Title
การพัฒนารูปแบบการเรียนรู้ด้วยกระบวนการคิดเชิงออกแบบร่วมกับเทคนิคการคิดเป็นภาพเพื่อส่งเสริมความคิดสร้างสรรค์และผลงานดิจิทัลสร้างสรรค์ของนักศึกษาระดับปริญญาตรี
Title Alternative
The development of a learning model with design thinking process and visual thinking technique to enhance creative thinking and digital creative product for undergraduate students
Description
Abstract:
การวิจัยครั้งนี้ แบ่งการวิจัยออกเป็น 2 ระยะตามวัตถุประสงค์การวิจัย ดังนี้ 1) เพื่อพัฒนารูปแบบการเรียนรู้ด้วยกระบวนการคิดเชิงออกแบบร่วมกับเทคนิคการคิดเป็นภาพ 2) เพื่อเปรียบเทียบความคิดสร้างสรรค์และผลงานดิจิทัลสร้างสรรค์ของนักศึกษาที่เรียนโดยใช้รูปแบบการเรียนรู้ด้วยกระบวนการคิดเชิงออกแบบร่วมกับเทคนิคการคิดเป็นภาพกับนักศึกษาที่เรียนแบบปกติ ระยะที่ 1 มีผู้ให้ข้อมูล คือ ผู้ทรงคุณวุฒิจำนวน 7 คน โดยการจัดสัมนาอิงผู้เชียวชาญ (Connoisseurship) เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัยคือ แบบประเมินคุณภาพของรูปแบบการเรียนรู้ มีค่าดัชนีความสอดคล้อง (IOC) เท่ากับ 1.00 ผลการวิจัยพบว่า รูปแบบการเรียนรู้ด้วยกระบวนการคิดเชิงออกแบบร่วมกับเทคนิคการคิดเป็นภาพเพื่อส่งเสริมความคิดสร้างสรรค์และผลงานดิจิทัลสร้างสรรค์ ของนักศึกษาระดับปริญญาตรี รูปแบบการเรียนรู้มืคุณภาพในภาพรวมอยู่ในระดับดี (x̄ = 4.46 SD = 0.41) และประกอบด้วยกระบวนการเรียนรู้ 5 ขั้นตอน ได้แก่ ขั้นที่ 1 กระตุ้นความคิดในการค้นคว้า (Idea Stimulation) ขั้นที่ 2 กำหนดประเด็นของปัญหา (Problem Identification) ขั้นที่ 3 ริเริ่ม ความคิดใหม่และการคิดเป็นภาพ (Idea and Visualisation Generation) ขันที 4 การทดสอบ (Testing) ขันที 5 การนำเสนอและเผยแพร่ผลงาน (Presentation and Sharing)ระยะที่ 2 กลุ่มตัวอย่างคือ นักศึกษาระดับปริญญาตรี สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้า คุณทหารลาดกระบัง ที่ลงทะเบียนเรียน รหัสวิชา 90593016 การออกแบบอินโฟกราฟิก (Infographic Design) จำนวน 80 คน ได้มาจากวิธีการสุ่มแบบแบ่งกลุ่ม (Cluster Random Sampling) เพื่อให้ตักลุ่มตัวอย่าง 2 ห้องเรียน โดยกลุ่มที่ 1 คือกลุ่มทดลอง จำนวน 40 คน และกลุ่ม ที่ 2 คือกลุ่มควบคุม จำนวน 40 คน เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัยได้แก่ 1) แผนการจัดการเรียนรู้ตาม รูปแบบการเรียนรู้ ค่าดัชนีความสอดคล้อง (IOC) ระหว่าง 0.67-1.00 2) แบบทดสอบความคิด สร้างสรรค์ของทอแรนซ์ภาษาเขียน ค่าความเชื่อถือได้ระหว่างผู้ประเมิน จำนวน 2 คน มีค่า 1.00 3) แบบประเมินผลงานสร้างสรรค์ ค่าดัชนีความสอดคล้อง (IOC) เท่ากับ 1.00 และค่าความเชื่อถือได้ ระหว่างผู้ประเมิน จำนวน 2 คน มีค่า 1.00 ซึ่งการวิเคราะห์ข้อมูลใช้สถิติ ได้แก่ค่าเฉลี่ย (x) ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน (SD.) สถิติทดสอบความสัมพันธ์โดยค่าสัมประสิทธิ์สหสัมพันธ์แบบเพียรสัน และการวิเคราะห์ความแปรปรวนพหุนามทางเดียวของตัวแปรพหุนาม (One-way MANOVA) ผลการวิจัยพบว่า ผลงานดิจิทัลสร้างสรรค์ของกลุ่มการเรียนรู้โดยใช้รูปแบบการเรียนรู้ด้วย กระบวนการคิดเซิงออกแบบร่วมกับเทคนิคการคิดเป็นภาพมีค่าเฉลี่ย (x̄ = 26.00, SD = 3.44) สูงกว่ากลุ่มการเรียนรู้แบบปกติ มีค่าเฉลี่ย (x̄ = 23.47, SD = 4.23) ส่วนความคิดสร้างสรรค์ของกลุ่ม การเรียนรู้โดยใช้รูปแบบการเรียนรู้ด้วยกระบวนการคิดเซิงออกแบบร่วมกับเทคนิคการคิดเป็นภาพ มีค่าเฉลี่ย (x̄ =141.30, SD = 26.41) สูงกว่ากลุ่มการเรียนรู้แบบปกติ มีค่าเฉลี่ย (x̄ = 130.70, SD = 25.31) ซึ่งไม่มีความแตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05
Publisher
สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง. สำนักหอสมุดกลาง
Email:
Lifelong@kmitl.ac.th
Role:
อาจารย์ที่ปรึกษาวิทยานิพนธ์
Email :
thiyaporn.ka@kmitl.ac.th
Role:
อาจารย์ที่ปรึกษาวิทยานิพนธ์ร่วม
Email :
sirirat.pe@kmitl.ac.th
Rights
©copyrights สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง