อิทธิพลของการเอาใจเขามาใส่ใจเราและเจตคติต่อความตายที่มีต่อการดูแลด้านจิตวิญญาณผู้ป่วยระยะสุดท้ายของนักศึกษาพยาบาลในสถาบันอุดมศึกษา เขตภาคเหนือของประเทศไทย

Influence of empathy and attitude towards death affecting spiritual care of end-of-life patients among nursing students in higher education institutions in Northern Thailand

Name: อรุโณทัย ปัญญานะ

ThaSH: การดูแลผู้ป่วยระยะสุดท้าย

ThaSH: ความตาย -- แง่จิตวิทยา

ThaSH: จิตวิทยาการปรึกษา

ThaSH: การให้คำปรึกษา

ThaSH: นักศึกษาพยาบาล – ไทย (ภาคเหนือ)

Abstract: การวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาระดับการเอาใจเขามาใส่ใจเรา เจตคติต่อความตาย และการดูแลด้านจิตวิญญาณผู้ป่วยระยะสุดท้ายของนักศึกษาพยาบาลในสถาบันอุดมศึกษา เขตภาคเหนือของประเทศไทย ทั้งกลุ่มรวมและกลุ่มย่อย จำแนกตาม ชั้นปีและประเภทของสถาบันการศึกษาและเพื่อศึกษาอิทธิพลของการเอาใจเขามาใส่ใจเราและเจตคติต่อความตายที่ส่งผลต่อการดูแลด้านจิตวิญญาณผู้ป่วยระยะสุดท้ายของนักศึกษาพยาบาลในสถาบันอุดมศึกษาเขตภาคเหนือของประเทศไทย สุ่มกลุ่มตัวอย่างด้วยวิธีการสุ่มแบบแบ่งชั้น จำนวน 492 คน เครื่องมือในการรวบรวมข้อมูล คือ แบบสอบถามออนไลน์ แบ่งออกเป็น 4 ตอน ได้แก่ ข้อมูลทั่วไป แบบวัดการเอาใจเขามาใส่ใจเรา แบบวัดเจตคติต่อความตาย และแบบวัดการดูแลด้านจิตวิญญาณ การวิเคราะห์ข้อมูลใช้สถิติเชิงพรรณนาและการวิเคราะห์ความสัมพันธ์โครงสร้างเชิงสาเหตุผลการศึกษาพบว่าในกลุ่มรวมนักศึกษาพยาบาลมีการเอาใจเขามาใส่ใจเราในระดับค่อนข้างมาก มีเจตคติต่อความตายระดับปานกลาง และการดูแลด้านจิตวิญาณในระดับมาก เมื่อพิจารณาในกลุ่มย่อยพบว่ากลุ่มตัวอย่างส่วนใหญ่มีระดับการเอาใจเขามาใส่ใจเราอยู่ในระดับมากยกเว้น นักศึกษาพยาบาลพยาบาลชั้นปีที่ 4 และนักศึกษาพยาบาลพยาบาลสังกัดมหาวิทยาลัยเอกชนที่พบว่ามีระดับการเอาใจเขามาใส่ใจเราค่อนข้างมาก นอกจากนี้ยังพบว่ากลุ่มตัวอย่างส่วนใหญ่มีระดับเจตคติต่อความตายอยู่ในระดับปานกลาง และพบว่ากลุ่มตัวอย่างส่วนใหญ่มีการดูแลด้านจิตวิญญาณในระดับมากในระดับมากยกเว้น กลุ่มนักศึกษาพยาบาลพยาบาลสังกัดสถาบันบรมราชนกที่มีการดูแลด้านจิตวิญญาณในระดับค่อนข้างมาก สำหรับการศึกษาความสัมพันธ์เชิงสาเหตุการดูแลด้านจิตวิญญาณนักศึกษาพยาบาล หลังจากปรับโมเดลแล้วพบว่าโมเดลที่พัฒนาขึ้นมีความสอดคล้องกับข้อมูลเชิงประจักษ์ โดยมีค่าไค-สแควร์ (χ2) = 52.502, df = 20, χ2/df = 2.625, RMSEA = 0.058, SRMR = 0.033, GFI = .978, AGFI = .950, และ CN = 352.321 เส้นอิทธิพลมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05 ทุกตัวแปร นอกจากนี้ยังพบว่ามีเพียงการเอาใจเขามาใส่ใจเราที่มีอิทธิพลทางตรงต่อการดูแลด้านจิตวิญญาณ โดยมีค่าสัมประสิทธิ์อิทธิพลเท่ากับ .58 และพบว่าการเอาใจเขามาใส่ใจเราสามารถอธิบายความแปรปรวนของการดูแลด้านจิตวิญญาณได้ ร้อยละ 33.70

Abstract: This research aimed to examine the levels of empathy, attitudes toward death, and spiritual care for end-of-life patients among nursing students in higher education institutions in Northern Thailand. The analysis was conducted across the entire sample and sub-groups, classified by academic year and type of institution. Additionally, the study explored the influence of empathy and attitudes toward death on the provision of spiritual care. A stratified random sampling method was employed, resulting in 492 participants. Data were collected through an online questionnaire comprising four sections: demographic information, empathy assessment, attitude toward death evaluation, and spiritual care measurement. The data were analyzed using descriptive statistics and a causal structural relationship model.The results indicated that in a group of nursing students, there is a relatively high level of empathy, a moderate attitude toward death, and a high level of spiritual care. When considered a sub-group, most samples had a high level of empathy, except that of senior students, and students from private university institutions were likely high. When considered a sub-group, most samples had a high level of empathy, except that of senior students, and students from private university institutions were likely high. In addition, the majority of the sample group had a moderate attitude towards death. Further, the spiritual care of most samples was high, whereas that of the students from institutions under Boromarajonani College of Nursing was likely high.Regarding the causal relationship of spiritual care of nursing students, the developed model was consistent with the empirical data: Chi-square (χ2) was 52.502, df was 20, χ2/df was 2.625, RMSEA was 0.058, SRMR was 0.033, GFI was .978, AGFI was .950, and CN was 352.321. All path coefficients were statistically significant at the .05 level. Empathy directly affected spiritual care, with a coefficient of .580, explaining 33.70 % of its variance. These results highlight the critical role of empathy in enhancing the quality of spiritual care provided by nursing students to end-of-life patients. Furthermore, only empathy influenced the variance of spiritual care at 33.70%.

มหาวิทยาลัยเชียงใหม่. สำนักหอสมุด

Address: เชียงใหม่

Email: cmulibref@cmu.ac.th

Name: วีรวรรณ วงศ์ปิ่นเพ็ชร์

Role: อาจารย์ที่ปรึกษา

Created: 2568

Modified: 2568-10-06

Issued: 2568-08-11

วิทยานิพนธ์/Thesis

application/pdf

tha

Spatial: ไทย (ภาคเหนือ)

DegreeName: วิทยาศาสตรมหาบัณฑิต

Level: ปริญญาโท

Descipline: จิตวิทยาการปรึกษา

Grantor: มหาวิทยาลัยเชียงใหม่

©copyrights มหาวิทยาลัยเชียงใหม่

ลำดับที่.	ชื่อแฟ้มข้อมูล	ขนาดแฟ้มข้อมูล	จำนวนเข้าถึง	วัน-เวลาเข้าถึงล่าสุด
1	650132019.pdf	2.88 MB

ใช้เวลา

0.023544 วินาที