinity as a fixed identity, the study highlights it as an adaptive and situated practice, deeply entangled with migration experiences, economic survival, and social belonging. Three key findings emerge from the research. First, bodily capital illuminates how Shan men commodify and manage their physical appearance as both a source of income and a means of constructing desirable masculinity. Second, the study reveals the significance of time and space in shaping masculine expressions: in queer commercial venues, men strategically adopt queered and commodified performances, while in leisure or ethnic community spaces, they reassert normative masculine roles. Furthermore, this research demonstrates how the border-crossing experiences of Shan men fundamentally reshape their relationship to time, space, and gender. As they navigate the nightlife economy of Chiang Mai, their trajectories reveal the entangled processes through which migration, labor, and masculinity are co-constructed. Bordercrossing is not merely a physical transition between Myanmar and Thailand but also a profound re-orientation that restructures their social and gendered self-understanding. Within new labor systems and social contexts, these men develop adaptive strategies to negotiate competing expectations. Leisure, in this sense, is not only a site of rest but becomes a strategic arena for the reaffirmation of normative masculinity after performing queered, commodified forms of gender in the workplace. Returning to family, romantic relationships, and Shan-specific social spaces entails an active “normalization process,” enabling them to maintain social legibility and navigate the contradictory demands of their transnational lives. Third, this dissertation advances the argument on cohabiting masculine modalities, demonstrating how Shan men sustain diverse and sometimes contradictory gender expressions simultaneously. These modalities are not singular or sequential but exist in parallel, offering both flexibility and agency in navigating the shifting terrains of queer labor markets and migrant social worlds. Alongside these core findings, the research also considers how transnational migration — especially shaped by political violence and economic precarity in Myanmar — alters Shan men’s gendered self-understanding and how tensions between competing masculine ideals foster negotiation rather than resolution. By combining ethnographic depth, self-reflexive positioning, and visual analysis, this dissertation offers insight into the layered and dynamic realities of masculinities among migrant sex workers. It contributes to debates in masculinity studies, queer theory, migration research, and labor anthropology while demonstrating how marginalized men actively negotiate identity, belonging, and economic survival across varied spatial, temporal, and social conditions.

Abstract: วิทยานิพนธ์ฉบับนี้ศึกษาปฏิสัมพันธ์ระหว่างความเป็นชาย การย้ายถิ่น และเพศพาณิชย์แบบเควียร์ผ่านการศึกษาทางชาติพันธุ์วรรณนาของแรงงานชายไทใหญ่ข้ามแคนที่เข้ามาทำงานในอุตสาหกรรมเทศพาณิชย์ในจังหวัดเชียงใหม่ ด้วยการสังเกตการณ์แบบมีส่วนร่วม ชาติพันธุ์วรรรณนาเชิงภาพ และการนำข้อมูลมาสะท้อนย้อนคิด เพื่อสำรวจว่า ชายไทใหญ่เหล่านี้เผชิญหน้า ปฏิบัติซ้ำและปรับเปลี่ยนการจัดการความเป็นชายของคนอย่างไร ภายใต้ภูมิทัศน์ข้ามชาติของสถานบันเทิง เควียร์ในประเทศไทย ในขณะที่พวกเขายังคงต้องต้องรักษาความเชื่อมโยงกับกรอบวัฒนธรรมและชาติพันธุ์ของตนเอง งานศึกษานี้ตั้งคำถามวิจัยหลักสามข้อ ได้แก่ ชายไทใหญ่ข้ามแดนเข้ามามีส่วนร่วมในกระบวนการเพศพาณิชย์อย่างไร และประ สบการณ์นี้ส่งผลต่อความเข้าใจในตัวตนทางเพศและความเป็นชายของพวกเขาอย่างไร? พวกเขาแสดงออกและต่อรองความเป็นชายในรูปแบบต่างๆ เพื่อตอบสนองต่อข้อกำหนดเชิงพื้นที่ เวลา และเงื่อน ไขทางสังคมของงานบริการทางเพศได้อย่างไร? และในมิติทางภาพและการปฏิบัติซ้ำในเพศพาณิชย์แบบเควียร์ได้ก่อรูปและถูกปรับปลี่ยนรูปร่างโดยแรงงานชายเหล่านี้อย่างไร? งานวิจัยนี้วางกรอบวิเคราะห์ด้วยแนวคิด "การปรับทิศทาง" ของ ซารา อาเหม็ด เพื่อช่วยให้เข้าใจว่า ความเป็นชายนั้นถูกจัดวางใหม่และปรับเปลี่ยนทิศทางอยู่เสมอ เพราะชายไทใหญ่เคลื่อนย้ายผ่านพื้นที่ ความสัมพันธ์ทางสังคม และบริบทของแรงงานที่หลากหลาย ทั้งนี้ แทนที่จะพินิจความเป็นชายในฐานะอัดลักษณ์ที่ตายตัว งานศึกษานี้เน้นให้เห็นว่าความเป็นชายคือปฏิบัติการเพื่อปรับตัวและเป็นไปตามสถานการณ์ ซึ่งเกี่ยวพันอย่างแนบแน่นกับประสบการณ์การข้ามแดน ความความอยู่รอด ทางเศรษฐกิจ และความรู้สึกเป็นส่วนหนึ่งของสังคมจากการศึกษานี้ได้ข้อค้นพบหลักสามประการ ประการแรก แนวคิดเรื่อง "ทุนทางเรือนร่าง" เผยให้เห็นถึงวิธีการที่ชายไทใหญ่ทำให้เรือนร่างตนเองกลายเป็นสินค้าและ จัดการูปลักษณ์ภายนอกทั้งในฐานะแหล่งรายได้และวิธีการสร้างความเป็นชายที่น่าปรารถนา ประการที่สอง งานศึกษานี้เผยให้เห็นถึงความสำคัญของเวลาและพื้นที่ในการก่อรูปการแสดงออกของความเป็นชาย ทั้งในพื้นที่เทศพาณิชย์แบบเควียร์ พวกเขาเลือกรับเอาการปฏิบัติซ้ำที่ถูกทำให้เป็นเควียร์และและเป็นสินค้าอย่างมีกลยุทธ์ในขณะที่ช่วงเวลาว่างหรือพื้นที่ชุมชนชาติพันธุ์ พวกเขาสามารถกลับไปเน้นย้ำบทบาทความเป็นชายในรูปแบบปกติตามบรรทัดฐาน นอกจากนี้ งานศึกษายังแสดงให้เห็นว่า ประสบการณ์การข้ามพรมแดนของชายไทใหญ่ส่งผลต่อความสัมพันธ์ที่ถูกปรับเปลี่ยนรูปร่างต่อมิติเวลา พื้นที่ และเทศสภาพอย่างลึกซึ้ง ในขณะที่พวกเขาทำงานและ คำรงอยู่ในเศรษฐกิจยามค่ำคืนของเชียงใหม่ เส้นทางชีวิตของพวกเขาได้เผยให้เห็นถึงความเกี่ยวข้องที่ร่วมกันสร้างขึ้นผ่านกระบวนการย้ายถิ่น แรงงาน และความเป็นชายถูกสร้างขึ้นและพันเกี่ยวกันอย่างซับซ้อน การข้ามพรมแดนไม่เพียงแต่การเปลี่ยนผ่านเชิงกายภาพระหว่างพม่าและไทย แต่ยังเป็นการปรับทัศนคติที่ลึกขึ้นเพื่อปรับโครงสร้างความเข้าใจทางสังคมและเพศสภาพภายในระบบแรงงานและบริบทททางสังคมใหม่ ชายไทใหญ่ได้ปรับกลยุทธ์ที่ช่วยให้พวกเขาต่อรองกับความคาดหวังที่ถูกตั้งไว้เวลาว่างจึงไม่ได้มีความหมายเพียงการพักผ่อน แต่ยังกลายเป็นพื้นที่เชิงยุทธศาสตร์สำหรับการขึ้นยันความเป็นชายตามแบบปกติ หลังจากที่ต้องปฏิบัติซ้ำที่ทำให้เป็นเควียร์และทำให้เป็นรูปแบบของสินค้าในที่ทำงางาน เมื่อได้กลับมาสู่ครอบครัว ความสัมพันธ์เชิงโรแมนติกและพื้นที่ทางสังคมที่เฉพาะของคนไทใหญ่เกี่ยวข้องกับเป็นกระบวนการ "ทำให้เป็นปกติ" ที่เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทำให้พื้นที่เหล่านี้สามารถรักษาการมีอยู่ทางสังคมและรับมือกับความต้องการที่ขัดแย้งในชีวิตข้ามชาติของตนได้ ประการที่สาม วิทยานิพนธ์นี้เสนอข้อถกเถียงว่า การดำรงอยู่ร่วมกันของรูปแบบความเป็นชายที่หลากหลาย ชี้ให้เห็นว่าชายไทใหญ่สามารถจัดการกับการแสดงออกทางเพศที่หลากหลายและบางครั้งอาจขัดแย้งกันได้ในเวลาเดียวกัน รูปแบบเหล่านี้มิได้ดำเนินไปลักษณะเดี่ยวหรือเป็นลำดับลำคับ แต่ดำรงอยู่แบบคู่ขนาน เปิดพื้นที่ให้พวกเขาสาสามารถยืดหยุ่นเเละรับมือกับโลกของตลาดแรงงานเควียร์และโลกทางสังคมของแรงงานข้ามแดน นอกเหนือจากข้อค้นพบหลักเหล่านี้ งานวิจัยยังได้พิจารณาถึงผลกระทบของการข้ามแดนโดยเฉพาะอย่างยิ่งภายใต้บริบทของความรุนแรงทางการเมืองและความไม่มั่นคงทางเศรษฐกิจในพม่าได้เปลี่ยนแปลงความเข้าใจในตัวเองเกี่ยวกับเพศของชาวไทใหญ่ และความตรึงเครียดระหว่างอุดมคติชายที่ขัดแย้งกันด้วยการต่อรองมากกว่าหาออกร่วมกัน ดังนั้น การผสมผสานระเบียบวิธีงานชาติพันธุ์วรรณนา การสะท้อนคิดในเชิงตัวตน และการวิเคราะห์เชิงภาพ วิทยานิพนธ์ฉบับนี้ได้นำเสนอความเข้าใจใหม่ๆ เกี่ยวกับความซับซ้อนและพลวัดของความเป็นชายในกลุ่มแรงงานให้บริการทางเพศในกลุ่มแรงงานข้ามแดน งานศึกษานี้ยังได้ร่วมในข้อถกเถียงเชิงวิชาการในด้านการศึกษาความเป็นชาย ทฤษฎีเควียร์ การศึกษาการอพยพ และมานุษยวิทยาแรงงาน เน้นให้เห็นถึงวิถีปฏิบัติของชายที่ถูกผลักให้เป็นชายขอบในการต่อรองอัตลักษณ์ ความเป็นส่วนหนึ่งในชุมชน และการเอาชีวิตรอดทางเศรษฐกิจ ภายได้เงื่อนไขในเชิงพื้นที่เวลา และสังคม

Chiang Mai University. Library

Address: CHIANG MAI

Email: cmulibref@cmu.ac.th

Name: Amporn Jirattikorn

Role: Advisor

Name: Maranatha Ivanova

Role: Advisor

Name: Sant Suwatcharapinun

Role: Advisor

Modified: 2025-09-23

Issued: 2025-09-23

วิทยานิพนธ์/Thesis

application/pdf

eng

Spatial: Thailand

Spatial: Chiang Mai

DegreeName: Doctor of Philosophy

Level: Doctoral Degree

Descipline: Social Sciences

Grantor: Chiang Mai University

©copyrights Chiang Mai University

ลำดับที่.	ชื่อแฟ้มข้อมูล	ขนาดแฟ้มข้อมูล	จำนวนเข้าถึง	วัน-เวลาเข้าถึงล่าสุด
1	620455902.pdf	3.07 MB

ใช้เวลา

0.021485 วินาที