แจ้งเอกสารไม่ครบถ้วน, ไม่ตรงกับชื่อเรื่อง หรือมีข้อผิดพลาดเกี่ยวกับเอกสาร ติดต่อที่นี่ ==>
หากไม่มีอีเมลผู้รับให้กรอก thailis-noc@uni.net.th ติดต่อเจ้าหน้าที่เจ้าของเอกสาร กรณีเอกสารไม่ครบหรือไม่ตรง

การประยุกต์ใช้แบบจำลองสารสนเทศของอาคารในธุรกิจอสังหาริมทรัพย์วิสาหกิจขนาดกลาง และขนาดย่อม กรณีศึกษา โครงการบ้านจัดสรรในจังหวัดเชียงใหม่
Building Information Modeling Application in Small and Medium Enterprises (SME) Real Estate Business Case Study Developed Housing Project in Chiang Mai

Address: อำเภอเมืองลพบุรี จังหวัดลพบุรี
keyword: แบบจำลองสารสนเทศของอาคาร
; การถอดปริมาณวัสดุ
; อุตสาหกรรมก่อสร้าง
; Building information modeling (BIM)
; Material take off
; Industry construction
Abstract: ในปัจจุบันแบบจำลองสารสนเทศอาคาร (BIM) เป็นเทคโนโลยีที่เข้ามามีบทบาทอย่างมากใน วงการก่อสร้างของประเทศไทย เริ่มต้นตั้งแต่การออกแบบไปจนถึงการใช้งานสิ่งก่อสร้าง บริษัทธุรกิจ อสังหาริมทรัพย์ขนาดใหญ่หลายรายได้เริ่มนำ BM มาปรับปรุงกระบวนการทำงานของตนเองให้มีประสิทธิภาพเพิ่มสูงขึ้น ส่วนธุรกิจอสังหาริมทรัพย์วิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (SME) มีข้อจำกัด ความพร้อมด้านเงินทุน เทคโนโลยี และบุคลากร ยังไม่พบการนำ BIM เข้ามาประยุกต์ใช้ในองค์กรของคนมากนัก ดังนั้นงานวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์ เพื่อศึกษาความเป็นไปได้ในการประยุกต์ใช้เทคโนโลยี BIM กับธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ขนาด SME โดยใช้โครงการบ้านจัดสรรแห่งหนึ่งในจังหวัดเชียงใหม่เป็นกรณีศึกษางานวิจัย ได้ทำการศึกษาจะเปรียบเทียบการถอดแบบโดยวิธีทั่วไปกับการถอดแบบด้วยวิธี BIM จากการศึกษาการ ถอดปริมาณวัสดุ พบว่า งานถอดปริมาณ เหล็ก RB6 ของงานฐานรากได้ค่าร้อยละความแตกต่างระหว่าง 2 วิธีเท่ากับ 12.81 งานเสาได้ค่าร้อยละความแตกต่างระหว่าง 2 วิธีเท่ากับ 11.85 และงานคานได้ค่าร้อยละ ความแตกต่างระหว่าง 2 วิธีเท่ากับ 0.33 ปริมาณเหล็ก DB12 แบ่งตามงานย่อยดังนี้ ค่าร้อยละความแตกต่างที่ได้จาก 2 วิธี ของงานฐานรากเท่ากับ 3.68 งานเสาได้ค่าร้อยละความแตกต่างเท่ากับ 0.33 และงานคานได้ค่าร้อยละความแตกต่างเท่ากับ 10.24 กรณีการถอดปริมาณคอนกรีต 210 ksc แบ่งเป็นงานย่อย คือ ค่าร้อยละความแตกต่างของงานฐานรากเท่ากับ 2.50 งานคานเท่ากับ 2.60 งานเสาเท่ากับ 1.30 และงานพื้นเท่ากับ 10.30 กรณีปริมาณเหล็กรูปพรรณ แบ่งตามงานย่อย คือ เหล็กอะเส ร้อยละความแตกต่างเท่ากับ 0.86 เหล็กแป ร้อยละความแตกต่างเท่ากับ 1.95 เหล็กจันทัน ร้อยละความแตกต่างเท่ากับ 3.07 และเหล็กตะเข้สัน ร้อยละความแตกต่างเท่ากับ 4.3 และสุดท้ายการถอดปริมาณวัสดุผนัง อิฐมอญได้ค่าร้อยละความแตกต่างเท่ากับ 7.56 และปริมาณพื้นที่ทำได้ค่าร้อยละความแตกต่างเท่ากับ 6.82 นอกจากนี้ผลการวิจัย พบว่า การถอดปริมาณด้วยระบบทั่วไปจะถอดปริมาณได้ไม่ดีเท่ากับการถอดปริมาณด้วยระบบ BIM โดยมีสาเหตุหลักการถอดปริมาณ คือ 1) ความสะดวกสะบายในการถอดปริมาณ 2) การคิดขาดหรือบกพร่อง และ 3) การเผื่อปริมาณของวัสดุ เนื่องจากกระบวนการก่อสร้าง จะมีการสูญเสียวัสดุ เช่น เกิดการชำรุด หรือ เสียหาย
Abstract: At present, Building Information Modeling (BIM) is a technology playing an important role in construction industry in Thailand, starting from design to construction use. A lot of large real estate companies have begun to use the BIM to streamline their work processes, while real estate businesses in the sense of Small and Medium Enterprises (SME) have limitations with availabilities of capital, technology and personnel; hence, the BIM has not been plentifully found to be applied in their organizations. Therefore, this research aimed to study possibility of applying BIM technology to SME- sized real estate businesses by using projects of housing development in Chiang Mai as case studies. The research was conducted to compare conventional duplication with BIM From the research on duplication of material quantity of both methods, it was found that work of duplicating RB6 quantity of footing work had difference of percentage value as 12.81, column work as 11.85, and beam work as 0.33. For quantity of DB12 the footing work had difference of percentage value between the two methods as 3.68, column work as 0.33, and beam work as 10.24. In a case of duplicating 210 ksc concrete quantity, it could be divided into sub-tasks as follows: differences of percentage values between the two methods of footing work, beam work, column work, and floor work were 2.50, 2.60, 1.30 and 10.30 respectively. In a case of structural steel quantity, a stud beam steel had difference of percentage value as 0.86, a purlin steel as 1.95, a rafter steel as 3.07, and a hip rafter steel as 4.3. Finally, wall material quantity was a Mon brick had difference of percentage value as 7.56, and quantity of painted area as 6.82. Furthermore, the findings revealed that quantitative duplication by using conventional system is not as good as by using BIM system. Main causes of quantitative duplication were as follows: 1) For the convenience of duplicating quantity, 2) Deficient or impaired thinking was a limitation in memory capacity of workers. 3) It was essential to reserve material quantity since construction processes wasted materials such as breakage or damage.
มหาวิทยาลัยพะเยา.ศูนย์บรรณสารและสื่อการศึกษา
Address: พะเยา
Email: clm@up.ac.th
Created: 2563
Modified: 2564-10-18
Issued: 2564-10-18
วิทยานิพนธ์/Thesis
application/pdf
tha
Descipline: Civil Engineering
©copyrights มหาวิทยาลัยพะเยา
RightsAccess:
ลำดับที่.ชื่อแฟ้มข้อมูล ขนาดแฟ้มข้อมูลจำนวนเข้าถึง วัน-เวลาเข้าถึงล่าสุด
1 Rittayut Gonthong.pdf 5.47 MB9 2025-12-21 09:21:30
ใช้เวลา
0.07676 วินาที

Copyright 2000 - 2025 ThaiLIS Digital Collection Working Group. All rights reserved.
ThaiLIS is Thailand Library Integrated System
สนับสนุนโดย สำนักงานบริหารเทคโนโลยีสารสนเทศเพื่อพัฒนาการศึกษา
กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม
328 ถ.ศรีอยุธยา แขวง ทุ่งพญาไท เขต ราชเทวี กรุงเทพ 10400 โทร. โทร. 02-232-4000
กำลัง ออน์ไลน์
ภายในเครือข่าย ThaiLIS จำนวน 4
ภายนอกเครือข่าย ThaiLIS จำนวน 3,138
รวม 3,142 คน

More info..
นอก ThaiLIS = 267,900 ครั้ง
มหาวิทยาลัยสังกัดทบวงเดิม = 415 ครั้ง
มหาวิทยาลัยราชภัฏ = 355 ครั้ง
มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคล = 111 ครั้ง
หน่วยงานอื่น = 15 ครั้ง
มหาวิทยาลัยเอกชน = 11 ครั้ง
สถาบันพระบรมราชชนก = 2 ครั้ง
มหาวิทยาลัยการกีฬาแห่งชาติ = 2 ครั้ง
มหาวิทยาลัยสงฆ์ = 1 ครั้ง
รวม 268,812 ครั้ง
Database server :
Version 2.5 Last update 1-06-2018
Power By SUSE PHP MySQL IndexData Mambo Bootstrap
มีปัญหาในการใช้งานติดต่อผ่านระบบ UniNetHelp


Server : 8.199.134
Client : Not ThaiLIS Member
From IP : 216.73.216.104