ความสัมพันธ์ระหว่างบรรยากาศองค์การกับประสิทธิผลองค์การ กรณีศึกษา : คณะวิศวกรรมศาสตร์และสถาปัตยกรรมศาสตร์

The Relationship Between Organizational Climates and Organizational Effectiveness: Case of Faculty of Engineering and Architecture

Name: สุรพจน์ วัชโรภากุล

Name: สุดใจ ซื่อสัตย์

Name: นฤมล ผ่องกุศล

Name: พรทิพย์ ไกรกลาง

Name: พิสิษฐ์ กลอนค้างพลู

keyword: บรรยากาศองค์การ

; ประสิทธิผลองค์การ

; corporate atmosphere

; organizational effectiveness

Abstract: การศึกษาเรื่อง ความสัมพันธ์ระหว่างบรรยากาศองค์การกับประสิทธิผลองค์การ กรณีศึกษา : คณะวิศวกรรมศาสตร์และสถาปัตยกรรมศาสตร์มีวัตุประสงค์ในการศึกษาได้แก่ 1. เพื่อศึกษา บรรยากาศองค์การ กรณีศึกษา : คณะวิศวกรรมศาสตร์และสถาปัตยกรรมศาสตร์ 2. เพื่อศึกษา ประสิทธิผลองค์การ กรณีศึกษา : คณะวิศวกรรมศาสตร์และสถาปัตยกรรมศาสตร์ 3. เพื่อศึกษา ความสัมพันธ์ระหว่างบรรยากาศองค์การกับประสิทธิผลองค์การ กรณีศึกษา : คณะวิศวกรรมศาสตร์ และสถาปัตยกรรมศาสตร์ 4.เพื่อเปรียบเทียบประสิทธิผลองค์การ กรณีศึกษา : คณะวิศวกรรมศาสตร์ และสถาปัตยกรรมศาสตร์ จ าแนกตามปัจจัยส่วนบุคคล กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการวิจัย ได้แก่ บุคลากร สายวิชาการและสายสนับสนุน คณะวิศวกรรมศาสตร์และสถาปัตยกรรมศาสตร์ จ านวน 148 คน เครื่องมือที่ใช้ในการเก็บรวบรวมเป็ นแบบสอบถาม (Questionnaire) ผลการศึกษาพบว่า กลุ่มตัวอย่างจ านวน 148 คนส่วนใหญ่เป็ นเพศชาย จ านวน 89 คน คิดเป็ น ร้อยละ 60.1 อายุ 36-45 ปี จ านวน 82 คน คิดเป็ นร้อยละ 55.4 การศึกษาสูงกว่าปริญญาตรี จ านวน 88 คน คิดเป็ นร้อยละ 59.5 ต าแหน่งงาน อาจารย์ จ านวน 35 คน คิดเป็ นร้อยละ 23.6 รายได้ตั้งแต่ 10,001 - 20,000 บาท จ านวน 60 คน คิดเป็ นร้อยละ 40.5 และอายุการท างาน 6-10 ปี จ านวน 69 คน คิดเป็ นร้อยละ 46.6 ค่าเฉลี่ยของบรรยากาศองค์การ กรณีศึกษา : คณะวิศวกรรมศาสตร์และ สถาปัตยกรรมศาสตร์ ภาพรวม อยู่ในระดับมาก ค่าเฉลี่ย = 4.03 เมื่อพิจารณาจากค่าเฉลี่ยจากมากไปหา น้อยได้ดังต่อไปนี้ การติดต่อสื่อสารภายในองค์การ รองลงมาได้แก่ การค านึงถึงพนักงาน อ านาจและ อิทธิพลในองค์การ แรงจูงใจ เทคโนโลยีที่ใช้ในหน่วยงาน และการมีส่วนร่ วมในการตัดสิ นใจ ตามล าดับ ค่าเฉลี่ยของประสิทธิผลองค์การ กรณีศึกษา : คณะวิศวกรรมศาสตร์และสถาปัตยกรรม ศาสตร์ พบว่า อยู่ในระดับมาก ค่าเฉลี่ย = 4.04 เมื่อพิจารณาจากค่าเฉลี่ยจากมากไปหาน้อยได้ดังต่อไปนี้ การพัฒนา (Development) รองลงมาได้แก่ ผลผลิ ต (Production) การปรับตัว (Adaptive) และ ประสิ ทธิภาพ (Efficiency) ตามล าดับ พบว่า ตัวแปรต้นสามารถพยากรณ์ประสิ ทธิผลองค์การ กรณีศึกษา : คณะวิศวกรรมศาสตร์และสถาปัตยกรรมศาสตร์ ซึ่งสามารถสร้างสมการถดถอย ได้ดังนี้ ประสิทธิผลองค์การ = 2.436 +0.061(การค านึงถึงพนักงาน)+0.123 (อ านาจและอิทธิพลใน องค์การ) + 0.340 (เทคโนโลยีที่ใช้ในหน่วยงาน) +0.583 (แรงจูงใจ) ผลการทดสอบสมมุติฐานปัจจัยลักษณะทางประชากรศาสตร์ที่ส่งผลต่อประสิทธิผลองค์การ กรณีศึกษา : คณะวิศวกรรมศาสตร์และสถาปัตยกรรมศาสตร์ พบว่า มีค่า Sig. เท่ากับ มากกว่า 0.05 ทุก ด้าน แสดงว่า กลุ่มตัวอย่างที่มีลักษณะทางประชากรศาสตร์แตกต่างกันมีประสิทธิผลองค์การ กรณีศึกษา : คณะวิศวกรรมศาสตร์และสถาปัตยกรรมศาสตร์ไม่แตกต่างกัน

Abstract: Study subject Relationship between Organizational Atmosphere and Organizational Effectiveness Case Study:Faculty of Engineering and Architecture The objectives of this study are: 1 . To study the organizational climate. Case study: Faculty of Engineering and Architecture 2. To study organizational effectiveness. Case study: Faculty of Engineering and Architecture 3. To study the relationship between organizational climate and organizational effectiveness. Case study: Faculty. Engineering and Architecture 4 . To compare organizational effectiveness, case study: Faculty of Engineering and Architecture Classified by personal factors The sample groups used in the research were personnel, academic and support lines. Faculty of Engineering and Architecture, 148 people. The instrument used in the collection was a questionnaire. (Questionaire) The results showed that The sample of 148 people, mostly male, 89 people, representing 60.1%, aged 3 6-45 years, 82 people, equivalent to 55.4%, postgraduate education, 88 people, or 59.5%, positions, teachers, 35. People representing 23.6%, income ranging from 10,001 - 20,000 baht, 60 people representing 40.5%, and working age 6-10 years, 69 people representing 4 6 .6 %. Average organizational climate Case study: Faculty of Engineering and Architecture Picture Total is at a high level, mean = 4.03. Considering the average from descending as follows: communication within the organization followed by employee consideration power and influence in the organization; motivation; technology used in the organization; and participation in decision-making respectively. Mean of organizational effectiveness Case study: Faculty of Engineering and Architecture found that it was at a high level, mean = 4.04. Development, followed by productivity (Production), adaptive (Adaptive) and efficiency (Efficiency), respectively. It was found that the underlying variables can predict organizational effectiveness. Case study: Faculty of Engineering and Architecture. The regression equation can be created as follows: Organizational effectiveness = 2.436 +0.061(employee consideration) +0.123 (Power and influence in the organization) + 0.340 (technology used in the organization) +0.583 (motivation) The results of the hypothesis testing of demographic factors affecting organizational effectiveness Case study: Faculty of Engineering and Architecture found that the Sig. value was greater than 0.05 in all aspects, indicating that the sample group with different demographic characteristics had organizational effectiveness. Case study: Faculty of Engineering and Architecture no different

มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลอีสาน. สำนักวิทยบริการและเทคโนโลยีสารสนเทศ

Address: นครราชสีมา

Email: kitiya.ni@rmuti.ac.th

Role: ผู้ให้ทุน

Modified: 2565-07-04

Issued: 2565-07-04

งานวิจัย/Research report

application/pdf

tha

©copyrights มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคล อีสาน

ลำดับที่.	ชื่อแฟ้มข้อมูล	ขนาดแฟ้มข้อมูล	จำนวนเข้าถึง	วัน-เวลาเข้าถึงล่าสุด
1	RMUTI_ratimaRes65-06.pdf	1.77 MB	24	2025-01-29 11:41:33

ใช้เวลา

0.035284 วินาที