The role of equanimity in predicting the mental well-being of the residents in long-term care facilities in Thailand

บทบาทของอุเบกขาในการพยากรณ์ความผาสุกทางใจของผู้พักอาศัยในสถานพำนักระยะยาวในประเทศไทย

Name: Maung, J J

LCSH: Old age homes

LCSH: Old age homes -- Activity programs

LCSH: Buddhism -- Doctrines

Abstract: Background: With the global population aging rapidly, long-term care (LTC) facilities have become an essential support system for older adults, particularly in countries like Thailand where demographic shifts and changing family structures have increased institutionalization. The prevalence of mental health issues, such as depression, loneliness, and a decreased quality of life among older adults in long-term care (LTC) facilities in the country, calls for further study. In Thailand, where Buddhism is the predominant religion, many positive psychological strengths are fostered among older adults. One notable strength is equanimity, which is characterized by a balanced and accepting response to both positive and negative events. This practice is commonly associated with enhancing the well-being of older individuals. However, the study between equanimity and well-being is scarce. Objectives: The purpose of the study is to assess equanimity in LTC residents and to determine if it is significantly associated with the mental well-being of the residents. Methods: The cross-sectional data was obtained from 236 LTC residents in Thailand. Equanimity was measured using the Inner Strength-Based Inventory (iSBI). Mental well-being was investigated by applying the positively worded items from the Thai Geriatric Depression Scale (TGDS-6). Demographic factors, depression using the negatively worded items from the TGDS-6, loneliness using the 6-item Revised UCLA Loneliness Scale (RULS-6), and other inner strengths from the iSBI were also explored as covariates and were controlled in a logistic regression analysis. Results: The mean age of the participants was 73.52 ± 7.32 with 57.6% female and male 42.4%. The mean scores for equanimity (Mean = 3.78 ± 1.00) and mental well-being (Mean = 0.720 ± 0.449) were determined. The logistic regression analysis found equanimity significantly associated with well-being (B = 0.593, p = .002) and mindfulness (B = 0.355, p = .046) when covariates were controlled. Conclusions: This study identifies equanimity as a key association of mental well-being and mindfulness among Thai long-term care residents. With a rapidly aging population, promoting equanimity through targeted interventions may help address mental health challenges. While the study\'s cross-sectional design limits causal conclusions, the results suggest that incorporating equanimity-based practices into geriatric care could be beneficial. Given the global rise in aging populations and the increasing dependence on long-term care facilities, these findings could guide public health strategies aimed at improving the mental well-being of long-term care residents. When integrated into community-based mental health care, methods focusing on equanimity could provide practical tools to enhance emotional well-being and overall quality of life. Future longitudinal research is needed to validate these findings and improve resilience and well-being in aging populations.

Abstract: ภูมิหลัง: ด้วยจำนวนประชากรโลกที่สูงวัยเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว สถานพำนักระยะยาวจึงกลายเป็นระบบสนับสนุนที่สำคัญสำหรับผู้สูงอายุโดยเฉพาะในประเทศอย่างประเทศไทยที่การเปลี่ยนแปลงทางประชากรและโครงสร้างครอบครัวส่งผลให้มีสถานพำนักระยะยาวมากขึ้น ความชุกของปัญหาทางสุขภาพจิต เช่น ภาวะซึมเศร้า ความว้าเหว่ และคุณภาพชีวิตที่ลดลงในกลุ่มผู้สูงอายุที่อาศัยอยู่ในสถานพำนักระยะยาวในประเทศไทยจึงเป็นสิ่งต้องมีการศึกษา ในประเทศไทย ซึ่งพุทธศาสนาเป็นศาสนาหลัก มีการหล่อหลอมจุดแข็งทางจิตใจในผู้สูงอายุ สิ่งหนึ่งคืออุเบกขา ซึ่งเป็นภาวะจิตใจที่อยู่ในสมดุลและยอมับทั้งสถานการณ์เชิงบวกและเชิงลบ การฝึกปฏิบัติชนิดนี้มีความสัมพันธ์กับความผาสุกของผู้สูงอายุ อย่างไรก็ดีงานวิจัยที่ศึกษาความสัมพันธ์ระหว่างอุเบกขาและความผาสุกนั้นยังมีน้อยมาก วัตถุประสงค์: การศึกษานี้มีวัตถุประสงค์เพื่อประเมินระดับอุเบกขาของผู้สูงอายุที่อาศัยในสถานพำนักระยะยาว และศึกษาว่าอุเบกขาจะสามารถทำนายความผาสุกได้หรือไม่วิธีการ: ศึกษาข้อมูลภาคตัดขวางของผู้สูงอายุในสถานพำนักระยะยาวจำนวน 236 คนในประเทศไทย โดยใช้แบบวัดพลังใจ (iSBI) ในการประเมินระดับของอุเบกขา ความผาสุกวัดโดยประยุกต์ใช้แบบวัดความเศร้าในผู้สูงอายุไทย 6 ข้อ(TGDS-6) เฉพาะรายการคำถามเชิงบวก ปัจจัยทางประชากร ภาวะซึมเศร้า ความว้าเหว่ และจุดแข็งด้านอื่น ๆ ของแบบวัดพลังใจนำมาใช้เพื่อเป็นตัวแปรร่วม การวิเคราะห์ถดถอยโลจิสติก (logistic regression)ผลลัพธ์: อายุเฉลี่ยของผู้เข้าร่วมในงานวิจัยคือ73.52 ± 7.32 ปี โดยเป็นเพศหญิงร้อยละ 57.6 และชายร้อยละ 42.4 ค่าเฉลี่ยของคะแนนอุเบกขาอยู่ที่ 3.78 ± 1.00 (เต็ม5) และค่าเฉลี่ยของคะแนนความผาสุกอยู่ที่ 0.720 ± 0.449 ผลการวิเคราะห์การถดถอยโลจิสติกพบว่าอุเบกขาสามารถทำนายความผาสุกได้อย่างมีนัยสำคัญ (B = 0.593, p = .002) รวมถึงสติ (B = 0.355, p = .046) เมื่อมีการควบคุมตัวแปรร่วมแล้ว สรุป: การศึกษานี้ชี้ให้เห็นว่า อุเบกขาเป็นตัวพยากรณ์สำคัญของความผาสุกและสติในกลุ่มผู้สูงอายุที่อาศัยในสถานพำนักระยะยาวในประเทศไทย ด้วยจำนวนผู้สูงอายุที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว การส่งเสริมให้ผู้สูงอายุมีอุเบกขาผ่านโปรแกรมหรือกิจกรรมที่ออกแบบมาโดยเฉพาะ อาจช่วยบรรเทาปัญหาสุขภาพจิตในกลุ่มนี้ได้ แม้ว่าการออกแบบการศึกษาภาคตัดขวางจะมีข้อจำกัดในการสรุปเชิงเหตุและผล แต่ผลลัพธ์นี้ชี้ให้เห็นว่าการบูรณาการแนวปฏิบัติที่เกี่ยวข้องกับการฝึกให้มีอุเบกขาเข้าไปในการดูแลผู้สูงอายุ อาจเป็นแนวทางที่มีประโยชน์ในบริบทที่ประชากรสูงวัยกำลังเพิ่มขึ้นทั่วโลก และมีแนวโน้มต้องพึ่งพาสถานพำนักระยะยาวมากขึ้น ข้อมูลจากการศึกษานี้อาจช่วยชี้นำกลยุทธ์ด้านสาธารณสุขเพื่อพัฒนาความผาสุกของผู้สูงอายุที่อาศัยในสถานพำนักระยะยาวได้ หากสามารถนำแนวปฏิบัติที่ส่งเสริมการฝึกอุเบกขาไปปรับใช้ในระบบสุขภาพจิตระดับชุมชน ก็อาจเป็นเครื่องมือที่มีประสิทธิภาพในการเสริมสร้างความผาสุกและคุณภาพชีวิตโดยรวม ดังนั้น ควรมีการศึกษาวิจัยระยะยาวในอนาคตเพื่อยืนยันผลลัพธ์เหล่านี้ และหาทางพัฒนาแนวทางเสริมสร้างจุดแข็งและความผาสุกในกลุ่มผู้สูงอายุต่อไป

Chiang Mai University. Library

Address: CHIANG MAI

Email: cmulibref@cmu.ac.th

Name: Nahathai Wongpakaran

Role: Advisor

Name: Tinakon Wongpakaran

Role: Advisor

Name: Carmelle Peisah

Role: Advisor

Created: 2025

Modified: 2025-08-06

Issued: 2025-08-06

วิทยานิพนธ์/Thesis

application/pdf

eng

DegreeName: Master of Science

Level: Master's Degree

Descipline: Mental Health

Grantor: Chiang Mai University

©copyrights Chiang Mai University

ลำดับที่.	ชื่อแฟ้มข้อมูล	ขนาดแฟ้มข้อมูล	จำนวนเข้าถึง	วัน-เวลาเข้าถึงล่าสุด
1	662835804.pdf	843.83 KB

ใช้เวลา

0.039618 วินาที