การแยกโพรโทพลาสต์และการชักนำให้เกิดยอดจากโพรโทพลาสต์ของสับปะรดพันธุ์ภูแล
 
    
    Protoplast isolation and shoot induction from protoplast of pineapple (Ananas comosus L.) cv. Phulae (queen group)
 			  
			  
    
    Abstract:
     การแยกและการเพาะเลี้ยงโพรโทพลาสต์เป็นขั้นตอนที่สำคัญในการรวมโพรโทพลาสต์ เพื่อการปรับปรุงพันธุ์สับปะรด โดยสภาวะที่เหมาะสมในการแยกและการเพาะเลี้ยงโพรโทพลาสต์จะแตกต่างกันไปในพืชแต่ละชนิด ดังนั้น ในการทดลองครั้งนี้จึงมีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาหาสภาวะที่เหมาะสมในการแยกและการเพาะเลี้ยงโพรโทพลาสต์จากใบของสับปะรดพันธุ์ภูแลที่พัฒนาในสภาพปลอดเชื้อ จากการทดลองแยกโพรโทพลาสต์โดยนำใบสับปะรดพันธุ์ภูแลในสภาพปลอดเชื้อมาสกัดด้วยแมนนิทอลความเข้มข้น 0.1-0.5 โมลาร์ เอนไซม์เซลลูเลสความเข้มข้น 1-2.5 เปอร์เซ็นต์ (w/v) เอนไซม์มาเซอโรไซม์ความเข้มข้น 0.5-2 เปอร์เซ็นต์ (w/v) ระยะเวลาแช่เอนไซม์ 4-6 ชั่วโมง และความเร็วรอบในการหมุนเหวี่ยงที่ 700-1,000 รอบต่อนาที พบว่าแมนนิทอล ความเข้มข้น 0.4 โมลาร์ ร่วมกับเอนไซม์เซลลูเลสความเข้มข้น 2 เปอร์เซ็นต์ (w/v) และเอนไซม์มาเซอโรไซม์ความเข้มข้น 1 เปอร์เซ็นต์ (w/v) ใช้เวลาแช่เอนไซม์ผสมนาน 6 ชั่วโมง และใช้ความเร็วรอบในการหมุนเหวี่ยง 800 รอบต่อนาที สามารถแยกโพรโทพลาสต์จากใบสับปะรดพันธุ์ภูแลได้ดีที่สุด โดยมีจำนวนโพรโทพลาสต์เท่ากับ 3.82 ± 0.02 x 106 โพรโทพลาสต์ต่อกรัมน้ำหนักสด และความมีชีวิตสูงสุดเท่ากับ 98.47 ± 0.10 เปอร์เซ็นต์ ในการเพาะเลี้ยงโพรโทพลาสต์ที่สกัดได้บนอาหารสูตร Murashige and Skoog (MS) ทำการศึกษาถึงผลของสถานะของอาหาร: อาหารแข็ง อาหารเหลว รวมถึงการเพาะเลี้ยงแบบฝังโพรโทพลาสต์ในอาหารแข็ง ผลของสารควบคุมการเจริญเติบโตเพื่อชักนำให้เกิดยอด ได้แก่ กลุ่มไซโทไคนิน: 6-benzyladenine (BA), furfurylamino purine (Kinetin), thidiazuron (TDZ) และกลุ่มออกซิน: 1-naphthaleneacetic acid (NAA) และ 2, 4-dichlorophenoxyacetic acid (2,4-D) ที่ความเข้มข้นต่างๆ ซึ่งจากการศึกษาถึงปัจจัยต่างๆ ดังกล่าว พบว่า โพรโทพลาสต์มีการจับกลุ่มกันเมื่อเพาะเลี้ยงในอาหารเหลว แต่ไม่สามารถชักนำให้โพรโทพลาสต์สร้างโคโลนี แคลลัส หรือยอดได้       
    
 
            		
    
    
     มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์. หอสมุดแห่งมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์       
    
 
            		
    
    Role:
     อาจารย์ที่ปรึกษาหลัก       
    
 
            		
    
    ©copyrights มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์