ศึกษารูปแบบของกุศลกรรมกับการได้เอตทัคคะของพระอริยบุคคลในพระพุทธศาสนาเถรวาท

Name: ติณณ์ อินทโสฬส

Organization : ผู้วิจัย

keyword: รูปแบบของกุศลกรรม

; เอตทัคคะ

; พระอริยบุคคล

; พระพุทธศาสนาเถรวาท

Abstract: การศึกษาวิจัยเรื่อง “ศึกษารูปแบบของกุศลกรรมกับการได้เอตทัคคะของพระอริยบุคคลในพระพุทธศาสนาเถรวาท” มีวัตถุประสงค์เพื่อ 1) เพื่อศึกษากุศลกรรมในพระพุทธศาสนาเถรวาท 2) เพื่อศึกษาการได้รับเอตทัคคะของพระอริยบุคคลในพระพุทธศาสนาเถรวาท 3) เพื่อศึกษารูปแบบของกุศลกรรมกับการได้เอตทัคคะของพระอริยบุคคลในพระพุทธศาสนาเถรวาท ซึ่งเป็นการวิจัยเชิงคุณภาพ โดยการรวบรวมข้อมูลและศึกษาจากเอกสาร รวบรวมข้อมูลแล้วนำมาจัดรูปแบบเพื่อวิเคราะห์โดยใช้หลักการพรรณาวิเคาระห์ ผลการวิจัยพบว่า กรรมทางพระพุทธศาสนา หมายถึง การกระทำที่ทำด้วยเจตนา อันมีพื้นฐานมาจากกิเลส แสดงออกทาง กาย ทางวาจา และทางใจ มีทั้งกรรมดีและกรรมชั่ว ดังกล่าว อริยบุคคล คือ ผู้ทรงคุณวิเศษผู้บรรลุธรรมในพระพุทธศาสนา อันประกอบด้วยบุคคล 4 จำพวก คือ พระโสดาบัน พระสกทาคามี พระอนาคามี และพระอรหันต์ เอตทัคคะ หมายถึง ตำแหน่งของผู้ได้รับการยกย่องจากพระผู้มีพระภาคเจ้าว่าเป็นผู้เลิศในทางด้านใดทางด้านหนึ่งเป็นพิเศษ การตั้งไว้ในเอตทัคคะนี้ ย่อมได้ด้วยเหตุ 4 ประการ คือ 1) ด้วยการเกิดเรื่องขึ้น 2) ด้วยการมา ๓) ด้วยเป็นผู้ช่ำชองชำนาญ 4) ด้วยเป็นผู้ยิ่งด้วย คำว่า “อธิษฐาน” ในทางพระพุทธศาสนา โดยในทางพระพุทธศาสนานั้น หมายถึง ความตั้งใจมั่นไม่หวั่นไหว ในการที่จะส่งเสริมสะสมกุศลกรรมซึ่งเป็นวาสนาบารมีแห่งตนสู่ความเป็นผู้เลิศคุณในพระบวรพระพุทธศาสนาด้านต่างๆ ได้รับการยกย่องจากพระพุทธองค์เป็นเอตทัคคะอันเป็นเป้าหมายสูงสุดที่ได้ตั้งใจไว้มั่น บุพกรรมของพระอริยบุคคลผู้เลิศผู้ได้รับแต่งตั้งจากพระบรมศาสดานั้น แต่ละท่านในอดีตชาติกาลก่อนได้สั่งสมมาอย่างนับไม่ถ้วน อันมีรูปแบบในการสร้างกุศลกรรมในรูปแบบที่ต่างกันบ้างเหมือนกันบ้าง รูปแบบของกุศลกรรมกับการได้เอตทัคคะของพระอริยบุคคลในพระพุทธศาสนาเถรวาทนั้น แบ่งเป็นการสร้างกุศลกรรมประเภทต่างๆ เช่น ทาน ศีล ภาวนา อย่างอุกฤษฏ์ โดยมีทานเป็นพื้นฐานของกุศลกรรมทั้งปวง การทำกุศลกรรมนั้นต้องกระทำอย่างต่อเนื่อง เมื่อสั่งสมอย่างมากพอในนิสัยวาสนาแล้ว จิตอันเป็นกุศลย่อมนำไปสู่สุคติทั้งในโลกนี้และโลกหน้าจนถึงบรรลุธรรมวิเศษสูงสุดดำรงอยู่ในฐานะเอตทัคคะผู้เป็นเลิศแห่งบวรพระพุทธศาสนาได้ในที่สุด กรรมเป็นเจตนาอันจัดเป็นกุศลกรรมที่กระทำแล้วในอดีตกาล ยังผลให้ได้รับการยกย่องในการเป็น “เอตทัคคะ” ของพระอริยบุคคลในทางพระพุทธศาสนา ที่มีแบบอย่างมาจากเอตทัคคะผู้ได้รับการยกย่องว่าเป็นเลิศในกาลก่อนจากพระพุทธเจ้าทั้งหลาย ท่านล้วนต่างต้องสร้างกุศลกรรมในด้านต่างๆอย่างยิ่งยวดจนเข้าสู่การได้รับการรับรองจากพระบรมศาสดา ความสำเร็จสู่การเป็นเอตทัคคะได้นั้นต้องบำเพ็ญความดีแล้วปรารถนาตั้งใจในด้านนั้นอย่างแรงกล้า อันด้วยประกอบด้วยกุศลกรรมแล้วย่อมยังให้บรรลุถึงความเป็นเอตทัคคะในบวรพระพุทธศาสนาด้วยประการฉะนี้

Abstract: This thesis entitled A Study Of The Relationship Between Karma And Resolution For Being Apprecaited A Specialist Of Civilized Person In Theravada Buddhism has three objectives: 1) the study the wholesome act in Theravada Buddhism, 2) to study the noble one’s obtainability of the foremost in Theravada Buddhism, and 3) to study the formation of the wholesome act and the noble one’s obtainability of the foremost in Theravada Buddhism. This is a qualitative research done by studying collected documents and then analyzing those data through the descriptive analysis. In the research, it was found that etymologically the word ‘Kamma’ in Buddhism basically means the act derived from the intention, be it good or bad action, by which one bodily, verbally and mentally does it. According to Buddhism, the noble one refers to the following person who obtains the special power in Buddhism: the stream enterer, once returner, non-returner, and the worthy one. Here, the foremost embraces the designation whose foremost in some special activity was approved by the Buddha. To be appointed in such a position, four causes must be present: 1) the arising of story, 2) the presence, 3) the specialization, and 4) being endowed with ‘resolution’ in Buddhism. This act means the stability of mind in the cultivation of the wholesome act where one is determined to endlessly perfect his/her perfection in various ways till he/she gets the obtainability of the foremost which is regarded as the ultimate goal. Historically speaking, one has obtained the foremost one cultivated becomes innumerable. The formation of Kamma one did is sometime different and similar depending upon the serious modes of Kamma, giving, precepts, development, for instance. In this respect, the foundation of the wholesome act must be continued without any disruption till it becomes suitable to one’s habit leading to the blissfulness in this world and next world. Consequently and finally, one obtains the foremost in Buddhism.

มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย. สำนักหอสมุดและเทคโนโลยีสารสนเทศ

Address: กรุงเทพมหานคร

Email: library@mcu.ac.th

Name: ผศ.ดร.เสฐียร ทั่งทองมะดัน

Role: อาจารย์ที่ปรึกษา

Name: ดร.สิรภพ สวนดง

Role: อาจารย์ที่ปรึกษา

Created: 2563

Modified: 2023-06-23

Issued: 2566-05-12

วิทยานิพนธ์/Thesis

application/pdf

tha

DegreeName: พุทธศาสตรมหาบัณฑิต

Level: ปริญญาโท

Descipline: สาขาวิชาพระพุทธศาสนา

Grantor: มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย

©copyrights มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย

ลำดับที่.	ชื่อแฟ้มข้อมูล	ขนาดแฟ้มข้อมูล	จำนวนเข้าถึง	วัน-เวลาเข้าถึงล่าสุด
1	YUxEhkc0RSzw2oChghBe9GP8JCWgi9xApynXqD1U.pdf	1.65 MB

ใช้เวลา

0.022332 วินาที