การศึกษาสภาพการปฏิบัติงานตามมาตรฐานการควบคุมภายในของสถานศึก ษา สังกัดสำนักบริหารงานการศึกษาพิเศษ

A Study of the Performance States according to the Internal Control Standard of the Schools Attached to the Special Education Bureau

Name: นวลลักษณ์ นาสมตรึก

keyword: มาตรฐานการควบคุมภายใน

ThaSH: การควบคุมภายใน

Classification :.DDC: 371.9

; การศึกษาพิเศษ

ThaSH: การบริหาร

ThaSH: การศึกษา

Abstract: การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อ 1)เพื่อศึกษาสภาพการปฏิบัติงานตามมาตรฐานการควบคุมภายในของสถานศึกษา สำนักบริหารงานการศึกษาพิเศษ 2) เพื่อเปรียบเทียบสภาพการปฏิบัติงานตามมาตรฐานการควบคุมภายในของสถานศึกษาสังกัดสำนักบริหารงานการศึกษาพิเศษ จำแนกตามตำแหน่ง ประสบการณ์ในการทำงานและประเภทของสถานศึกษา 3)เพื่อศึกษาปัญหาและข้อเสนอแนะในการปฏิบัติงานตามมาตรฐานการควบคุมภายในของสถานศึกษาสังกัดสำนักบริหารงานการศึกษาพิเศษ กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการวิจัย คือ ผู้บริหารสถานศึกษาและครู จำนวน 477 คน กำหนดขนาดกลุ่มตัวอย่างโดยใช้ตาราง Krejcie and Morgan และได้มาโดยการสุ่มแบบแบ่งชั้นเครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย ประกอบด้วย แบบสอบถามแบบมาตราส่วนประมาณค่า ชนิด 5 ตัวเลือกและคำถามปลายเปิด มีค่าความเชื่อมั่นที่ .98 สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล ได้แก่ ค่าเฉลี่ย ค่าเบี่ยงเบนมาตรฐานการทดสอบที และการทดสอบเอฟ เมื่อพบความแตกต่างอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติทำการทดสอบความแตกต่างรายคู่ โดยวิธีของ Scheffe' ผลการวิจัยพบว่า 1. สภาพการปฏิบัติงานตามมาตรฐานการควบคุมภายในของสถานศึกษาสังกัดสำนักบริหารงานการศึกษาพิเศษ ทั้งโดยภาพรวมและรายด้าน อยู่ในระดับมาก 2. การเปรียบเทียบสภาพการปฏิบัติงานตามมาตรฐานการควบคุมภายในของสถานศึกษา สังกัดสำนักบริหารงานการศึกษาพิเศษ จำแนกตามตำแหน่ง ทั้งโดยภาพรวมและรายด้าน แตกต่างกัน อย่างมีนัยสำคัญที่ระดับ .01 ส่วนจำแนกตามประสบการณ์ในการทำงานและประเภทของสถานศึกษา พบว่า ทั้งโดยภาพรวมและรายด้าน ไม่แตกต่างกัน 3. การศึกษาปัญหาและข้อเสนอแนะ โดยภาพรวม พบว่าด้านที่ควรให้ความสำคัญและควรปรับปรุงก่อนด้านอื่น คือ ด้านสารสนเทศและการสื่อสาร ซึ่งมีปัญหา คือสถานศึกษาจัดให้มีช่องทางการสื่อสารพิเศษ หรือช่องทางลับเพื่อให้บุคคลต่างๆภายในหน่วยงานสามารถแจ้งข้อมูล หรือเบาะแสเกี่ยวกับการฉ้อฉล หรือทุจริตในหน่วยงานได้ แต่ยังไม่มีความปลอดภัยเพียงพอ และมีข้อเสนอแนะ คือสถานศึกษาควรจัดให้มีช่องทางการสื่อสารพิเศษหรือช่องทางลับเพื่อให้บุคคลต่างๆภายในหน่วยงาสามารถแจ้งข้อมูล หรือเบาะแสเกี่ยวกับการฉ้อฉลหรือทุจริตในหน่วยงานได้อย่างปลอดภัย The study aimed: (1) to study the performance states according to the internal control standard of the schools attached to the Special Education Bureau, (2) to compare the performance states according to the internal control standard of the schools attached to the Special Education Bureau as classified by positions, working experience, and types of the schools and (3) to explore the problems and recommendations on the performance in line with the internal control standard of the schools affiliated to the Special Education Bureau. The samples used in the research were 477 school administrators and teachers, determined by Krejcie and Morgan’s table and drawn by Stratified Random Sampling. The research instrument was a five-rating scale questionnaire of five choices and an open-ended questions. Its confidence value was equivalent to .98. Statistics used in data analysis were means, standard deviation, t-test, F-test, and if significant differences were found, Scheffe’s paired method was employed. The research findings were as follows: 1. The performance states according to the internal control standard of the schools attached to the Special Education Bureau were found to be at a high level both in overall and the individual aspects. 2. A comparison of the performance states according to the internal control standard of the schools attached to the Special Education Bureau as classified by positions showed a significant difference at 0.1. However, when it was classified by working experience, and types of schools, it was found that there was no difference. 3. Concerning problems and recommendations, the aspect as a whole revealed that of highest score was the information and communications. The problem found was the school or educational establishment provided a special channel to enable the persons to provide information on fraud and corruption. Still, there was not enough security. It was recommended that there should be a special outlet or channel for communications so that the personnel could carry out tasks and duties in a secure and reliable fashion.

มหาวิทยาลัยราชภัฏอุบลราชธานี. สำนักวิทยบริการและเทคโนโลยีสารสนเทศ

Address: อุบลราชธานี

Email: info.lib@ubru.ac.th

Name: ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.ไพวุฒิ ลังกา

Role: อาจารย์ที่ปรึกษาวิทยานิพนธ์หลัก

Name: ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.ชวนคิด มะเสนะ

Role: อาจารย์ที่ปรึกษาวิทยานิพนธ์ร่วม

Created: 2563

Modified: 2566-02-10

Issued: 2566

Issued: 2566-02-08

วิทยานิพนธ์/Thesis

application/pdf

tha

DegreeName: ครุศาสตรมหาบัณฑิต

Level: ปริญญาโท

Descipline: การบริหารการศึกษา

©copyrights มหาวิทยาลัยราชภัฏอุบลราชธานี

ลำดับที่.	ชื่อแฟ้มข้อมูล	ขนาดแฟ้มข้อมูล	จำนวนเข้าถึง	วัน-เวลาเข้าถึงล่าสุด
1	Nuanluk Nasomtruk.pdf	56.13 MB	31	2025-09-18 13:48:23

ใช้เวลา

0.024838 วินาที