ผลของสารอีดีทีเอต่อการบำบัดดินที่ปนเปื้อนแคดเมียมด้วยเฮมพ์

Effect of EDTA on Cadmium contaminated soil remediation by Hemp (Cannabis sativa)

Name: อชิรญาณ์ คเณศรักษพงษ์

Name: พันธวัศ สัมพันธ์พานิช

keyword: สารอีดีทีเอ

ThaSH: การบำบัดโดยพืช

ThaSH: การบำบัดสารมลพิษทางชีวภาพ

ThaSH: กัญชง

Abstract: การศึกษาประสิทธิภาพของสารอีดีทีเอต่อการฟื้นฟูพื้นที่ปนเปื้อนแคดเมียมด้วยเฮมพ์ (Hemp) หรือ กัญชง สายพันธุ์ Cannabis sativa L.ได้แบ่งการทดลองออกเป็น 4 ชุด ได้แก่ ชุดควบคุมที่ 1 ดินไม่ปนเปื้อนแคดเมียม (C1) ชุดควบคุมที่ 2 ดินปนเปื้อนแคดเมียม (C2) ชุดดินปนเปื้อนแคดเมียม และเติมสารอีดีทีเอในอัตราส่วน 1:1 โมล (T1) และชุดดินปนเปื้อนแคดเมียมและเติมสารอีดีทีเอในอัตราส่วน 1:2 โมล (T2) พบว่า สารอีดีทีเอมีประสิทธิภาพในการรวมตัวกับแคดเมียมแล้วเกิดเป็นสารประกอบเชิงซ้อนที่อยู่ในรูปง่ายต่อการดูดดึงของพืช และพบว่า ชุดการทดลอง T1 พืชมีการสะสมแคดเมียมสูงที่สุดตลอดระยะเวลาของการทดลอง โดยพบว่า พืชมีการสะสมแคดเมียมสูงสุดที่ราก รองลงมาคือ ลำต้นและใบ สำหรับชุดการทดลอง T2 ซึ่งมีการเติมสารอีดีทีเอในปริมาณความเข้มข้นสูง พบว่า พืชมีการสะสมแคดเมียมในรากเท่ากับ 111.37 มิลลิกรัมต่อกิโลกรัม ซึ่งมีค่าน้อยกว่าชุดการทดลอง T1 และ C2 ที่มีค่าการสะสมแคดเมียมในรากเท่ากับ 120.74 และ 116.55 มิลลิกรัมต่อกิโลกรัม ตามลำดับ เนื่องจากการเติมสารอีดีทีเอในปริมาณความเข้มข้นสูงส่งผลกระทบทำให้เกิดความเป็นพิษต่อพืช ทำให้พืชมีการดูดดึงแร่ธาตุลดลง นอกจากนี้ เมื่อวิเคราะห์ปริมาณแคดเมียมในส่วนเปลือก (เส้นใย) ของเฮมพ์ พบว่า มีการสะสมแคดเมียมในส่วนเปลือก (เส้นใย) ต่ำ ดังนั้นผลการศึกษาครั้งนี้สามารถนำไปใช้บำบัดดินปนเปื้อนในพื้นที่จริงได้ อีกทั้งใช้เป็นแนวทางเลือกในการประยุกต์ใช้ประโยชน์จากเฮมพ์ที่ผ่านการปลูกบนดินปนเปื้อนมาเป็นผลิตภัณฑ์ชุมชน เพื่อสร้างเสริมรายได้อันจะนำไปสู่คุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นของชุมชนได้อย่างยั่งยืน This research aims to study the efficiency of EDTA on the restoration of cadmium-contaminated areas by hemp (Cannabis sativa L.). The experiments were divided into 4 sets including uncontaminated soil (Control Set 1: C1) cadmium-contaminated soil (Control Set 2: C2), cadmium-contaminated soil with EDTA at the mole ratio of 1:1 (T1), and cadmium-contaminated soil with EDTA at the mole ratio of 1:2 (T2). The results showed that EDTA was effective to form the complex with cadmium which resulted in the ease of plant absorption. The highest cadmium accumulation throughout the experiment period was found in T1 in which cadmium accumulation in roots was higher than that of trunks and leaves. However, the cadmium accumulation in the roots of plant grown in T2 (111.37 milligrams per kilogram) was lower than those grown in T1 (120.74 milligrams per kilogram) and C2 (116.55 milligrams per kilogram). This may be caused by the phytotoxicity effects of higher EDTA molar application to the soil. As a consequence, lower cadmium accumulation was found in T2 comparing to the other experimental sets. Low cadmium accumulations in fibers were found in all experimental sets. The results of this study can be used as an alternative remediation technique to restore the cadmium-contaminated soil. In addition, some local products made by the fibers of the hemp can also improve the economic status of the community. As a consequence, the sustainable development in the area can be reached.

มหาวิทยาลัยบูรพา. สำนักหอสมุด

Address: ชลบุรี

Email: buulibrary@buu.ac.th

Modified: 2564-07-19

Issued: 2564-07-19

บทความ/Article

application/pdf

ISBN: 2351-0781

BibliograpyCitation : วารสารวิทยาศาสตร์บูรพา. ปีที่ 26, ฉบับที่ 2 (พ.ค.-ส.ค. 2564), หน้า 997-1015

tha

©copyrights มหาวิทยาลัยบูรพา

ลำดับที่.	ชื่อแฟ้มข้อมูล	ขนาดแฟ้มข้อมูล	จำนวนเข้าถึง	วัน-เวลาเข้าถึงล่าสุด
1	sci26n2p997-1015.pdf	776.01 KB	3	2022-04-27 23:55:21

ใช้เวลา

0.02166 วินาที