ความสัมพันธ์ระหว่างข้อมูลคดีและคำพิพากษาของศาลฎีกาในข้อพิพาทงานก่อสร้าง

Relationship between case data and a supreme court judgments in construction dispute

Name: อรัณย์ นาดี

ThaSH: การก่อสร้าง

ThaSH: กฎหมายก่อสร้าง

ThaSH: กฎหมายก่อสร้าง -- บทบัญญัติทางอาญา

ThaSH: ศาลฎีกา

Abstract: วัตถุประสงค์ของงานวิจัยนี้ คือ การรวบรวมและจำแนกข้อมูลคดีพิพาทงานก่อสร้างจากคำพิพากษา ศาลฎีการะหว่างปี พ.ศ. 2541 ถึง พ.ศ. 2565 เพื่อวิเคราะห์ความสัมพันธ์ระหว่างข้อมูลคดีจำนวนเจ็ดชนิดและ ผลคำพิพากษาของศาลฎีกา จากการคัดกรองคดีโดยการกำหนดคำสำคัญและการอ่านคำพิพากษาแบบย่อโดยละเอียดพบข้อพิพาทงานก่อสร้างจำนวน 134 คดี ข้อมูลโดยรวมของคดีเหล่านั้นเป็นดังนี้ สัดส่วนคดีที่ผู้ว่าจ้างและผู้รับจ้างเป็นฝ่ายเริ่มดำเนินคดีไม่มีความแตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญ ผู้ว่าจ้างและผู้รับจ้างในคดีพิพาทโดยส่วนใหญ่เป็นนิติบุคคลและสิ่งปลูกสร้างมูลเหตุพิพาทส่วนใหญ่เป็นสิ่งปลูกสร้างประเภทอาคาร การว่าจ้างเกือบทั้งหมดเป็นการว่าจ้างก่อสร้างสิ่งปลูกสร้างใหม่ คดีที่ปรากฏในชั้นฎีกาโดยส่วนใหญ่ถูกอุทธรณ์และฎีกาโดยฝ่ายจำเลย สัดส่วนคดีที่ศาลมีคำพิพากษาให้โจทก์และจำเลยเป็นฝ่ายชนะคดีเท่ากับ 75.40%:24.60% และสัดส่วนคดีที่ศาลพิพากษาให้ผู้ว่าจ้างและผู้รับจ้างเป็นฝ่ายชนะคดีเท่ากับ 53.70%:46.30% ผลการทดสอบไคสแควร์ระบุว่า ประเภทของฝ่ายที่เริ่มดำเนินคดีและลักษณะงานมีความสัมพันธ์กับผลคำพิพากษาต่อโจทก์และจำเลยอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ ในขณะที่ประเภทฝ่ายที่เริ่มดำเนินคดีและประเภทผู้ว่าจ้างก็มีความสัมพันธ์กับผลคำพิพากษาต่อผู้ว่าจ้างและผู้รับจ้างอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ คำสำคัญ : ข้อพิพาทงานก่อสร้าง คดีพิพาทงานก่อสร้าง คำพิพากษาศาลฎีกา ข้อพิพาทในงานก่อสร้าง

Abstract: The objective of this research is to collect and classify construction dispute case data from Supreme Court judgments between the years 2541 B.E. to 2565 B.E., aiming to analyze the relationship between seven types of case data and court judgments. By employing a method of case screening involving the identification of specific keywords and a thorough examination of judgments, 134 construction dispute cases were identified. The overall characteristics of these cases are as follows: the proportion of cases where the employer and the contractor initiated the case did not differ significantly. The majority of employers and contractors involved in dispute cases were legal entities, and most of the disputed initiated construction works were building structures. Almost all contracts were for new construction projects. The majority of cases in the Supreme Court were appealed to the Courts of Appeal and the Supreme Court by the defendants. The proportion of cases where the court ruled for the plaintiff and defendant was 75.40%:24.60%, and the proportion of cases where the court ruled for the employer and contractor was 53.70%:46.30%. The results of chi-square tests indicated a statistically significant relationship between the type of initiating party and the type of construction with the court ruling for the plaintiff and defendant. Meanwhile, the types of employers and contractors exhibited a statistically significant relationship with the court ruling for the employer and contractor. Keywords: Construction Dispute Cases, Supreme Court Judgments, Construction Disputes

มหาวิทยาลัยเชียงใหม่. สำนักหอสมุด

Address: เชียงใหม่

Email: cmulibref@cmu.ac.th

Name: นที สุริยานนท์

Role: อาจารย์ที่ปรึกษา

Created: 2567

Modified: 2567-12-16

Issued: 2567-12-16

วิทยานิพนธ์/Thesis

application/pdf

tha

DegreeName: วิศวกรรมศาสตรมหาบัณฑิต

Level: ปริญญาโท

Descipline: วิศวกรรมและการบริหารการก่อสร้าง

Grantor: มหาวิทยาลัยเชียงใหม่

©copyrights มหาวิทยาลัยเชียงใหม่

ลำดับที่.	ชื่อแฟ้มข้อมูล	ขนาดแฟ้มข้อมูล	จำนวนเข้าถึง	วัน-เวลาเข้าถึงล่าสุด
1	650632060.pdf	54.98 MB

ใช้เวลา

0.022482 วินาที