ผลการจัดการเรียนรู้แบบร่วมมือด้วยเทคนิคเอสทีเอดีร่วมกับ แอปพลิเคชันพลิกเกอร์ที่มีต่อผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนและ ความพึงพอใจต่อการเรียนวิชาภาษาอังกฤษของนักเรียน ชั้นประถมศึกษาปีที่ 3

The Effects of Cooperative Learning Management by STAD Technique with Plickers Application on Learning Achievement and Satisfaction in English Subjects of Prathomsuksa 3 Students

Name: อริยธีรา อภัยนอก

ThaSH: ความพึงพอใจต่อการเรียน

ThaSH: ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน

ThaSH: แอปพลิเคชันพลิกเกอร์

ThaSH: เทคนิคเอสทีเอดี

ThaSH: การจัดการเรียนรู้แบบร่วมมือ

Abstract: การวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อ 1) เปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนวิชาภาษาอังกฤษของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 ก่อนและหลังการจัดการเรียนรู้แบบร่วมมือด้วยเทคนิคเอสทีเอดีร่วมกับแอปพลิเคชันพลิกเกอร์ 2) เปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนวิชาภาษาอังกฤษของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 ที่ได้รับการจัดการเรียนรู้แบบร่วมมือด้วยเทคนิคเอสทีเอดีร่วมกับแอปพลิเคชันพลิกเกอร์กับเกณฑ์ร้อยละ 80 ของคะแนนเต็ม และ 3) ศึกษาความพึงพอใจต่อการเรียน วิชาภาษาอังกฤษของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 ที่ได้รับการจัดการเรียนรู้แบบร่วมมือด้วยเทคนิค เอสทีเอดีร่วมกับแอปพลิเคชันพลิกเกอร์ กลุ่มตัวอย่าง ได้แก่ นักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 โรงเรียนบ้านวังแขม (สว่างชัยวงษ์) จังหวัดกำแพงเพชร จำนวน 34 คน ที่ได้มาจากการสุ่มแบบกลุ่ม เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย ได้แก่ 1) แผนการจัดการเรียนรู้แบบร่วมมือด้วยเทคนิคเอสทีเอดีร่วมกับ แอปพลิเคชันพลิกเกอร์ จำนวน 6 แผน ที่มีความเหมาะสมในระดับมาก (X̅ = 4.49, S.D. = 0.03) 2) แบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนที่มีความเที่ยงตรงเชิงเนื้อหาระหว่าง 0.67 - 1.00 ค่าความยากระหว่าง 0.20 – 0.80 ค่าอำนาจจำแนกระหว่าง 0.20 – 0.47 และค่าความเชื่อมั่น เท่ากับ 0.93 และ 3) แบบวัดความพึงพอใจต่อการเรียนวิชาภาษาอังกฤษที่มีค่าความเที่ยงตรง เชิงโครงสร้างระหว่าง 0.67 – 1.00 ค่าอำนาจจำแนกระหว่าง 0.31 - 0.66 และค่าความเชื่อมั่น เท่ากับ 0.81 การวิเคราะห์ข้อมูลโดยการหาค่าเฉลี่ย ค่าส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน การทดสอบค่าที กรณีกลุ่มตัวอย่างไม่เป็นอิสระต่อกันและการทดสอบค่าทีกรณีกลุ่มเดียวผลการวิจัยพบว่า 1. นักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 ที่ได้รับการจัดการเรียนรู้แบบร่วมมือด้วยเทคนิค เอสทีเอดีร่วมกับแอปพลิเคชันพลิกเกอร์ มีคะแนนเฉลี่ยก่อนเรียนเท่ากับ 17.09 ค่าส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐานเท่ากับ 4.30 และคะแนนเฉลี่ยหลังเรียนเท่ากับ 25.15 ค่าส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน เท่ากับ 3.84 เมื่อเปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนก่อนและหลังเรียน พบว่า นักเรียนมีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนหลังเรียนสูงกว่าก่อนเรียน อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05 2. นักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 ที่ได้รับการจัดการเรียนรู้แบบร่วมมือด้วยเทคนิค เอสทีเอดีร่วมกับแอปพลิเคชันพลิกเกอร์ มีคะแนนเฉลี่ยหลังเรียนเท่ากับ 25.15 ค่าส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน เท่ากับ 3.84 เมื่อเปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนหลังเรียนกับเกณฑ์ร้อยละ 80ของคะแนนเต็ม พบว่า นักเรียนมีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนหลังเรียนสูงกว่าเกณฑ์ร้อยละ 80 อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05 3. นักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 ที่ได้รับการจัดการเรียนรู้แบบร่วมมือด้วยเทคนิค เอสทีเอดีร่วมกับแอปพลิเคชันพลิกเกอร์ มีความพึงพอใจต่อการเรียนวิชาภาษาอังกฤษอยู่ใน ระดับมาก (X̅ = 2.86, S.D. = 0.13)

Abstract: The purposes of this research were to 1) compare the learning achievement of Prathomsuksa 3 Students between before and after cooperative learning management by STAD technique with Plickers application 2) compare the learning achievement of Prathomsuksa 3 Students after cooperative learning management by STAD technique with Plickers application and the criteria 80% of full score, and 3) study the satisfaction towards learning in English Subject of Prathomsuksa 3 Students after cooperative learning management by STAD technique with Plickers application. The samples were 34 Prathomsuksa 3 Students of BanWangkham (Sawangchaiwong) School obtained by cluster random sampling. The instruments were 1) the 6 lesson plans concerning the cooperative learning management by STAD technique with Plickers application with the high appropriate (X̅ = 4.49, S.D. = 0.03) 2) the achievement test with the validity between 0.67 – 1.00, the difficulty between 0.20 –0.80 the discrimination between 0.20 - 0.47 and the reliability as 0.93 and 3) the assessment form of satisfaction toward learning in English Subject with the validity between 0.67– 1.00 the discrimination between 0.31 - 0.66 and the reliability as 0.81 The data were analyzed by using mean, standard deviation, t-test for dependent sample and t-test for one sample. The research findings were as follows: 1. The Prathomsuksa 3 Students were received the cooperative learning management by STAD technique with Plickers application had the mean score before learning as 17.09, standard deviation as 4.30, and after learning had the mean score as 25.15, standard deviation as 3.84. The comparison of the learning achievement before and after was found that the learning achievement after learning higher than before statistically significant at the .05 level.2. The Prathomsuksa 3 students received the learning by cooperative learning management using the STAD technique with the Plickers application. The mean score after learning was 25.15, with a with a standard deviation of 3.84. The comparison of the learning achievement and the criteria of 80% of the full score found that the learning achievement after learning was higher than the criteria of 80% of the full score statistically significant at the.05 level. 3. The Prathomsuksa 3 students received cooperative learning management by STAD technique with Plickers application and had satisfaction toward learning in English at the high level (X̅ = 2.86, S.D. = 0.13).

มหาวิทยาลัยราชภัฏนครสวรรค์. สำนักวิทยบริการและเทคโนโลยีสารสนเทศ

Address: นครสวรรค์

Email: library@nsru.ac.th

Name: พรรณราย เทียมทัน

Role: อาจารย์ที่ปรึกษาวิทยานิพนธ์

Created: 2566

Modified: 2568-06-24

Issued: 2568-06-24

วิทยานิพนธ์/Thesis

application/pdf

tha

DegreeName: ครุศาสตรมหาบัณฑิต

Level: ปริญญาโท

Descipline: หลักสูตรและการสอน

Grantor: มหาวิทยาลัยราชภัฏนครสวรรค์

©copyrights มหาวิทยาลัยราชภัฏนครสวรรค์

ลำดับที่.	ชื่อแฟ้มข้อมูล	ขนาดแฟ้มข้อมูล	จำนวนเข้าถึง	วัน-เวลาเข้าถึงล่าสุด
1	Ariyathira Aphainok.pdf	6.32 MB	18	2025-10-20 18:47:46

ใช้เวลา

-0.981265 วินาที