Title
ปัจจัยทำนายพฤติกรรมสุขภาพของประชาชนกลุ่มเสี่ยงเบาหวานเขตพื้นที่รับผิดชอบของโรงหมอเมืองบ่อแตน แขวงไชยบุรี สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว
Title Alternative
Factors predicting health behaviors of diabetes risk group in responsible area of borten district hospital, Xayaburi province, Lao people's democratic republic
Description
Abstract:
การวิจัยเชิงวิเคราะห์เชิงทำนายนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาพฤติกรรมสุขภาพของกลุ่มเสี่ยงเบาหวานและศึกษาปัจจัยทำนายพฤติกรรมสุขภาพของกลุ่มเสี่ยงเบาหวานในพื้นที่รับผิดชอบของโรงพยาบาลแขวงบ่อเต็น แขวงไซยะบุรี สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว ประชากรมีทั้งชายและหญิงที่มีอายุตั้งแต่ 35 ปีขึ้นไปที่ไม่ได้รับการวินิจฉัยว่าเป็นโรคเบาหวาน ระบุขนาดตัวอย่าง 403 ตามตารางของ Taro Yamane ซึ่งเลือกโดยการสุ่มอย่างเป็นระบบ การจำแนกกลุ่มเสี่ยงเบาหวานทำโดยการตรวจระดับน้ำตาลในเลือดและพบตัวอย่าง 125 ตัวอย่างที่มีระดับน้ำตาลในเลือดระหว่าง 100 125 มก./ดล. คิดเป็นร้อยละ 31 ของขนาดตัวอย่างที่เก็บข้อมูล เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัยคือแบบสอบถาม สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล ได้แก่ ความถี่ ร้อยละ ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน และการวิเคราะห์การถดถอยพหุคูณ ผลการวิจัยพบว่า กลุ่มตัวอย่างมีพฤติกรรมสุขภาพในระดับปานกลางโดยมีปัจจัยนำ ดังนี้ ปัจจัยด้านบุคคล การรับรู้ความรุนแรงของโรค การรับรู้ความเสี่ยงต่อโรค การรับรู้ประโยชน์ของการป้องกันโรค การรับรู้อุปสรรคในการป้องกันโรค และการรับรู้ความสามารถของตนเอง ปัจจัยสนับสนุน: การเข้าถึงบริการและทรัพยากรด้านสุขภาพอยู่ในระดับปานกลาง ปัจจัยเสริม: การสนับสนุนจากครอบครัวและคำแนะนำจากบุคลากรทางการแพทย์อยู่ในระดับมาก ปัจจัยที่สามารถทำนายพฤติกรรมสุขภาพของกลุ่มเสี่ยงเบาหวานร้อยละ 36.6 (R2=0.366, p<0.01) ประกอบด้วย อายุ (ß= -0.198) การรับรู้ความเสี่ยงเบาหวาน (ß=0.300) การสนับสนุนจากครอบครัว (ß= 0.241) และการเข้าถึงบริการสุขภาพ (ß=0.241) อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ 0.05 ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐานและการวิเคราะห์การถดถอยพหุคูณ ผลการวิจัยพบว่า กลุ่มตัวอย่างมีพฤติกรรมสุขภาพในระดับปานกลางโดยมีปัจจัยนำ ดังนี้ ปัจจัยด้านบุคคล การรับรู้ความรุนแรงของโรค การรับรู้ความเสี่ยงต่อโรค การรับรู้ประโยชน์ของการป้องกันโรค การรับรู้อุปสรรคในการป้องกันโรค และการรับรู้ความสามารถของตนเอง ปัจจัยสนับสนุน: การเข้าถึงบริการและทรัพยากรด้านสุขภาพอยู่ในระดับปานกลาง ปัจจัยเสริม: การสนับสนุนจากครอบครัวและคำแนะนำจากบุคลากรทางการแพทย์อยู่ในระดับมาก ปัจจัยที่สามารถทำนายพฤติกรรมสุขภาพของกลุ่มเสี่ยงเบาหวานร้อยละ 36.6 (R2=0.366, p<0.01) ประกอบด้วย อายุ (ß= -0.198) การรับรู้ความเสี่ยงเบาหวาน (ß=0.300) การสนับสนุนจากครอบครัว (ß= 0.241) และการเข้าถึงบริการสุขภาพ (ß=0.241) อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ 0.05 ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐานและการวิเคราะห์การถดถอยพหุคูณ ผลการวิจัยพบว่า กลุ่มตัวอย่างมีพฤติกรรมสุขภาพในระดับปานกลางโดยมีปัจจัยนำ ดังนี้ ปัจจัยด้านบุคคล การรับรู้ความรุนแรงของโรค การรับรู้ความเสี่ยงต่อโรค การรับรู้ประโยชน์ของการป้องกันโรค การรับรู้อุปสรรคในการป้องกันโรค และการรับรู้ความสามารถของตนเอง ปัจจัยสนับสนุน: การเข้าถึงบริการและทรัพยากรด้านสุขภาพอยู่ในระดับปานกลาง ปัจจัยเสริม: การสนับสนุนจากครอบครัวและคำแนะนำจากบุคลากรทางการแพทย์อยู่ในระดับมาก ปัจจัยที่สามารถทำนายพฤติกรรมสุขภาพของกลุ่มเสี่ยงเบาหวานร้อยละ 36.6 (R2=0.366, p<0.01) ประกอบด้วย อายุ (ß= -0.198) การรับรู้ความเสี่ยงเบาหวาน (ß=0.300) การสนับสนุนจากครอบครัว (ß= 0.241) และการเข้าถึงบริการสุขภาพ (ß=0.241) อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ 0.05 และการวิเคราะห์ถดถอยพหุคูณ ผลการวิจัยพบว่า กลุ่มตัวอย่างมีพฤติกรรมสุขภาพในระดับปานกลางโดยมีปัจจัยนำ ดังนี้ ปัจจัยด้านบุคคล การรับรู้ความรุนแรงของโรค การรับรู้ความเสี่ยงต่อโรค การรับรู้ประโยชน์ของการป้องกันโรค การรับรู้อุปสรรคในการป้องกันโรค และการรับรู้ความสามารถของตนเอง ปัจจัยสนับสนุน: การเข้าถึงบริการและทรัพยากรด้านสุขภาพอยู่ในระดับปานกลาง ปัจจัยเสริม: การสนับสนุนจากครอบครัวและคำแนะนำจากบุคลากรทางการแพทย์อยู่ในระดับมาก ปัจจัยที่สามารถทำนายพฤติกรรมสุขภาพของกลุ่มเสี่ยงเบาหวานร้อยละ 36.6 (R2=0.366, p<0.01) ประกอบด้วย อายุ (ß= -0.198) การรับรู้ความเสี่ยงเบาหวาน (ß=0.300) การสนับสนุนจากครอบครัว (ß= 0.241) และการเข้าถึงบริการสุขภาพ (ß=0.241) อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ 0.05 และการวิเคราะห์ถดถอยพหุคูณ ผลการวิจัยพบว่า กลุ่มตัวอย่างมีพฤติกรรมสุขภาพในระดับปานกลางโดยมีปัจจัยนำ ดังนี้ ปัจจัยด้านบุคคล การรับรู้ความรุนแรงของโรค การรับรู้ความเสี่ยงต่อโรค การรับรู้ประโยชน์ของการป้องกันโรค การรับรู้อุปสรรคในการป้องกันโรค และการรับรู้ความสามารถของตนเอง ปัจจัยสนับสนุน: การเข้าถึงบริการและทรัพยากรด้านสุขภาพอยู่ในระดับปานกลาง ปัจจัยเสริม: การสนับสนุนจากครอบครัวและคำแนะนำจากบุคลากรทางการแพทย์อยู่ในระดับมาก ปัจจัยที่สามารถทำนายพฤติกรรมสุขภาพของกลุ่มเสี่ยงเบาหวานร้อยละ 36.6 (R2=0.366, p<0.01) ประกอบด้วย อายุ (ß= -0.198) การรับรู้ความเสี่ยงเบาหวาน (ß=0.300) การสนับสนุนจากครอบครัว (ß= 0.241) และการเข้าถึงบริการสุขภาพ (ß=0.241) อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ 0.05 ผลการวิจัยพบว่า กลุ่มตัวอย่างมีพฤติกรรมสุขภาพในระดับปานกลางโดยมีปัจจัยนำ ดังนี้ ปัจจัยด้านบุคคล การรับรู้ความรุนแรงของโรค การรับรู้ความเสี่ยงต่อโรค การรับรู้ประโยชน์ของการป้องกันโรค การรับรู้อุปสรรคในการป้องกันโรค และการรับรู้ความสามารถของตนเอง ปัจจัยสนับสนุน: การเข้าถึงบริการและทรัพยากรด้านสุขภาพอยู่ในระดับปานกลาง ปัจจัยเสริม: การสนับสนุนจากครอบครัวและคำแนะนำจากบุคลากรทางการแพทย์อยู่ในระดับมาก ปัจจัยที่สามารถทำนายพฤติกรรมสุขภาพของกลุ่มเสี่ยงเบาหวานร้อยละ 36.6 (R2=0.366, p<0.01) ประกอบด้วย อายุ (ß= -0.198) การรับรู้ความเสี่ยงเบาหวาน (ß=0.300) การสนับสนุนจากครอบครัว (ß= 0.241) และการเข้าถึงบริการสุขภาพ (ß=0.241) อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ 0.05 ผลการวิจัยพบว่า กลุ่มตัวอย่างมีพฤติกรรมสุขภาพในระดับปานกลางโดยมีปัจจัยนำ ดังนี้ ปัจจัยด้านบุคคล การรับรู้ความรุนแรงของโรค การรับรู้ความเสี่ยงต่อโรค การรับรู้ประโยชน์ของการป้องกันโรค การรับรู้อุปสรรคในการป้องกันโรค และการรับรู้ความสามารถของตนเอง ปัจจัยสนับสนุน: การเข้าถึงบริการและทรัพยากรด้านสุขภาพอยู่ในระดับปานกลาง ปัจจัยเสริม: การสนับสนุนจากครอบครัวและคำแนะนำจากบุคลากรทางการแพทย์อยู่ในระดับมาก ปัจจัยที่สามารถทำนายพฤติกรรมสุขภาพของกลุ่มเสี่ยงเบาหวานร้อยละ 36.6 (R2=0.366, p<0.01) ประกอบด้วย อายุ (ß= -0.198) การรับรู้ความเสี่ยงเบาหวาน (ß=0.300) การสนับสนุนจากครอบครัว (ß= 0.241) และการเข้าถึงบริการสุขภาพ (ß=0.241) อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ 0.05 การรับรู้ความรุนแรงของโรค การรับรู้ความเสี่ยงของโรค การรับรู้ประโยชน์ของการป้องกันโรค การรับรู้อุปสรรคในการป้องกันโรค และการรับรู้ความสามารถของตนเอง ปัจจัยสนับสนุน: การเข้าถึงบริการและทรัพยากรด้านสุขภาพอยู่ในระดับปานกลาง ปัจจัยเสริม: การสนับสนุนจากครอบครัวและคำแนะนำจากบุคลากรทางการแพทย์อยู่ในระดับมาก ปัจจัยที่สามารถทำนายพฤติกรรมสุขภาพของกลุ่มเสี่ยงเบาหวานร้อยละ 36.6 (R2=0.366, p<0.01) ประกอบด้วย อายุ (ß= -0.198) การรับรู้ความเสี่ยงเบาหวาน (ß=0.300) การสนับสนุนจากครอบครัว (ß= 0.241) และการเข้าถึงบริการสุขภาพ (ß=0.241) อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ 0.05 การรับรู้ความรุนแรงของโรค การรับรู้ความเสี่ยงของโรค การรับรู้ประโยชน์ของการป้องกันโรค การรับรู้อุปสรรคในการป้องกันโรค และการรับรู้ความสามารถของตนเอง ปัจจัยสนับสนุน: การเข้าถึงบริการและทรัพยากรด้านสุขภาพอยู่ในระดับปานกลาง ปัจจัยเสริม: การสนับสนุนจากครอบครัวและคำแนะนำจากบุคลากรทางการแพทย์อยู่ในระดับมาก ปัจจัยที่สามารถทำนายพฤติกรรมสุขภาพของกลุ่มเสี่ยงเบาหวานร้อยละ 36.6 (R2=0.366, p<0.01) ประกอบด้วย อายุ (ß= -0.198) การรับรู้ความเสี่ยงเบาหวาน (ß=0.300) การสนับสนุนจากครอบครัว (ß= 0.241) และการเข้าถึงบริการสุขภาพ (ß=0.241) อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ 0.05 การเข้าถึงบริการและทรัพยากรด้านสุขภาพอยู่ในระดับปานกลาง ปัจจัยเสริม: การสนับสนุนจากครอบครัวและคำแนะนำจากบุคลากรทางการแพทย์อยู่ในระดับมาก ปัจจัยที่สามารถทำนายพฤติกรรมสุขภาพของกลุ่มเสี่ยงเบาหวานร้อยละ 36.6 (R2=0.366, p<0.01) ประกอบด้วย อายุ (ß= -0.198) การรับรู้ความเสี่ยงเบาหวาน (ß=0.300) การสนับสนุนจากครอบครัว (ß= 0.241) และการเข้าถึงบริการสุขภาพ (ß=0.241) อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ 0.05 การเข้าถึงบริการและทรัพยากรด้านสุขภาพอยู่ในระดับปานกลาง ปัจจัยเสริม: การสนับสนุนจากครอบครัวและคำแนะนำจากบุคลากรทางการแพทย์อยู่ในระดับมาก ปัจจัยที่สามารถทำนายพฤติกรรมสุขภาพของกลุ่มเสี่ยงเบาหวานร้อยละ 36.6 (R2=0.366, p<0.01) ประกอบด้วย อายุ (ß= -0.198) การรับรู้ความเสี่ยงเบาหวาน (ß=0.300) การสนับสนุนจากครอบครัว (ß= 0.241) และการเข้าถึงบริการสุขภาพ (ß=0.241) อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ 0.05
การวิจัยแบบลงมือตรวจสอบพร้อมกันนี้จะช่วยให้คุณได้ศึกษาข้อมูลด้านสุขภาพของกลุ่มเป้าหมายที่มีความเสี่ยงและปัจจัยต่างๆ โดยคาดการณ์เกี่ยวกับพฤติกรรมด้านสุขภาพของความเสี่ยงที่คาดการณ์ไว้ในประเทศบราซิล ตั้งแต่ก่อน 35 ปีขึ้นไปทั้งที่ยังไม่ได้รับการวินิจฉัยว่าจะได้รับการวัดขนาดกลุ่มตัวอย่างจากตาราง Taro Yamane ได้ขนาดกลุ่มตัวอย่างจำนวน 403 คน การสุ่มตัวอย่างแบบต้องมีกลุ่มเสี่ยงที่จะได้รับด้วยการให้ระดับน้ำตาล เมื่อพบกลุ่มตัวอย่างที่มีระดับในตัวอย่าง 100-125 ตามมา/เดซิลิตรจำนวน 125 คนที่มาถึงแล้ว 31 หลังจากนั้นก็จะคอยติดตามในตัวอย่าง 125 คนซึ่งจะช่วยให้ทำการวิจัยคือ อย่าลืมตอบคำถามเหล่านี้เป็นประจำทุกส่วนโดยให้มาตรฐาน และนักวิเคราะห์ถดถอยพหุคูณผลการวิจัยพบว่ากลุ่มตัวอย่างมีพฤติกรรมการออกกำลังกายอย่างปานกลางปัจจัยที่จำเป็นในการปฏิบัติตามข้อกำหนดของแต่ละบุคคล การเข้าถึงบริการสุขภาพและแหล่งข้อมูลทรัพยากร ตรงนี้มีความจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องได้รับการปฏิบัติตามคำแนะนำจากอย่างน้อยหนึ่งครั้ง ซึ่งจะต้องมีปัจจัยต่อไปนี้เข้าร่วมทำตามความคาดหวังของชุมชนสุขภาพความเสี่ยงที่จะได้รับจาก 36.6 (R2=0.366) , p<0.01) คืออายุ (ß=-0.198) ส่งคืนโอกาสนี้เกิดจากสิ่งนี้ (ß=0.300) การได้รับการต้อนรับจากครอบครัว (ß=0.241) และการบริการด้านสุขภาพ (ß=0.241) อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ 0.0505050505
Publisher
มหาวิทยาลัยราชภัฏอุตรดิตถ์. สำนักวิทยบริการและเทคโนโลยีสารสนเทศ
Role:
อาจารย์ที่ปรึกษาวิทยานิพนธ์
Rights
©copyrights มหาวิทยาลัยราชภัฏอุตรดิตถ์