รูปแบบการบริหารจัดการหนี้สินส่วนบุคคลในสังคมไทยยุค 4.0 เชิงพุทธบูรณาการ

Name: ภักดี เมฆจำเริญ

Organization : ผู้วิจัย

keyword: การบริหารจัดการ

; หนี้สิน

; สังคมไทย

; พุทธบูรณาการ

Abstract: ดุษฎีนิพนธ์เรื่อง “รูปแบบการบริหารจัดการหนี้สินส่วนบุคคลในสังคมไทยยุค 4.0 เชิงพุทธบูรณาการ” มีวัตถุประสงค์ดังนี้ 1) เพื่อศึกษาหลักการ แนวคิด ในการบริหารจัดการหนี้สินส่วนบุคคลและสภาพปัญหาหนี้สินส่วนบุคคลในสังคมไทยยุค 4.0 2) เพื่อศึกษาหลักพุทธธรรมที่เหมาะสมกับการบริหารจัดการหนี้สินส่วนบุคคล และ 3) เพื่อเสนอรูปแบบการบริหารจัดการหนี้สินส่วนบุคคลในสังคมไทยยุค 4.0 เชิงพุทธบูรณาการ ใช้ระเบียบวิธีวิจัยเชิงคุณภาพ แบบวิจัยภาคสนามด้วยการสัมภาษณ์เชิงลึกผู้ทรงคุณวุฒิจำนวน 12 รูป/คน รวมทั้งศึกษาเอกสารและงานวิจัยที่เกี่ยวข้อง นำมาวิเคราะห์ข้อมูลเชิงเนื้อหาและนำเสนอข้อมูลเชิงพรรณนาวิเคราะห์ ผลการวิจัยพบว่า หลักการ แนวคิดในบริหารจัดการหนี้สินส่วนบุคคล 3 ระยะ คือ 1) ก่อนการเกิดหนี้สิน ต้องระมัดระวังค่าใช้จ่าย, เก็บเงินออมก่อนใช้จ่าย, ไม่หลงไปกับสิ่งจูงใจ 2) ขณะเป็นหนี้สิน ต้องระวังเรื่องการใช้จ่าย, รักษาสภาพคล่อง, ไม่ก่อหนี้เพิ่ม 3) หนี้สินเป็นปัญหาแล้ว ต้องยอมรับความจริง, รู้จักสถานะทางการเงินของตน, ไม่ก่อหนี้ใหม่, ตั้งเป้าหมายแก้ไขหนี้สิน, ทำรายการหนี้สิน, เรียงลำดับวางแผนชำระหนี้และทำตามแผน สภาพปัญหาหนี้สินส่วนบุคคลในสังคมไทยยุค 4.0 เกิดขึ้นอย่างเป็นวงกว้างไม่จำกัดระดับรายได้ มีความรุนแรงและมีปริมาณที่เพิ่มขึ้น ปัญหาเดิมเกิดจากการใช้จ่าย หลังจากเกิดปัญหาโควิดเกิดผลกระทบด้านรายได้ ปัญหาหนี้สินส่วนบุคคลจึงทวีความรุนแรงมากขึ้น หลักพุทธธรรมที่เหมาะสมกับการบริหารจัดการหนี้สินส่วนบุคคล ได้แก่ โภควิภาค 4 (เพื่อสร้างวินัยทางการเงิน), ความสันโดษ (เพื่อยับยั้งการเกิดหนี้สิน) และทิฏฐธัมมิกัตถะ 4 (เพื่อบรรลุเป้าหมายชีวิตทางด้านเศรษฐกิจ) รูปแบบการบริหารจัดการหนี้สินส่วนบุคคลในสังคมไทยยุค 4.0 เชิงพุทธบูรณาการ (องค์ความรู้จากการวิจัย) คือ “P2R Model เพื่อการบริหารจัดการหนี้สินส่วนบุคคลอย่างรอบด้าน” (P2R: Proactive Preventive Reactive, Comprehensive Debt Management Model) ทั้งใน 1. เชิงรุก: มีเงินออมด้วยโภควิภาค , มีความมั่งคั่งด้วยทิฏฐธัมมิกัตถะ, มีความพอเพียงด้วยสันโดษและสมชีวิตา 2.เชิงป้องกัน: มีสภาพคล่องด้วยโภควิภาค, มีความพอเพียงด้วยสันโดษและสมชีวิตา และ 3.เชิงแก้ไข: ด้วยหลัก 3S คือ Survive (อยู่รอด) แก้ปัญหาหนี้สินส่วนบุคคลด้วยอริยสัจ, Sufficient (พอเพียง) ด้วยสันโดษและสมชีวิตา, Sustain (ยั่งยืน) มีความมั่งคั่งด้วยทิฏฐธัมมิกัตถะ โดยทั้งหมดมีสติสัมปชัญญะเป็นตัวกำกับ

Abstract: The objectives of the dissertation, “The Buddhist Integration Model of Personal Debt Management for Thai Society in the 4.0 Era”, are; 1) To study principles and concepts of personal debt management and personal debt issues in modern Thai society. 2) To study Buddhist principles that are suitable for personal debt management. 3) To present the Buddhist Integration model of personal debt management for Thai society in the 4.0 Era. This qualitative field research method includes documentary research, in-depth interview of 12 experts, data analysis using content analysis, and presenting the finding in the descriptive analysis method. The research found that, principles and concepts of personal debt management consist of 3 phases, which include; 1) Before indebtedness: spend carefully, save before spending and try to resist the temptation 2) During indebtedness: spend carefully, maintain liquidity, not incurring new debt and 3) Resolving debt issue: acknowledge the truth, know your financial status, not incurring new debt, set goal to resolve debt issue, make a list of all debts, prioritize plan to pay off debts and implement the plan. The personal debt issues in modern Thai society occur in a wide range, not limited to income level, severity, and amount of debts are increasing, Before Covid-19, the issues affect the expense. After Covid-19, they affect income, which causes more severe personal debt issues. The Buddhist principles that are suitable for personal debt management are 1. Bhogavibhāga (to enforce personal financial discipline) 2. Santosa (to avoid unnecessary debt) 3. Diṭṭhadhammikattha (to achieve the personal financial goal) The Buddhist Integration Model of Personal Debt Management for Thai Society in the 4.0 Era (body of knowledge from research) is the “P2R Model: Proactive Preventive and Reactive, Comprehensive Debt Management Model”, which includes 1) Proactive: has saving with Bhogavibhāga, has wealth with Diṭṭhadhammikattha, has sufficient life with Santosa and Samajīvitā 2) Preventive: has financial liquidity with Bhogavibhāga, has sufficient life with Santosa and Samajīvitā and 3) Reactive: with 3S principle ie., Survive: resolve the debt issue with Ariyasacca (The Four Noble Truth), Sufficient: being sufficient with Santosa and Samajīvitā, and Sustain: has wealth with Diṭṭhadhammikattha. All of these are controlled by Sati Sampajañña.

มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย. สำนักหอสมุดและเทคโนโลยีสารสนเทศ

Address: พระนครศรีอยุธยา

Email: library@mcu.ac.th

Name: พระเทพวัชราจารย์

Role: อาจารย์ที่ปรึกษา

Name: ตวงเพชร สมศรี

Role: อาจารย์ที่ปรึกษา

Created: 2565

Modified: 2566-06-10

Issued: 2566-06-10

วิทยานิพนธ์/Thesis

application/pdf

tha

DegreeName: พุทธศาสตรดุษฎีบัณฑิต

Level: ปริญญาเอก

Descipline: สาขาวิชาพระพุทธศาสนา

Grantor: มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย

©copyrights มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย

ลำดับที่.	ชื่อแฟ้มข้อมูล	ขนาดแฟ้มข้อมูล	จำนวนเข้าถึง	วัน-เวลาเข้าถึงล่าสุด
1	ภักดี เมฆจำเริญ.pdf	4.06 MB	14	2025-06-13 20:51:13

ใช้เวลา

0.02055 วินาที