การศึกษาโรคช่อดอกพลาสติกมะม่วงสายพันธุ์น้ำดอกไม้สีทองและการประเมินศักยภาพของจุลินทรีย์ปฏิปักษ์สำหรับการควบคุมโรค

Study on malformation inflorescences disease of Nam Dok Mai Si Thong Mango and evaluation of antagonistic microorganism efficiency for disease controlling

Name: ปาริตา จังพล

ThaSH: มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ -- วิทยานิพนธ์. วท.ม. (โรคพืช) 2563

Classification :.LCCS: SB608.M3

ThaSH: มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์. สาขาโรคพืช -- วิทยานิพนธ์

ThaSH: มะม่วง -- พันธุ์น้ำดอกไม้ -- โรคและศัตรูพืช

ThaSH: มะม่วง -- โรคและศัตรูพืช

ThaSH: โรคเกิดจากเชื้อราในพืช

ThaSH: เชื้อราปฏิปักษ์

ThaSH: เชื้อราโรคพืช

ThaSH: เชื้อรา

Abstract: โรคช่อดอกพลาสติกในมะม่วงสายพันธุ์น้ำดอกไม้เป็นปัญหาสำคัญในการผลิตมะม่วงในประเทศไทย การศึกษาครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อจำแนกชนิดของเชื้อราในดอกมะม่วงน้ำดอกไม้ที่พบในมะม่วงที่มีอาการโรคช่อดอกพลาสติกโดยอาศัยทางลักษณะสัณฐาน และการวิเคราะห์ลำดับนิวคลีโอไทด์ เพื่อศึกษาการก่อโรคของเชื้อราสาเหตุ และความสัมพันธ์ทางพันธุกรรมของเชื้อราด้วยเครื่องหมายดีเอ็นเอ และเพื่อประเมินศักยภาพของจุลินทรีย์ปฏิปักษ์และสารเคมีในการควบคุมเชื้อราที่แยกได้จากดอกที่แสดงอาการโรคช่อดอกพลาสติก การสำรวจและรวบรวมตัวอย่างของโรคช่อดอกพลาสติกในมะม่วงน้ำดอกไม้จาก 6 จังหวัด เมื่อจำแนกชนิดของเชื้อราด้วยลักษณะทางสัณฐานได้เป็นเชื้อรา Fusarium spp. (91 ไอโซเลต), Curvularia spp. (14 ไอโซเลต), Chaetomella spp. (4 ไอโซเลต) และ Colletotrichum spp. (2 ไอโซเลต) และ จากการวิเคราะห์ลำดับนิวคลีโอไทด์บริเวณ ITS rDNA สามารถจัดกลุ่มได้ตามจีนัสและสปีชีส์ของเชื้อรา ได้แก่ Curvularia spp., Colletotrichum spp. และ Chaetomella spp. ในขณะที่การจำแนกเชื้อรา Fusarium spp. ด้วยลำดับนิวคลีโอไทด์บริเวณ ITS rDNA สามารถจัดกลุ่มได้ตามสปีชีส์ของเชื้อรา ได้แก่ F. incarnatum-equiseti และ F. solani ยกเว้น F. proliferatum และ F. mangiferae จัดอยู่ในกลุ่มเดียวกัน เมื่อนำไปวิเคราะห์ลำดับนิวคลีโอไทด์ของยีน TEF-1α และ RPB2 สามารถแยกเชื้อราสองสปีชีส์ได้ นอกจากนี้การประเมินความผันแปรทางพันธุกรรมของเชื้อรา Fusarium spp. ด้วยเครื่องหมาย ISSR พบว่าเชื้อรา Fusarium spp. มีความหลากหลายทางพันธุกรรมสูง และการจัดกลุ่มไม่สอดคล้องกับสปีชีส์ สำหรับการทดสอบการยับยั้งเชื้อราโดยจุลินทรีย์ปฏิปักษ์พบว่า T. asperellum (CB-Pin01) มีศักยภาพในการยับยั้ง Fusarium spp. โดยมีเปอร์เซ็นต์การยับยั้ง 74.58% ในขณะที่แบคทีเรีย Bacillus spp. (B2) มีการยับยั้งดีที่สุด โดยมีเปอร์เซ็นต์การยับยั้ง 57.53% นอกจากนี้มีการทดสอบการยับยั้งเชื้อราโดยสารเคมีพบว่า prochloraz มีศักยภาพการยับยั้งการเจริญของเชื้อรา Fusarium spp. ทุกไอโซเลต และมีเปอร์เซ็นต์การยับยั้งระหว่าง 84.55-89.43% จากการศึกษานี้แสดงให้เห็นว่าจุลินทรีย์ปฏิปักษ์มีศักยภาพในการควบคุมเชื้อราได้ The malformation inflorescences of Nam Dok Mai mangoes is a problem of mango production in Thailand. The objectives of this study were to identify the fungal species isolated from malformation inflorescences of Nam Dok Mai mangoes by morphological and DNA sequencing analysis, to study the pathogenicity of malformation inflorescences disease and to analyze genetic relations among fungi using DNA markers. Moreover, to evaluate the potential of antagonistic microorganisms and chemicals to inhibit those fungi. The disease survey was conducted in 6 provinces, the normal and abnormal inflorescences samples were collected and then fungal species were indentified using morphological characteristics. All fungal isolates including Fusarium spp., Curvularia spp., Chaetomella spp. and Colletotrichum spp. were recorded. Based on nucleotide sequence analysis of ITS rDNA region, the fungal isolates were clusted and associated with genus and species including Curvularia spp., Chaetomella spp. and Colletotrichum spp. While, identification of Fusarium spp. using ITS sequence analysis could be identified and grouped to species exception F. proliferatum and F. mangiferae were in the same group. Thus, the nucleotide sequence analysis of TEF-1α and RPB2 gene was done and separated these species in different clade. Moreover, genetic variability of Fusarium spp. was evaluated using ISSR marker. The results indicated that Fusarium spp. were high genetic diversity and the grouping was not related to species. In addition, the potential of biocontrol agents and chemicals were evaluated. The result indicated that Trichoderma asperellum (CB-Pin-01) had the highest effectiness to inhibit the Fusarium growth with 74.58%. While, Bacillus spp. (B2) was the most effective antagonistic bacteria against Fusarium spp. with 57.53%. The chemical control testing revealed that procholoraz was the most effective chemical against all isolated of Fusarium spp. by the inhibition rate between 84.55-89.43%. This study indicated that the antagonistic microorganisms are potential to control the fungal pathogen.

มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์. สำนักหอสมุด

Address: กรุงเทพมหานคร

Email: tdckulib@ku.ac.th

Name: จินตนา อันอาตม์งาม

Role: อาจารย์ที่ปรึกษาวิทยานิพนธ์หลัก

Name: วรรณวิไล อินทนู

Role: อาจารย์ที่ปรึกษาวิทยานิพนธ์ร่วม

Created: 2563

Modified: 2568-07-02

Issued: 2568-07-02

วิทยานิพนธ์/Thesis

application/pdf

URL: https://www.lib.ku.ac.th/KUthesis/2563/parita-jan-all.pdf

CallNumber: SB608.M3 .ป27

tha

DegreeName: วิทยาศาสตรมหาบัณฑิต

Level: ปริญญาโท

Descipline: โรคพืช

Grantor: มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์

©copyrights มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์

ลำดับที่.	ชื่อแฟ้มข้อมูล	ขนาดแฟ้มข้อมูล	จำนวนเข้าถึง	วัน-เวลาเข้าถึงล่าสุด
1	parita-jan-all.pdf	7.28 MB

ใช้เวลา

0.024462 วินาที