รูปแบบความสัมพันธ์ของปัจจัยทางการบริหารที่ส่งผลต่อประสิทธิผลโรงเรียนนิคมสร้างตนเองในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ

Name: พรวรินทร์ ศรีทัพไทยกำจร

Address: 112/22 หมู่ 18 ตำบลอิสาณ อำเภอเมืองบุรีรัมย์ จังหวัดบุรีรัมย์

keyword: การบริหารการศึกษา

Classification :.DDC: 371.2

; การบริหารสถานศึกษา

; โรงเรียน

Abstract: การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาระดับปัจจัยทางการบริหารและระดับประสิทธิผล ความสอดคล้องโครงสร้างเชิงเส้นของรูปแบบ และพัฒนาตัวบ่งชี้ปัจจัยทางการบริหารที่ส่งผลต่อประสิทธิผลการบริหารโรงเรียนนิคมสร้างตนเองในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ เป็นการวิจัยแบบผสานวิธีระหว่างการวิจัยเชิงปริมาณ โดยประชากรคือ สถานศึกษา จำนวน 423 โรงเรียน กลุ่มตัวอย่างจำนวน 210 โรงเรียน สถิติที่ใช้ในการ วิเคราะห์ข้อมูล ได้แก่ ค่าความถี่ ค่าร้อยละ ค่าเฉลี่ย ค่าเบี่ยงเบนมาตรฐาน และสหสัมพันธ์ และวิธีวิจัยเชิงคุณภาพ โดยใช้เทคนิคกรณีศึกษา จำนวน 3โรงเรียนการสัมภาษณ์เชิงลึก การสังเกต และการจัดสนทนากลุ่ม โดยผู้เชี่ยวชาญจำนวน 14 คน ผลการวิจัย พบว่า 1. ระดับปัจจัยการบริหาร ภาพรวมอยู่ในระดับมาก ( x ̅ = 4.50) เมื่อพิจารณาเป็นรายด้านพบว่าอยู่ในระดับมากที่สุด 6 ด้าน เรียงลำดับดังนี้ ลำดับที่ 1 ด้านวัฒนธรรมองค์การ (x ̅ =4.65) ลำดับที่ 2 รองลงมาเป็นด้านการควบคุมภายใน (x ̅ = 4.56) ลำดับที่ 3 ด้านการประกันคุณภาพการศึกษา (x ̅ = 4.54) ลำดับที่ 4 ด้านสารสนเทศ (x ̅ = 4.54) ลำดับที่ 5 ด้านขวัญและกำลังใจ (x ̅ = 4.54) ลำดับที่ 6 ด้านบทบาทคณะกรรมการสถานศึกษา (x ̅ = 4.51) และระดับมาก 3ด้าน เรียงลำดับดังนี้ ลำดับที่ 7 ด้านองค์การแห่งการเรียนรู้ (x ̅ = 4.49) ลำดับที่ 8 ด้านการบริหารงานบุคคล (x ̅ = 4.48) และ ด้านการนิเทศ (x ̅ = 4.02) ตามลำดับ ระดับประสิทธิผล ภาพรวมอยู่ในระดับมาก (x ̅ = 4.44) เมื่อพิจารณาเป็นรายด้านพบว่าอยู่ในระดับมากทุกด้าน เรียงลำดับดังนี้ลำดับที่ 1 ด้านผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน (x ̅ = 4.48) ลำดับที่ 2 รองลงมาเป็นด้านสำนึกรักบ้านเกิด (x ̅ = 4.48) ลำดับที่ 3 ด้านกายภาพ (x ̅ = 4.45) ลำดับที่ 4 ด้านแรงจูงใจใฝ่สัมฤทธิ์ (x ̅ = 4.45) ลำดับที่ 5 ด้านความสามารถในการปรับตัว (x ̅ = 4.45) ลำดับที่ 6 ด้านแหล่งเรียนรู้ภายในโรงเรียน (x ̅ = 4.38) และ ลำดับที่ 7 ด้านความพึงพอใจของบุคลากร (x ̅ = 4.37) ตามลำดับ 2. รูปแบบความสัมพันธ์โครงสร้างเชิงเส้นของปัจจัยทางการบริหารส่งผลต่อประสิทธิผลของโรงเรียนนิคมสร้างตนเอง ในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ มีความสอดคล้องกลมกลืนกับข้อมูลเชิงประจักษ์ ยอมรับได้ว่าเป็นไปตามสมมติฐานตามเกณฑ์ที่กำหนด โดยค่าที่วัดได้ ค่าสถิติไค - สแควร์(Chi-Square) ได้เท่ากับ 119.46 ค่าองศาอิสระ (Degree of Freedom : df) ได้เท่ากับ 99 ค่าความน่าจะเป็นหรือระดับนัยสำคัญทางสถิติ (p – value) เท่ากับ 0.07915 และ ค่าประมาณความคาดเคลื่อนรากที่สองเฉลี่ย (Root Mean Square Error of Approximation : RMSEA) เท่ากับ 0.018ปัจจัยทางการบริหารส่งผลต่อประสิทธิผล ร้อยละ 88.36 โดยปัจจัยทางการบริหารได้รับอิทธิพลจากตัวแปรแฝงภายนอก 9 ด้าน เรียงลำดับค่าร้อยละจากมากไปหาน้อย ดังนี้ ด้านสารสนเทศ ร้อยละ73.96 ด้านบทบาทคณะกรรมการสถานศึกษา ร้อยละ 53.29 ด้านองค์การแห่งการเรียนรู้ ร้อยละ49.00 ด้านการประกันคุณภาพการศึกษา ร้อยละ 38.44 ด้านการบริหารงานบุคคล ร้อยละ 32.49ด้านขวัญและกำลังใจ ร้อยละ 23.04 ด้านการควบคุมภายใน ร้อยละ 21.16 ด้านวัฒนธรรมองค์การร้อยละ 11.56 และ ด้านการนิเทศ ร้อยละ 4.41 ตามลำดับ ประสิทธิผลการบริหาร ได้รับอิทธิพลจากตัวแปรแฝงภายนอก 7 ด้าน เรียงลำดับค่าร้อยละจากมากไปหาน้อย ดังนี้ ด้านแรงจูงใจใฝ่สัมฤทธิ์ร้อยละ 64.00 ด้านสำนึกรักบ้านเกิด ร้อยละ 57.76 ด้านกายภาพ ร้อยละ 54.76 ด้านผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน ร้อยละ 53.29 ด้านความพึงพอใจของบุคลากร ร้อยละ 49.00 ด้านความสามารถในการปรับตัว ร้อยละ 40.96 และด้านแหล่งเรียนรู้ภายในโรงเรียน ร้อยละ 34.81 ตามลำดับ 3. การพัฒนาตัวบ่งชี้ปัจจัยการบริหาร 9 ด้าน ตามลำดับ ดังนี้ ด้านสารสนเทศ ด้านบทบาทคณะกรรมการสถานศึกษา ด้านองค์การแห่งการเรียนรู้ ด้านการประกันคุณภาพการศึกษาด้านการบริหารงานบุคคล ด้านขวัญและกำลังใจ ด้านการควบคุมภายใน ด้านวัฒนธรรมองค์การ และด้านการนิเทศ ตามลำดับ The objectives of this mixed-method research were: 1) to study levels of administrative factors and effectiveness; 2) to examine the consistency of the linear structural equation of the model; and 3) to develop indicators of administrative factors affecting the school administration. The population of this study were 423 Nikhom-Sang-Ton-Eng schools in the northeast region and the sample group of this study consisted of 210 Nikhom-Sang-Ton-Eng schools. Statistics used for quantitative data analysis were frequency, percentage, mean, standard deviation, and correlation analysis. In term of qualitative study, a case-study of 3 schools, in-depth interviews, observations, and focused-group discussions with 14 experts were applied to collect the data. The study found that: 1. In term of the administrative factors, the overall level of the administrative factors is at a high level (x ̅ = 4.50). When considered in each aspect, it was found that the highest level is in 6 aspects ranked as follows: organizational culture (x ̅ = 4.65), internal control (x ̅ = 4.56), quality assurance (x ̅ = 4.54), information (x ̅ = 4.54), morale (x ̅ = 4.54), and roles of the school board (x ̅ = 4.51). Further, the study also showed that the other 3 administrative factors are at a high level as follows respectively: learning organization (x ̅ = 4.49), personnel management (x ̅ = 4.48), and supervision (x ̅ = 4.02). Owing to the effectiveness, the overall effectiveness level is at a high level (x ̅ = 4.44). When considered each aspect, the study found that it is at a high level in all aspects ranked as follows: learning achievement (x ̅ = 4.48), the sense of love in homeland (x ̅ = 4.48), physical (x ̅ = 4.45), achievement motive (x ̅ = 4.45), adaptability (x ̅ = 4.45), learning resources within the school (x ̅ = 4.38), and personnel satisfaction (x ̅ = 4.37). 2. The linear structural relationship model of administrative factors affects the effectiveness of the Nikom-Sang-Ton-Eng-school in the northeast region. The model is consistent with the empirical data and is in accord with the specified research hypothesis (χ2 = 119.46, df = 99, p-value = 0.07915, RMSEA = 0.018). The administrative factors have affected the effectiveness of school administration of 88.36 percent. In addition, the administrative factors have influenced by 9 exogenous variables in descending order as follows: information = 73.96 %, roles of the school board = 53.29 %, learning organization = 49.00 %, quality assurance = 38.44 %, personnel management = 32.49 %, morale = 23.04 %, internal control = 21.16 %, organizational culture = 11.56 %, and supervision 6% 4.41. Further, the administrative effectiveness have Influenced by 7 exogenous variables in descending order as follows: achievement motive = 64.00 %, the sense of love in homeland = 57.76 %, physical = 54.76 %, learning achievement = 53.29 %, personnel satisfaction = 49.00 %, adjustability = 40.96 %, and learning resources within the school = 34.81 %. 3. The administrative indicators are developed in 9 aspects based on its effects on school administration respectively, as follows: information, roles of the school board, learning organization, quality assurance, personnel management, morale, internal control, organizational culture, and supervision.

มหาวิทยาลัยราชภัฏสุรินทร์. สำนักวิทยบริการและเทคโนโลยีสารสนเทศ

Address: สุรินทร์

Email: arit@srru.ac.th

Name: วสันต์ชัย กากแก้ว

Role: อาจารย์ที่ปรึกษา

Name: ศุภธนกฤษ ยอดสละ

Role: อาจารย์ที่ปรึกษา

Name: ทรงเดช สอนใจ

Role: อาจารย์ที่ปรึกษา

Created: 2563

Modified: 2565-12-15

Issued: 2565-12-15

วิทยานิพนธ์/Thesis

application/pdf

CallNumber: 371.2 พ17ร

tha

DegreeName: ปรัชญาดุษฎีบัณฑิต

Level: ปริญญาเอก

Descipline: ภาวะผู้นำและการบริหาร

Grantor: มหาวิทยาลัยราชภัฏสุรินทร์

©copyrights มหาวิทยาลัยราชภัฏสุรินทร์

ลำดับที่.	ชื่อแฟ้มข้อมูล	ขนาดแฟ้มข้อมูล	จำนวนเข้าถึง	วัน-เวลาเข้าถึงล่าสุด
1	SRRUThesis2565-14.pdf	33.03 MB	63	2025-08-16 18:13:40

ใช้เวลา

0.018961 วินาที