แจ้งเอกสารไม่ครบถ้วน, ไม่ตรงกับชื่อเรื่อง หรือมีข้อผิดพลาดเกี่ยวกับเอกสาร ติดต่อที่นี่ ==>
หากไม่มีอีเมลผู้รับให้กรอก thailis-noc@uni.net.th
หากไม่มีอีเมลผู้รับให้กรอก thailis-noc@uni.net.th
พระครูสมุห์สุพจน์ สุภกิจฺโจ (อินทะชัย). การประยุกต์ใช้พรหมวิหาร 4 ในการบริหารจัดการงานของวัดตามทัศนคติของพระสงฆ์ในอำเภอเมือง จังหวัดปทุมธานี. ปริญญาโท(สาขาวิชาพระพุทธศาสนา). มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย. ส่วนหอสมุดกลาง. : มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย, 2565.
การประยุกต์ใช้พรหมวิหาร 4 ในการบริหารจัดการงานของวัดตามทัศนคติของพระสงฆ์ในอำเภอเมือง จังหวัดปทุมธานี
keyword:
พรหมวิหาร 4
;
วัด
Abstract:
วิทยานิพนธ์ฉบับนี้ มีวัตถุประสงค์ของการวิจัยเพื่อศึกษาทัศนคติต่อการประยุกใช้พรหมวิหาร 4 ในการบริหารจัดการงานของวัดของพระสงฆ์ในอำเภอเมือง จังหวัดปทุมธานี เพื่อเปรียบเทียบทัศนคติของพระสงฆ์ต่อการประยุกใช้พรหมวิหาร 4 ในการบริหารจัดการงานของวัดในอำเภอเมือง จังหวัดปทุมธานี จำแนกตามตัวแปรอิสระ เพื่อศึกษาข้อเสนอแนะเกี่ยวกับการประยุกใช้พรหมวิหาร 4 ในการบริหารจัดการงานของวัดตามทัศนะคติของพระสงฆ์ในอำเภอเมือง จังหวัดปทุมธานี การวิจัยนี้เป็นเชิงปริมาณ (Quantitative Research) เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย ได้แก่แบบสอบถาม (Questionnaire) โดยมีผู้ให้ข้อมูลสำคัญ (Key Informant) ได้แก่ พระสังฆาธิการในอำเภอเมือง จังหวัดปทุมธานี จำนวน 5 รูป
ผลการวิจัยพบว่า การประยุกต์ใช้หลักธรรมพรหมวิหาร 4 ในการบริหารจัดการงานของวัดตามทัศนคติของพระสงฆ์ในอำเภอเมือง จังหวัดปทุมธานี มีทัศนติเกี่ยวกับการประยุกต์ใช้พรหมวิหาร 4 ในการบริหารจัดการงานของวัด โดยภาพรวมอยู่ในระดับมาก (x̄= 4.31, S.D. = 0.406)
การวิเคราห์ะการเปรียบเทียบการประยุกต์ใช้หลักธรรมพรหมวิหาร 4 ในการบริหารจัดการงานของวัดตามทัศนคติของพระสงฆ์ในอำเภอเมือง จังหวัดปทุมธานีโดยแบ่ง ลักษณะบุคคล พบว่า พระสงฆ์ส่วนใหญ่ที่อายุ พรรษา วุฒิการศึกษาสามัญ วุฒิการศึกษาทางธรรมและวุฒิการศึกษาทางเปรียญธรรม มีทัศนคติต่อการการประยุกต์ใช้หลักธรรมพรหมวิหาร 4 ในการบริหารจัดการงานของวัดตามทัศนคติของพระสงฆ์ แตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญที่ระดับ 0.05
แนะแนวทางการประยุกต์ใช้หลักธรรมพรหมวิหาร 4 ในการบริหารจัดการงานของวัดตามทัศนคติของพระสงฆ์ในอำเภอเมือง จังหวัดปทุมธานี พบว่า พระสงฆ์นั้นยังขาดทักษะและความสามารถในการจัดการบริหารองค์กร ขาดงบประมาณในการสนับสนุน ควรส่งเสริมด้านทุนช่วยเหลือจากภาครัฐและภาคเอกชนในการที่จะทำสื่อเพื่อการพัฒนารูปแบบการเผยแผ่ให้ทันสมัยยิ่งขึ้นในเชิงรุกโดยการใช้สื่อเทคโนโลยี ด้านสร้างปฏิสังขรณ์ดูแลถาวรวัตถุยังขาดผู้ที่มีความรู้ความสามารถวัดกับชุมชนขาดการติดต่อประสานงานที่ดีต่อกันในการจัดกิจกรรม
Abstract:
This thesis focused on three objectives: to study the attitude towards the application of 4 Brahamvihara principle for monastery administration of Sangha, Mueng District, Pathum Thani Province, to compare their attitudes towards the application of Four Brahamavihara principle for the monastery administration, Muang district, Pathum Thani province classified by independent variables, and to study suggestions on the application of Brahmavihara principle for monastery administration according to the Sanghas attitudes in Muang district, Pathum Thani province. It was quantitative. Tools used in research include a questionnaire with key informants, that is, 5 ecclesiastical Sangha in Muang district, Pathum Thani province.
The results showed that the application of Four Brahmavihara principle for monastery administration according to the attitude of Sangha in Muang district, Pathum Thani province, in overall, was at a high level (x̄= 4.31, S.D. = 0.406)
The result of a comparative analysis of the application of the Four Brahmavihara principles for monastery administration according to the attitude of Sangha in Muang district, Pathum Thani province, divided by personal characteristics, was found that most of Bhikkhu Sangha with age, the Buddhist rent years, education, Dhamma studies qualifications and Pali qualifications who had attitudes towards the application of Brahmavihara principle for monastery administration according to the attitude of Sangha was significantly different at the 0.05 level.
Problems, obstacles, and suggestions for the application of Four Brahmavihara principle for monastery administration according to the Sanghas attitudes in Muang district, Pathum Thani province, indicated that Bhikkhus still require the skills and abilities to administrate their monasteries and having less budget supported, government and private funding should be encouraged for proactive media setting to modernize the dissemination by using media technology. Regarding building renovation and monastery maintenance, it requires the learned and skillful persons, monastery and the community need the good communication and coordination for organizing activities.
มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย. ส่วนหอสมุดกลาง
Address:
พระนครศรีอยุธยา
Email:
library@mcu.ac.th
Role:
อาจารย์ที่ปรึกษา
Name: สุพิชฌาย์ พรพิชณรงค์
Role:
อาจารย์ที่ปรึกษา
Created:
2565
Modified:
2568-08-21
Issued:
2568-08-21
วิทยานิพนธ์/Thesis
application/pdf
tha
DegreeName: พุทธศาสตรมหาบัณฑิต
Level: ปริญญาโท
Descipline: สาขาวิชาพระพุทธศาสนา
Grantor: มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย
©copyrights มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย
RightsAccess:
ใช้เวลา
0.031309 วินาที
พระครูสมุห์สุพจน์ สุภกิจฺโจ (อินทะชัย)
| Title | Contributor | Type |
|---|---|---|
| การประยุกต์ใช้พรหมวิหาร 4 ในการบริหารจัดการงานของวัดตามทัศนคติของพระสงฆ์ในอำเภอเมือง จังหวัดปทุมธานี
มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย พระครูสมุห์สุพจน์ สุภกิจฺโจ (อินทะชัย) | พระธรรมวชิราจารย์ (สุชาติ กิตฺติปญฺโญ) สุพิชฌาย์ พรพิชณรงค์ | วิทยานิพนธ์/Thesis |
พระธรรมวชิราจารย์ (สุชาติ กิตฺติปญฺโญ)
สุพิชฌาย์ พรพิชณรงค์