รายงานการวิจัย ความพึงพอใจในงานของพนักงาน ความคุ้นเคยระหว่างผู้ประเมิน กับผู้ได้รับการประเมิน ความคล้ายคลึงระหว่างผู้ประเมินกับผู้ได้รับการประเมิน ความชอบที่มีต่อผู้ได้รับการประเมินและความคลาดเคลื่อนแบบปล่อยคะแนน และแบบกดคะแนน

ความพึงพอใจในงานของพนักงาน ความคุ้นเคยระหว่างผู้ประเมิน กับผู้ได้รับการประเมิน ความคล้ายคลึงระหว่างผู้ประเมินกับผู้ได้รับการประเมิน ความชอบที่มีต่อผู้ได้รับการประเมินและความคลาดเคลื่อนแบบปล่อยคะแนน และแบบกดคะแนน

Job satisfaction, rater-ratee acquaintance, rater-ratee similarity, liking to ratee and leniency and severity error

Name: มานพ ชูนิล

Organization : คณะศิลปศาสตร์ประยุกต์. ภาควิชามนุษยศาสตร์

Email : manop@grad.kmutnb.ac.th

ThaSH: ลูกจ้าง -- ความพอใจในการทำงาน

Classification :.LCCS: HF5549.5.A83

ThaSH: ลูกจ้าง -- การประเมินศักยภาพ

ThaSH: การประเมินผลงาน

Abstract: การวิจัยครั้งนี้เป็นการวิจัยแบบผสม แบ่งออกเป็น 3 ระยะโดยระยะที่ 1 เป็นการวิจัยเชิงคุณภาพมีจุดมุ่งหมายเพื่อศึกษาประเกทและสาเหตุของความคลาดเคลื่อนในการประเมินผลการปฏิบัติงานของผู้ประเมิน ผู้ให้ข้อมูลหลัก จำนวน 12 คน ประกอบด้วยผู้ประเมิน ผู้ได้รับการประเมิน และบุคลากรที่เป็นผู้เกี่ยวข้องระบบการประเมินผลการปฏิบัติงานในรัฐวิสาหกิจ เก็บรวบรวมข้อมูลโดยใช้วิธีการสัมภาษณ์ ผลการวิจัยพบว่า มีความคลาดเคลื่อน 3 ประเภท คือ การปล่อยคะแนน (Leniency error) การกดคะแนน (Severity error) และการประเมินที่ใช้ข้อมูลเกี่ยวกับผลการปฏิบัติงานเฉพาะช่วงใกล้ประเมิน (Recency error) และพบสาเหตุของความคลาดเคลื่อนดังกล่าว จำนวน 15, 6 และ 1 สาเหตุตามลำดับ ระยะที่ 2 เป็นการวิจัยเชิงปริมาณ มีจุดมุ่งหมาย 1) เพื่อระบุผู้ประเมินแต่ละคนว่าคนใดมีความคลาดเคลื่อนในการประเมินผลการปฏิบัติงานแบบปล่อยคะแนน แบบกดคะแนน หรือไม่มีความคลาดเคลื่อนทั้งสองอย่างด้วยวิธีการของ Guilford 2) เพื่อเปรียบเทียบผลการปฏิบัติงานของผู้ได้รับการประเมินจำแนกตามผู้ประเมินที่มีความคลาดเคลื่อนแบบปล่อยคะแนนและกดคะแนนและ 3) เพื่อจำแนกกลุ่มผู้ประเมินที่มีความคลาดเคลื่อนในการประเมินผลการปฏิบัติงานแบบปล่อยคะแนนและกลุ่มผู้ประเมินที่มีความคลาดเคลื่อนในการประเมินผลการปฏิบัติงานแบบกดคะแนน ด้วยปัจจัยเกี่ยวกับความพึงพอใจในงานของผู้ประเมิน ความคุ้นเคยระหว่างผู้ประเมินกับผู้ได้รับการประเมิน ความคล้ายคลึงระหว่างผู้ประเมินกับผู้ได้รับการประเมิน และความชอบที่มีต่อผู้ได้รับการประเมิน กลุ่มตัวอย่าง คือผู้ประเมิน จำนวน 80 คนในรัฐวิสาหกิจ เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย คือ แบบสอบถาม สถิติที่ใช้วิเคราะห์ข้อมูลคือการวิเคราะห์จำแนกประเภท ผลการวิจัย พบว่า 1) ผู้ประเมินจำนวน 43 คน (53.75%) มีความคลาดเคลื่อนแบบปล่อยคะแนน และ 37 คน (46.259) มีความคลาดเคลื่อนแบบกดคะแนน 2) ผู้ได้รับประเมินที่ได้รับการประเมินจากผู้ประเมินแตกต่างกัน มีผลการปฏิบัติงานแตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .01 โดยผลการปฏิบัติงานของผู้ได้รับการประเมินที่ประเมินโดยผู้ประเมินที่มีความคลาดเคลื่อนแบบปล่อยคะแนน (x ̅ = 4.41) สูงกว่าผลการปฏิบัติงานของผู้ได้รับการประเมินที่ประเมินโดยผู้ประเมินที่มีความคลาดเคลื่อนกดคะแนน (x ̅= 3.41) และ 3) ปัจจัยทั้ง 4 ปัจจัยดังกล่าวสามารถจำแนกกลุ่มผู้ประเมินที่มีความคลาดเคลื่อนในการประเมินแบบปล่อยคะแนน และกลุ่มผู้ประเมินที่มีความคลาดเคลื่อนในการประเมินแบบกดคะแนนอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .01 (Chi-square = 19.710; Df. = 4; sig. = 001) และสามารถสร้างสมการในรูปคะแนนดิบดังนี้ D' = -10.205 + 2.187 ความพึงพอใจในงานของผู้ประเมิน) + 0.039 (ความคุ้นเคยระหว่างผู้ประเมินกับผู้ได้รับการประเมิน) - 2.365 (ความคล้ายคลึงระหว่างผู้ประเมินกับผู้ได้รับการประเมิน) + 1.080 (ความชอบที่มีต่อผู้ได้รับการประเมิน) ระยะที่ 3 เป็นการวิจัยเชิงคุณภาพ มีจุดมุ่งหมายเพื่อหาแนวทางที่ควรนำมาใช้แก้ปัญหาการประเมินผลการปฏิบัติงานที่มีความคลาดเคลื่อนแบบปล่อยคะแนนของผู้ประเมิน เทคนิคเดลพ่ายถูกนำมาใช้เก็บรวบรวมข้อมูล กลุ่มตัวอย่าง คือ ผู้เชี่ยวชาญด้านการประเมินผลการปฏิบัติงานและสาขาที่เกี่ยวข้อง จำนวน 26 คน สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล คือ ค่ามัธยฐาน (Median) ค่าพิสัยระหว่างควอไทล์ (Interquartile Range) และค่าเฉลี่ย (Mean) ผลการวิจัยพบว่า มี 61 แนวทาง ได้รับฉันทามติจากผู้เชี่ยวชาญที่ควรนำมาใช้แก้ปัญหาความคลาดเคลื่อนแบบปล่อยคะแนนในการประเมินผลการปฏิบัติงาน

Abstract: This research was the mixed method which divided into 3 phases. Of the first phase which was a qualitative research, the objectives were to study the types and causes of errors of performance appraisal of raters. The 12 key informants comprised of raters, ratees and personnel who involves with managing performance appraisal system in state enterprises. The interview technique was used to gather data. The results showed there were 3 errors in performance appraisal: leniency, severity and recency and also found that 15, 6 and 1 causes of such errors respectively. Of the second phase which was the quantitative research, the objectives were 1) to identify each raters who had leniency, severity or did not have any errors by using the Guilford's method 2) to compare job performance categorized with lenient raters and severe raters and 3) to discriminate raters to be a group which had leniency error and a group which had severity error with 4 factors: job satisfaction of raters, rater- ratee acquaintance, rater-ratee similarity, liking to ratees. The sample group was 80 raters at state enterprises. The research instrument was questionnaires. The results showed 43 raters (53.75%) had leniency error and 37 raters (46.25%) had severity error. Regarding the job performance, the lenient raters gave significantly higher scores (x ̅ = 4.41) to the ratees than the severe raters (x ̅= 3.41). The significance level established for the statistical analysis was .01. The 4 factors can discriminate raters with a statistical significance at .01 level (Chi-square = 19.710, Df. = 4, sig, = .001). The raw score equation could be showed as follows: D' = -10.205 + 2.187 (job satisfaction of raters) + 0.039 (rater - ratee acquaintance) - 2.365 (rater – rate similarity) + 1.080 (liking to ratees). Of the third phase which was a qualitative research, the objective was to seek the ways which should be used to solve the leniency error problem. The Delphi technique was used to gather data. The sample group was 26 experts in performance appraisal and the related fields. The median and interquartile range and mean were used to analyze data. The results showed 61 ways which reached the expert consensus should be used to solve the leniency error problem in performance appraisal.

มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าพระนครเหนือ. สำนักหอสมุดกลาง

Address: กรุงเทพมหานคร

Email: library@kmutnb.ac.th

Name: งานวิจัยนี้ได้รับการสนับสนุนจากงบประมาณแผ่นดิน มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าพระนครเหนือ.

Role: ผู้ให้ทุน

Created: 2559

Modified: 2023-01-23

Issued: 2566-01-06

งานวิจัย/Research report

application/pdf

tha

©copyrights มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าพระนครเหนือ

ลำดับที่.	ชื่อแฟ้มข้อมูล	ขนาดแฟ้มข้อมูล	จำนวนเข้าถึง	วัน-เวลาเข้าถึงล่าสุด
1	B17576738.pdf	147.21 MB

ใช้เวลา

0.018824 วินาที