การพัฒนาความสามารถในการถ่ายโอนความคิดของนักเรียนระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 ในรายวิชาฟิสิกส์ เรื่อง งานและพลังงาน โดยการจัดการเรียนรู้โดยใช้บริบทเป็นฐาน

The development of knowledge transferability of grade 10 students in the topics of work and energy using context-based learning

Name: ณัฏฐนันธ์ จันทรังสิกุล

ThaSH: มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ -- วิทยานิพนธ์. ศษ.ม. (วิทยาศาสตร์ศึกษา) 2562.

Classification :.LCCS: QC30

ThaSH: มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์. -- สาขาวิทยาศาสตร์ศึกษา -- วิทยานิพนธ์

ThaSH: ฟิสกส์ -- การศึกษาและการสอน (มัธยมศึกษา)

ThaSH: วิทยาศาสตร์ -- การศึกษาและการสอน (มัธยมศึกษา)

ThaSH: พลังงาน -- การศึกษาและการสอน (มัธยมศึกษา)

Abstract: การวิจัยเชิงปฏิบัติการในชั้นเรียนครั้งนี้มีวัตถุประสงค์ 1) เพื่อพัฒนาความสามารถในการถ่ายโอนความคิดเรื่องงานและพลังงาน ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 และ 2) เพื่อศึกษาแนวทางการจัดการเรียนรู้โดยใช้บริบทเป็นฐานเพื่อพัฒนาความสามารถในการถ่ายโอนความคิดของนักเรียน กลุ่มที่ศึกษาเป็นนักเรียนระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 แผนการเรียนวิทยาศาสตร์และคณิตศาสตร์ จำนวน 29 คน ของโรงเรียนขนาดใหญ่แห่งหนึ่งในจังหวัดกรุงเทพมหานคร เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัยประกอบด้วย แบบวัดความสามารถในการถ่ายโอนความคิด บันทึกหลังการจัดการเรียนรู้ของครู บันทึกวีดิทัศน์ ผู้วิจัยวิเคราะห์แบบวัดความสามารถในการถ่ายโอนความคิด โดยวิเคราะห์คำตอบและจัดกลุ่มแนวคิดออกเป็น 5 กลุ่ม จากนั้นจับคู่ข้อคำถามในแบบวัดและคำตอบของนักเรียน กำหนดค่าคะแนนให้แต่ละกลุ่มแนวคิด คำนวณหาค่าคะแนนความสามารถในการถ่ายโอนความคิด และจัดกลุ่มความสามารถในการถ่ายโอนความคิดเป็น 3 กลุ่ม ได้แก่ ความสามารถในการถ่ายโอนความคิดสมบูรณ์ ความสามารถในการถ่ายโอนความคิดไม่สมบูรณ์ และไม่มีความสามารถในการถ่ายโอนความคิด ตามลำดับ และวิเคราะห์ข้อมูลเชิงคุณภาพด้วยการวิเคราะห์เนื้อหา ผลการวิจัยพบว่า หลังจากการจัดการเรียนรู้โดยใช้บริบทเป็นฐาน นักเรียนมีความสามารถในการถ่ายโอนความคิดในเรื่องงานและพลังงานได้ในระดับสมบูรณ์ จำนวน 16 คน กล่าวคือ นักเรียนสามารถนำแนวคิดที่ได้เรียนรู้ไปใช้ในการเชื่อมโยงและอธิบายในสถานการณ์ใหม่ ๆ ที่พบเจอได้มากขึ้น นอกจากนี้ยังพบว่าลักษณะความเป็นนามธรรม ความซับซ้อน สามารถสังเกตและวัดค่าที่เปลี่ยนแปลงไปของปริมาณต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องของแนวคิด แต่ละเรื่องส่งผลให้นักเรียนสามารถถ่ายโอนความคิดได้แตกต่างกัน นอกจากนี้ผลการวิจัยพบว่าแนวทางการจัดการเรียนรู้โดยใช้บริบทเป็นฐานในเรื่องงานและพลังงาน ควรเริ่มต้นจากการใช้สถานการณ์ที่ใกล้ตัว ที่นักเรียนคุ้นเคย เพื่อตรวจสอบความรู้เดิมและใช้สถานการณ์ที่เป็นปัญหาท้าทายเพื่อสร้างแรงจูงใจให้นักเรียนเกิดการเรียนรู้ จากนั้นให้นักเรียนทำกิจกรรมในขั้นลงมือปฏิบัติ ซึ่งรูปแบบของกิจกรรมต้องสอดคล้องกับสถานการณ์เริ่มต้นและธรรมชาติของเนื้อหา โดยการเปิดโอกาสให้นักเรียนได้ออกแบบและลองผิดลองถูกเพื่อให้นักเรียนได้เรียนรู้แนวคิดสำคัญ รวมทั้งควรใช้สื่อในเนื้อหาที่ไม่สามารถวัดค่าได้จากการทำกิจกรรมการทดลอง และสุดท้ายจบด้วยการนำสถานการณ์ที่ใกล้เคียงกับสถานการณ์ในตอนเริ่มต้นบทเรียน แต่มีความซับซ้อนของเงื่อนไขในสถานการณ์ เพื่อให้นักเรียนสามารถถ่ายโอนความคิดไปยังสถานการณ์ใหม่ The purposes of this classroom action research were 1) to investigate the knowledge transfer ability of grade 10 students and 2) to find out the best practices of context-based learning on work and energy. The participants were 29 grade 10 students of a science-math classroom in a big school located in Bangkok. The research instruments were a knowledge transfer ability test, reflective journal entries of researcher and video recording of teaching. The test was analysed by categorizing students’ responses into five groups, followed by matching question in the test and students’ answers to calculate transferability scores. The transferability scores were categorized into three groups, including complete transfer ability, partial transfer ability and no transfer ability respectively. The qualitative data were analysed by content analysis. The results revealed that after learning by the context-based learning, 16 students have complete knowledge transfer ability. Student could connect the concept they have learned to describe new situations more. In also found that the abstraction, complexity and the ability to observe and measure the quantities resulted in the students being able to transfer knowledge differently. The finding showed that the best practices of context-based learning on work and energy should initiate with student’s familiar situations in order to elicit prior knowledge and use challenging situations to motivate student learning. Then, having students engage in hand-on activities in accordance with initial situation and nature of content. The chance to design and trial and error to construct key concepts should be provided to students. Moreover, media should be used to support students’ learning in the content that cannot be measured directly from experiment. Finally, teacher should end up with bringing similar situations to the initial situation with more complex conditions to facilitate transferability to new situations

มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์. สำนักหอสมุด

Address: กรุงเทพมหานคร

Email: tdckulib@ku.ac.th

Name: เอกรัตน์ ทานาค

Role: อาจารย์ที่ปรึกษาวิทยานิพนธ์หลัก

Name: สุรศักดิ์ เชียงกา

Role: อาจารย์ที่ปรึกษาวิทยานิพนธ์ร่วม

Created: 2562

Modified: 2567-06-10

Issued: 2567-06-10

วิทยานิพนธ์/Thesis

วิทยานิพนธ์/Thesis

application/pdf

URL: https://kasetsart.idm.oclc.org/login?url=http://www.lib.ku.ac.th/KUthesis/2562/nattanan-jan-all.pdf

CallNumber: QC30.ณ113

tha

DegreeName: เศรษฐศาสตรมหาบัณฑิต

Level: ปริญญาโท

Descipline: วิทยาศาสตร์ศึกษา

Grantor: มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์

©copyrights มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์

ลำดับที่.	ชื่อแฟ้มข้อมูล	ขนาดแฟ้มข้อมูล	จำนวนเข้าถึง	วัน-เวลาเข้าถึงล่าสุด
1	nattanan-jan-all.pdf	3.59 MB	23	2025-10-20 21:58:34

ใช้เวลา

0.027503 วินาที