แนวทางการบริหารจัดการความขัดแย้งของสถานศึกษา สังกัดสานักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาบุรีรัมย์ เขต 2

Guidelines for conflict management of schools under the Buriram primary educational service area office 2

Name: ศรีประภา ประเมินชัย

Address: บ้านเลขที่ 192 หมู่ 13 ตาบลสูงเนิน อาเภอกระสัง จังหวัดบุรีรัมย์ รหัสไปรษณีย์ 31160

keyword: ความขัดแย้งในสถานศึกษา

Classification :.DDC: 371.2

; สถานศึกษา

; การบริหารสถานศึกษา

Abstract: การวิจัยครั้งนี้มีวัตุประสงค์เพื่อ 1) เพื่อศึกษาสภาพความขัดแย้งของสถานศึกษาสังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาบุรีรัมย์ เขต 2 2) เพื่อเปรียบเทียบสภาพความของสถานศึกษาสังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาบุรีรัมย์ เขต 2 จำแนกตามเพศ อายุ และประสบการณ์ 3) เพื่อจัดทำแนวทางการบริหารจัดการความขัดแย้งของสถานศึกษาสังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาบุรีรัมย์ เขต 2 กลุ่มตัวอย่าง คือ ผู้บริหารสถานศึกษาและครูหัวหน้าฝ่ายบุคคล จำนวน 288 คน ได้มาจากการสุ่มตัวอย่างแบบหลายขั้นตอน เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย คือ แบบสอบถาม สถิติที่ใช้ในการวิจัย คือ การแจกแจงความถี่ (Frequency) ค่าร้อยละ (Percentile) ค่าเฉลี่ย (Mean) สถิติทดสอบ ที (t – test for independent) และการใช้สถิติทดสอบเอฟ (F – test) โดยการวิเคราะห์ความแปรปรวนแบบทางเดียว (One – Way ANOVA) ผลการวิจัยพบว่า 1. สภาพความขัดแย้งของสถานศึกษาสังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาบุรีรัมย์ เขต 2 โดยรวมมีค่าเฉลี่ยอยู่ในระดับปานกลาง เมื่อพิจารณาเป็นรายด้าน พบว่า อยู่ในระดับปานกลางทั้ง 3 ด้าน เรียงลำดับค่าเฉลี่ยจากมากไปหาน้อยได้ดังนี้ คือ ด้านบุคคล ด้านสภาพองค์การ และด้านปฏิสัมพันธ์ 2. การเปรียบเทียบสภาพความขัดแย้งของสถานศึกษา สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาบุรีรัมย์ เขต 2 จำแนกตามเพศ อายุและประสบการณ์ โดยรวมมีความแตกต่างกัน 3. แนวทางการบริหารจัดการความขัดแย้งของสถานศึกษาสังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาบุรีรัมย์ เขต 2 3.1 ด้านบุคคล เข้าใจความต่างระหว่างบุคคล ลักษณะนิสัย บุคลิกภาพ ข้อเด่นและข้อด้อยของสมาชิกในองค์กร กำหนดเป้าหมายที่ชัดเจน และสร้างความตระหนักถึงเป้าหมายให้เกิดขึ้นไปในทิศทาง สร้างทัศนคติที่ดีในการทำงาน 3.2 ด้านปฏิสัมพันธ์ในการทำงาน ส่งเสริมกิจกรรมที่สร้างปฏิสัมพันธ์ที่ดี พบปะพูดคุย สร้างปฏิสัมพันธ์ในการสื่อสารที่ดี สร้างความเข้าอกเข้าใจ สร้างทีมคุณภาพที่มีความสามัคคีกัน ส่งเสริมขวัญและกำลังใจ ด้วยการยกย่อง ชมเชย และให้รางวัล มอบเกียรติบัตรในที่ประชุม เพื่อเป็นการให้กำลังใจและเชิดชูเกียรติกับครูและบุคลากรที่ปฏิบัติหน้าที่ได้อย่างมีประสิทธิภาพ 3.3 ด้านสภาพองค์การ กำหนดโครงสร้าง บทบาทหน้าที่ การมอบหมายงานให้เหมาะสมตรงกับความสารถของบุคคล กำหนดกฎระเบียบให้ชัดเจน กำหนดวัฒนธรรมองค์กร เพื่อสร้างความตระหนักในการทำงาน กำหนดปฏิทินการนิเทศที่ชัดเจนเป็นไปความต้องการของครู บริหารสถานศึกษาด้วยหลักธรรมาภิบาล มีความโปร่งใสยุติธรรม ไม่เลือกข้างวางตัวเป็นกลาง สร้างความท้าทายและสละให้เมื่อบรรลุผลที่วางไว้ The objectives of this research were: 1) to study conflict conditions of schools under the Buriram Primary Educational Service Area Office 2; 2) to compare conflict conditions within schools under the Buriram Primary Educational Service Area Office 2 based on gender, age, and experience; and 3) to provide guidelines for conflict management of schools under the Buriram Primary Educational Service Area Office 2. The sample group consisted of 288 school administrators and teachers who are the head of personnel department received from a multi-stage sampling. A questionnaire was used as a research tool for data collection. Statistics used for data analysis were frequency, percentage, and mean. Independent T-test and F-test (One-Way ANOVA) were also applied for statistical testing. The study found that: 1. The overall conflict condition of schools under the Buriram Primary Educational Service Area Office 2 is at a moderate level. When considering each aspect, the study showed that all 3 aspects are at a moderate level which can be arranged in descending order as follows: (1) personnel; (2) organizational condition; and (3) interaction. 2. Generally, there are differences in terms of gender, age, and experience according to a comparison of conflict conditions of schools under the Buriram Primary Educational Service Area Office 2. 3. Guidelines for conflict management of schools under the Buriram Primary Educational Service Area Office 2 are presented as follows: 3.1 Personnel : Understand the differences between people, character traits, personality, strengths and weaknesses of members of the organization. Set a clear goal and create awareness of the goal. In addition, a positive attitude should be also introduced. 3.2 Interaction : Encourage activities that create good interactions, meet and talk. Further, good communication interactions and empathy should be also established. A harmonious quality team is also required. Promote morale and encouragement through praise, admiration, and awards to honor teachers and personnel who perform their duties effectively. 3.3 Organizational condition : Determine the structure, roles, duties and assignments that are appropriate for the person's abilities. Set a clear regulation and a corporate culture to raise awareness of work. A clear supervision calendar must be set based on the teacher's needs. Administering the schools based on the principle of good governance, transparency, and fairness. In addition, do not choose sides and be neutral. Create challenges and make sacrifices when goals are achieved.

มหาวิทยาลัยราชภัฏสุรินทร์. สำนักวิทยบริการและเทคโนโลยีสารสนเทศ

Address: สุรินทร์

Email: arit@srru.ac.th

Name: วสันต์ชัย กากแก้ว

Role: อาจารย์ที่ปรึกษา

Name: ทรงเดช สอนใจ

Role: อาจารย์ที่ปรึกษา

Created: 2565

Modified: 2566-09-23

Issued: 2566-09-23

วิทยานิพนธ์/Thesis

application/pdf

CallNumber: 371.2 ศ173น

tha

DegreeName: ครุศาสตรมหาบัณฑิต

Level: ปริญญาโท

Descipline: การบริหารการศึกษา

Grantor: มหาวิทยาลัยราชภัฏสุรินทร์

©copyrights มหาวิทยาลัยราชภัฏสุรินทร์

ลำดับที่.	ชื่อแฟ้มข้อมูล	ขนาดแฟ้มข้อมูล	จำนวนเข้าถึง	วัน-เวลาเข้าถึงล่าสุด
1	SRRUThesis2566-30.pdf	28.71 MB	26	2025-11-20 11:49:46

ใช้เวลา

0.031879 วินาที