สภาพและแนวทางการบริหารเทคโนโลยีสารสนเทศในสถานศึกษายุคดิจิทัลสังกัดสำนักงาน เขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาสระแก้ว เขต 1

Conditions and Guidelines of Information Technology Administration in Digital Era of Schools under Sakaeo Primary Educational Service Area Office 1

Name: ปิยวรรณ บัวแก้ว

Abstract: การวิจัยครั้งนี้มีความมุ่งหมายเพื่อ 1) ศึกษาความคิดเห็นของผู้บริหารสถานศึกษาและครูเกี่ยวกับสภาพการบริหารเทคโนโลยีสารสนเทศในสถานศึกษายุคดิจิทัล สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาสระแก้ว เขต 1 2) เปรียบเทียบความคิดเห็นของผู้บริหารสถานศึกษาและครูเกี่ยวกับสภาพการบริหารเทคโนโลยีสารสนเทศในสถานศึกษายุดิจิทัล สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกยาสระแก้ว เขต 1 จำแนกตามสถานภาพตำแหน่ง และขนาดสถานศึกษาและ 3) ศึกษาแนวทางการบริหารเทคโนโลยีสารสนเทศในสถานศึกษายุคดิจิทัล สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาสระแก้ว เขต 1 การวิจัยได้ดำเนินการเป็น 2 ระยะ โดยระยะที่ 1 ศึกษาและเปรียบเทียบความคิดเห็นของผู้บริหารสถานศึกษาและครูเกี่ยวกับสภาพการบริหารเทคโนโลยีสารสนเทศในสถานศึกษายุคดิจิทัล สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาสระแก้ว เขต 1 จำแนกตามสถานภาพตำแหน่ง และขนาดสถานศึกษา กลุ่มตัวอย่าง ได้แก่ผู้บริหารสถานศึกษาและครู จำนวน 380 คน กำหนดกลุ่มตัวอย่างโดยใช้ตารางเครจซี่และมอร์แกน และใช้การสุ่มแบบชั้นภูมิ เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัยเป็นแบบสอบถามมีค่าความเชื่อมั่นเท่ากับ 967 สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล ได้แก่ ร้อยละ ค่าเฉลี่ยส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน และทดสอบสมมติฐานโดยใช้ t- test แบบ Independent และ One - way ANOVA เมื่อพบความแตกต่าง จะใช้วิธีการเปรียบเทียบรายคู่ ตามวิธีการของเชฟเฟ่ระยะที่ 2 ศึกษาแนวทางการบริหารเทคโนโลยีสารสนเทศในสถานศึกษายุคดิจิทัลสังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาสระแก้ว เขต 1 กลุ่มเป้าหมายที่ให้ข้อมูลจำนวน 6 คน ได้มาจากการเลือกแบบเจาะจง เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัยเป็นแบบสัมภาษณ์กึ่งโครงสร้าง การวิเคราะห์ข้อมูลใช้การวิเคราะห์เชิงเนื้อหา ผลการวิจัยพบว่า 1. ความคิดเห็นของผู้บริหารสถานศึกษาและครูเกี่ยวกับสภาพการบริหารเทคโนลียีสารสนเทศในสถานศึกษายุคดิจิทัล สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาสระแก้วเขต 1 โคขรวมและรายด้านอยู่ในระดับมากทุกค้าน เมื่อพิจารณาเป็นรายด้านพบว่าด้านการจัดการเรียนรู้ มีค่าเฉลี่ยสูงสุด รองลงมาคือ ด้านการพัฒนาบุคลากร ส่วนค้านทรัพยากรการเรียนรู้ มีค่าเฉลี่ยต่ำสุด 2. การเปรียบเทียบความคิดเห็นของผู้บริหารสถานศึกษาและครูเกี่ยวกับสภาพการบริหารเทคโนโลยีสารสนเทศในสถานศึกษายุดิจิทัล สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกบาสระแก้ว เขต ! จำแนกตามสถานภาพตำแหน่ง โดยรวมไม่แตกต่างกัน เมื่อพิจารณาเป็นรายด้านพบว่า ค้านทรัพยากรการเรียนรู้ แตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05 และเมื่อจำแนกตามขนาดสถานศึกษา โดยรวมไม่แตกต่างกัน เมื่อพิจารณาเป็นรายด้าน พบว่า ด้านการจัดการเรียนรู้ แตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .0ร 3. แนวทางการบริหารเทคโนโลยีสารสนเทศในสถานศึกษายุดิจิทัล สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาสระแก้ว เขต 1 ประกอบด้วย 5 ด้าน มีแนวทางการพัฒนา ดังนี้1) การบริหารจัดการภายในสถานศึกษา ควรส่งเสริมบุคลากรให้เรียนรู้การใช้เทคโนโลยีใหม่ ๆโดยผู้บริหารสถานศึกษาจะต้องพิจารณาการนำเทคโนโลยีมาใช้งานให้เหมาะสมกับผู้ใช้งานช่วยแก้ปัญหาที่เกิดขึ้นได้จริง และมีลักษณะเป็นการบริการแบบ One - Stop Service2) การจัดการเรียนรู้ ควรมีระบบการจัดเก็บข้อมูลที่เกี่ยวกับการเรียนรู้ การพัฒนาคุณภาพผู้เรียนที่สามารถเข้าถึงได้ง่าย มีการปรับปรุงให้เป็นปัจจุบัน มีความน่าสนใจ และสามารถใช้ประโยชน์ได้อย่างแท้จริง 3) โครงสร้างพื้นฐาน ควรสำรวจอุปกรณ์ทางเทคโนโลยีที่ใช้ในการปฏิบัติงานเป็นประจำ จัดระบบการซ่อมบำรุง และจัดหาชุดสำรอง เพื่อให้สามารถใช้งานได้ต่อเนื่องทรัพยากรการเรียนรู้ ควรจัดหาแหล่งงบประมาณ และระคมทรัพยากรจากหน่วยงานต่างๆทั้งภาครัฐและภาคเอกชน ในการจัดหาอุปกรณ์ทางเทคโนโลยีให้เพียงพอต่อความต้องการ และ5) การพัฒนาบุคลากร ควรอบรมพัฒนาบุคลากรให้มีความรู้ และมีทักษะในการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศในการปฏิบัติงาน โดยผู้บริหารสถานศึกษากำกับ ติดตาม และประเมินผลการนำเทคโนโลยีไปใช้ในการปฏิบัติงาน "

Abstract: The purpose of this research were 1) to study the opinions of school administrators and teachers towards the conditions of information technology administration in digital era of schools under Sakaco Primary Educational Service Area Ofice 1, 2) to compare the opinions of school administrators and teachers towards the conditions of information technology administration in digital era of schools under Sakaeo Primary Educational Service Area Office 1 classified by position status and school sizes; and 3) to study guidelines for information technology administration in digital era of schools under Sakaco Primary Educational Service Area Office 1. The research was conducted in two phases. Phase one was to study and compare the conditions of information technology administration in digital era of schools under Sakaco Primary Educational Service Area Office 1. The samples were 380 school administrators and teachers, selected by using the table of Krejcie & Morgan, and stratified random sampling. The research instrument was a questionnaire with the reliability of .967. The statistics used for analyzing the collected data were percentage, mean, and standard deviation. The hypothesis was tested by independent sample t - test and One - way ANOVA, when the difference was found Scheffe's Method was used. Phase two was to study guidelines of information technology administration in digital era of schools under Sakaco Primary Educational Service Area Office 1. The target group consisted of six experts selected by using purposive sampling. The research instrument was a semi - structured interview and the collected data were analyzed by content analysis. The results of this study were as follows: 1. The opinions of teachers towards the conditions of information technology administration in digital era of schools under Sakaeo Primary Educational Service Area Office 1 as a whole and each aspect was at a high level. When considering each aspect, the learning management was at the highest mean score, followed by the personnel development, while the learning resources was at the lowest mean score. 2. The comparisons of the opinions of school administrators and teachers towardsthe conditions of information technology administration in digital era of schools under Sakaeo Primary Educational Service Area Office 1, classified by position status as a whole was not different. When considering each aspect, the learning resources was statistically different at significant level of .05. When classified by school sizes as a whole was not different. When considering each aspect, the learning management was statistically different at significant level of.05. 3. The guidelines for information technology administration in digital era comp aspects: 1) For the internal management, personnel should be encouraged to leagies in which by school administrators must consider appropriate technol help solve problems which the characteristic of a One -Stop Service, 2) Regarding management, there should be a system for collecting information related to learning, quality development of learners, easily accessible, updated, interesting and useful, 3) In terms of the infrastructure, the technological equipment used in the operation should be regularly inspected, maintained and provided with a spare set in order to be able to use continuously, 4) For the learning resources, budget sources should be provided, as well as resources from various agencies, both public and private sectors in order to provide sufficient technological equipment as needed. and 5) Regarding the personnel development, personnel should be trained to equip with knowledge and skills in using information technology in their work in which school administrators supervise, monitor and evaluate the use of technology in their work.

มหาวิทยาลัยราชภัฏบุรีรัมย์. ศูนย์วิทยบริการ

Address: บุรีรัมย์

Email: library@bru.ac.th

Name: พัชนี กุลทานันท์

Role: ที่ปรึกษาหลัก

Name: โกวิท วัชรินทรางกูร

Role: ที่ปรึกษาร่วม

Created: 2565

Modified: 2566-08-18

Issued: 2566-07-20

วิทยานิพนธ์/Thesis

application/pdf

tha

DegreeName: ครุศาสตรมหาบัณฑิต

Level: ปริญญาโท

Descipline: การบริหารการศึกษา

Grantor: มหาวิทยาลัยราชภัฏบุรีรัมย์

©copyrights มหาวิทยาลัยราชภัฏบุรีรัมย์

ลำดับที่.	ชื่อแฟ้มข้อมูล	ขนาดแฟ้มข้อมูล	จำนวนเข้าถึง	วัน-เวลาเข้าถึงล่าสุด
1	Piyawun_Bourkaew.pdf	46.04 MB	101	2025-10-14 12:29:09

ใช้เวลา

0.024486 วินาที