Abstract:
การวิจัยครั้งนี้มีจุดประสงค์เพื่อ 1) ศึกษาปัจจัยส่วนบุคคล ระดับภาวะผู้นำ องค์การแห่งการเรียนรู้ และความยึดมั่นผูกพันในงาน 2) เพื่อเปรียบเทียบความยึดมั่นผูกพันในงานตามปัจจัยส่วนบุคคล 3) เพื่อศึกษาความสัมพันธ์ระหว่างภาวะผู้นำ องค์การแห่งการเรียนรู้ กับความยึดมั่นผูกพันในงาน และ 4) เพื่อศึกษาปัจจัยที่สามารถพยากรณ์ความยึดมั่นผูกพันในงาน กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการวิจัยครั้งนี้ คือ ผู้บริหารระดับกลางของบริษัทที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย จำนวน 150 คน เครื่องมือที่ใช้ในการเก็บรวบรวมข้อมูล คือ แบบสอบถาม ซึ่งแบ่งออกเป็น 4 ส่วน คือแบบสอบถามปัจจัยส่วนบุคคล แบบสอบถามภาวะผู้นำ แบบสอบถามองค์การแห่งการเรียนรู้ และแบบสอบถามความยึดมั่นผูกพันในงาน ใช้โปรแกรมสำเร็จรูปในการวิเคราะห์ข้อมูล สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล คือ ค่าร้อยละ ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน การทดสอบที การวิเคราะห์ความแปรปรวนทางเดียว การวิเคราะห์สัมประสิทธิ์สหสัมพันธ์แบบเพียร์สัน และการวิเคราะห์ถดถอยพหุคูณ ผลการวิจัยพบว่า 1) ระดับภาวะผู้นำ องค์การแห่งการเรียนรู้ และความยึดมั่นผูกพันในงานของผู้บริหารระดับกลางอยู่ในระดับสูง 2) เพศ อายุ ระดับการศึกษา และอายุงาน ในองค์การที่แตกต่างกันของผู้บริหารระดับกลาง มีความยึดมั่นผูกพันในงานไม่แตกต่างกัน อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ 3) ภาวะผู้นำและองค์การแห่งการเรียนรู้ มีความสัมพันธ์กับความยึดมั่นผูกพันในงานของผู้บริหารระดับกลางอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .01 โดยมีค่าสัมประสิทธิ์สหสัมพันธ์เท่ากับ .698 และ .604 ตามลำดับ และ 4) ภาวะผู้นำและองค์การ แห่งการเรียนรู้สามารถร่วมกันพยากรณ์ความยึดมั่นผูกพันในงานของผู้บริหารระดับกลางได้อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .01 โดยสามารถร่วมกันพยากรณ์ความยึดมั่นผูกพันในงานของผู้บริหารระดับกลางได้ร้อยละ 57.2
This research aimed to:1) study personal factors, the levelsof leadership, learning organization and work engagement;2) study comparison of work engagement of different personal factors;3) study the relationship between leadership, learning organization and work engagement and 4) study predictors that can predict work engagement. The sample consisted of 150 middle level managers working in the companies registered in The Stock Exchange of Thailand (SET).The research measurements used in collecting data were 4 questionnaires: personal data, leadership, learning organization and work engagement. The statistics used in analyzing data were percentage, mean, standard deviation, independent sample t-test, one-way ANOVA, Pearsons product moment correlation coefficient and multiple regression analysis. The results found that:1) the middle level managers possessed high levels of leadership, learning organization and work engagement; 2) the difference personal factors such as gender of the middle level managers, age, education level and work period in the organizationhad no statistically significant effect on levelsof work engagement; 3) leadership and learning organization showed a statistical significance with work engagement of middle level managers at .01 level (r= .698 and .604 respectively) and 4) leadership and learning organization could significantly predict 57.2% of work engagement of middle level managers at .01 level.