การพัฒนาทักษะการแก้ปัญหาด้วยรูปแบบการจัดการเรียนรู้ห้องเรียนกลับด้านร่วมกับปัญหาเป็นฐาน สำหรับนักศึกษาระดับปริญญาตรี

A development of problem-solving skills in flipped classroom with problem-based learning model for undergraduate students

Name: เฌอริสา นันทา

ThaSH: ห้องเรียนกลับด้าน

ThaSH: การเรียนรู้แบบผสมผสาน

Abstract: การศึกษาวิจัยในครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษา วิเคราะห์ และสังเคราะห์ข้อมูลเกี่ยวกับการ จัดการเรียนรู้ห้องเรียนกลับด้านร่วมกับปัญหาเป็นฐานเพื่อพัฒนาทักษะการแก้ปัญหาและผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนสำหรับนักศึกษาระดับปริญญาตรี โดยขั้นตอนการดำเนินการวิจัยระยะที่1 ผู้วิจัย ดำเนินการประเมินสภาพปัจจุบันตามบริบทการเรียนการสอนและความต้องการจำเป็นในนักศึกษา ระดับปริญญาตรี หลักสูตรศึกษาคาสตรบัณฑิต คณะศึกษาศาสตร์และศิลปศาสตร์ มหาวิทยาลัยเอกชน ในภาคใต้ จากนั้นจึงศึกษา วิเคราะห์ หลักการ แนวคิด และวิธีการที่เกี่ยวข้องกับรูปแบบการจัดการ เรียนรู้ห้องเรียนกลับต้านร่วมกับปัญหาเป็นฐานด้วยเทคนิคการวิเคราะห์เนื้อหา (Content Analysis) ในขั้นตอนดำเนินการวิจัยระยะที่ 2 ผู้วิจัยวิเคราะห์เนื้อหาเอกสาร แนวคิด งานวิจัยและทฤษฎีที่ เกี่ยวข้องมาพัฒนาสังเคราะห์ร่างรูปแบบการจัดการเรียนรู้ๆ (Flipped PARSER Model) ดำเนินการ ปรับปรุงรูปแบบการจัดการเรียนรู้ๆ ด้วยเทคนิคสนทนากลุ่ม สังเคราะห์และร่างรูปแบบการจัดการ เรียนรู้ห้องเรียนกลับด้านร่วมกันปัญหาเป็นฐาน ดำเนินการปรับปรุงและประเมินความเหมาะสมของ รูปแบบการจัดการเรียนรู้ๆ ที่ได้สังเคราะห์ขึ้นด้วยเทคนิคการสนทนากลุ่ม (Focus Group) โดย ผู้ทรงคุณวุฒิจำนวน 9 คน จากการประเมินของกลุ่มผู้ทรงคุณวุฒิ (n=9) สามารถนำมาวิจัยเชิงทดลอง ใช้กับนักศึกษาระดับปริญญาตรี ชั้นปีที่ 1 หลักสูตรศึกษาคาสตรบัณฑิต คณะศึกษาศาสตร์และคิลป ศาสตร์ มหาวิทยาลัยเอกชนในภาคใต้ รายวิชาสื่อดิจิทัลและนวัตกรรมเพื่อการเรียนรู้ จำนวน 90 คน ระหว่างเดือนมีนาคม-เมษายน พ.ศ. 2564 รวม 5 สัปดาห์ โดยเปรียบเทียบคะแนนทักษะการแก้ปัญหา และผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนด้วยรูปแบบวีธีสอนที่แตกต่างกัน ระหว่างกลุ่มที่เรียนด้วยรูปแบบปกติ (n=31) กลุ่มที่เรียนด้วยรูปแบบการจัดการเรียนรู้ห้องเรียนกลับด้านร่วมกับปัญหาเป็นฐาน (n=30) และ กลุ่มที่เรียนด้วยรูปแบบปัญหาเป็นฐาน (n=29) ด้วยสถิติการวิเคราะห์ความแปรปรวนพหุคูณ (One¬way MAN OVA) และประเมินระดับความพึงพอใจของนักศึกษาที่มีต่อรูปแบบการจัดการเรียนรู้ฯ ผลการวิจัยระยะที่1 พบว่านักศึกษาระดับปริญญาตรี ต้องการจำเป็นต่อรูปแบบการเรียนรู้ แบบผสมผสานมากที่สุดในลำดับที่ 1 (PNImod = 0.39) และนักศึกษาต้องการพัฒนาทักษะการ แก้ปัญหามากที่สุด (PNImod = 0.36) ผลการวิจัยระยะที่ 2 พบว่า รูปแบบการจัดการเรียนรู้ฯ ประกอบด้วย กิจกรรมสำหรับนักศึกษา กิจกรรมสำหรับอาจารย์ เทคโนโลยีสนับสนุน และการ ประเมินผล และรูปแบบการจัดการเรียนรู้ฯ มีคุณภาพเหมาะสมของรูปแบบรวมทุกด้านในระดับมาก (x̄ = 4.13, S.D. = 0.19) และพบว่านักศึกษากลุ่มที่เรียนด้วยรูปแบบการจัดการเรียนรู้ห้องเรียนกลับ ด้านร่วมกับปัญหาเป็นฐานนั้น มีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน และทักษะการแก้ปัญหา สูงกว่ากลุ่มที่เรียน ด้วยกลุ่มที่เรียนด้วยรูปแบบปัญหาเป็นฐาน และกลุ่มที่เรียนด้วยรูปแบบปกติ และนักศึกษากลุ่มที่เรียน ด้วยรูปแบบปัญหาเป็นฐาน มีทักษะการแก้ปัญหาสูงกว่ากลุ่มที่เรียนด้วยรูปแบบปกติ นอกจากนั้นยัง พบว่า นักศึกษามีความพึงพอใจต่อรูปแบบการจัดการเรียนรู้ห้องเรียนกลับด้านร่วมกับปัญหาเป็นฐาน อยู่ในระดับมาก ผลการวิจัยครั้งนี้ยืนยันได้ว่ารูปแบบการจัดการเรียนรู้ห้องเรียนกลับด้านร่วมกับปัญหา เป็นฐานนั้น สามารถพัฒนาทักษะการแก้ปัญหา ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน และความพึงพอใจสำหรับ นักศึกษาระดับปริญญาตรีได้

สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง. สำนักหอสมุดกลาง

Address: กรุงเทพมหานคร

Email: Lifelong@kmitl.ac.th

Name: ไพฑูรย์ พิมดี

Role: อาจารย์ที่ปรึกษาวิทยานิพนธ์

Email : paitoon.pi@kmitl.ac.th

Name: จิรารัตน์ สิทธิวรชาติ

Role: อาจารย์ที่ปรึกษาวิทยานิพนธ์ร่วม

Email : jirarat.si@kmitl.ac.th

Created: 2565

Modified: 2566-03-16

Issued: 2566-03-16

วิทยานิพนธ์/Thesis

application/pdf

tha

DegreeName: ครุศาสตร์อุตสาหกรรมดุษฎีบัณฑิต

Level: ปริญญาเอก

Descipline: คอมพิวเตอร์ศึกษา

Grantor: สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง

©copyrights สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง

ลำดับที่.	ชื่อแฟ้มข้อมูล	ขนาดแฟ้มข้อมูล	จำนวนเข้าถึง	วัน-เวลาเข้าถึงล่าสุด
1	Cherisa Nantha.pdf	7.92 MB	83	2025-10-24 13:46:21

ใช้เวลา

0.02398 วินาที