รูปแบบการจัดการขยะมูลฝอยประเภทบรรจุภัณฑ์พลาสติกชนิดอ่อนตัวของครัวเรือนในชุมชนนิเวศชานเมือง จังหวัดนนทบุรี
The Waste management model of flexible plastics packaging of household in Eco-Suburb Community, Nonthaburi Province
Abstract:
การวิจัยมีวัตถุประสงค์เพื่อ 1) ศึกษาปริมาณ องค์ประกอบของขยะมูลฝอยจากครัวเรือน และระบบการจัดการขยะมูลฝอยประเภทบรรจุภัณฑ์พลาสติกชนิดอ่อนตัวจากแหล่งกำเนิดขยะมูลฝอยของครัวเรือนในชุมชนนิเวศชานเมือง จังหวัดนนทบุรี 2) ศึกษาความรู้ ความตระหนัก การปฏิบัติ และความต้องการพัฒนาการจัดการขยะมูลฝอยประเภทบรรจุภัณฑ์พลาสติกชนิดอ่อนตัวของตัวแทนครัวเรือน 3) พัฒนารูปแบบการจัดการขยะมูลฝอยประเภทบรรจุภัณฑ์พลาสติกชนิดอ่อนตัวระดับครัวเรือนและประเมินคุณภาพรูปแบบ และ 4) ประเมินผลการใช้รูปแบบการจัดการขยะมูลฝอยประเภทบรรจุภัณฑ์พลาสติกชนิดอ่อนตัว โดยเปรียบเทียบด้านความรู้ ความตระหนัก และการปฏิบัติของตัวแทนครัวเรือน และผลการจัดการขยะมูลฝอยประเภทบรรจุภัณฑ์พลาสติกชนิดอ่อนตัวของครัวเรือนต้นแบบ พื้นที่วิจัยเป็นเขตเทศบาล จังหวัดนนทบุรี จำนวน 13 ชุมชน ดำเนินการวิจัยเป็น 4 ขั้น ดังนี้ ขั้นที่ 1 ศึกษาปริมาณ องค์ประกอบและระบบการจัดการ โดยการสำรวจครัวเรือนตัวอย่าง ชุมชนละ 2 ครัวเรือน รวม 26 ครัวเรือน โดยใช้แบบสำรวจ ขั้นที่ 2 ศึกษาความรู้ ความตระหนัก การปฏิบัติและความต้องการพัฒนา ประชากรเป็นตัวแทนครัวเรือน 168,975 คน กำหนดขนาดตัวอย่าง ตามสูตรทาโร ยามาเน่ ได้จำนวน 400 คน สุ่มตัวอย่างแบบเป็นระบบ โดยใช้แบบทดสอบความรู้ ที่มีค่าความยากง่ายระหว่าง 0.51-0.74 ค่าอำนาจจำแนกระหว่าง 0.57-0.89 และค่าความเชื่อมั่น 0.87 และแบบสอบที่มีความเชื่อมั่นเท่ากัน คือ 0.90 ขั้นที่ 3 พัฒนารูปแบบมี 4 ขั้น (1) สร้างรูปแบบ โดยการสนทนากลุ่มผู้เกี่ยวข้อง จำนวน 12 คน (2) ประเมินรูปแบบโดยผู้ทรงคุณวุฒิ จำนวน 5 คน (3) ปรับปรุงรูปแบบ โดยการสนทนากลุ่มผู้เกี่ยวข้อง (4) ปฏิบัติการตามรูปแบบ โดยตัวแทนครัวเรือนที่สมัครใจ เข้าร่วมปฏิบัติการชุมชนละ 4 คน จำนวน 52 คน ขั้นที่ 4 ประเมินผลการใช้รูปแบบ โดยกลุ่มผู้เข้าร่วมปฏิบัติการ ใช้แบบทดสอบความรู้และแบบสอบถามชุดเดียวกับที่ใช้ในขั้นที่ 2 และใช้แบบบันทึกปริมาณขยะมูลฝอย การวิเคราะห์ข้อมูลใช้การวิเคราะห์เนื้อหาและวิเคราะห์ด้วยสถิติ ได้แก่ ค่าร้อยละ ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐานและการทดสอบค่าทีผลการวิจัยพบว่า 1) ขยะมูลฝอยประเภทบรรจุภัณฑ์พลาสติกชนิดอ่อนตัวของครัวเรือนในชุมชนนิเวศชานเมือง จังหวัดนนทบุรี พบว่า มีปริมาณโดยเฉลี่ย 2.24 กิโลกรัมต่อครัวเรือนต่อวัน มีองค์ประกอบของขยะมูลฝอยเป็นถุงพลาสติกและขวดบรรจุภัณฑ์พลาสติก ประเภทโพลิโพรพิลีน โพลิเอทธิลีนความหนาแน่นสูง โพลิเอทธิลีนเทเรฟทาเลต และโพลิเอทธิลีนความหนาแน่นต่ำ ตามลำดับ และครัวเรือนส่วนใหญ่มีระบบการจัดการ โดยการรวบรวมทิ้งให้เทศบาลนำไปกำจัด มีเพียงส่วนน้อยร้อยละ ที่มีการคัดแยกและนำไปใช้ประโยชน์เป็นภาชนะใส่น้ำและปลูกต้นไม้ โดยไม่มีการแปรรูปมีระบบการจัดการขยะมูลฝอยประเภทบรรจุภัณฑ์พลาสติกชนิดอ่อนตัวภายในระดับครัวเรือนเท่านั้น2) ตัวแทนครัวเรือน มีความรู้ในการจัดการขยะมูลฝอยประเภทบรรจุภัณฑ์พลาสติกชนิดอ่อนตัวระดับสูง ( = 0.68, S.D. = 0.13) มีความตระหนักในระดับมาก ( = 3.48, S.D. = 1.02) และมีการปฏิบัติในระดับปานกลาง ( = 2.86, S.D. = 0.83) และมีความต้องการพัฒนาการจัดการในระดับมาก ( = 4.00, S.D. = 0.31)3) รูปแบบการจัดการขยะมูลฝอยประเภทบรรจุภัณฑ์พลาสติกชนิดอ่อนตัวของตัวแทนครัวเรือนที่ได้จากการพัฒนาเป็น 3 TRIANGLE: SRUD MODEL ซึ่งเป็นนวัตกรรมเชิงกระบวนการที่ครัวเรือนต้องดำเนินการ 3 ขั้น คือ 1) จัดการต้นทางโดยการเลือกซื้อบรรจุภัณฑ์พลาสติกที่มีตราสัญลักษณ์รีไซเคิล เรียกว่าขั้น Selection: S 2) จัดการระหว่างทางโดยการลดการใช้และนำกลับมาใช้ประโยชน์ด้านเกษตรอินทรีย์ ส่งเสริมสุขภาพ และเป็นของใช้ในบ้านเรือน เรียกว่าขั้น Reduce Reuse Recycle for Utilization: RU และ 3) จัดการปลายทางโดยการกำจัดส่วนที่เหลือเพียงเล็กน้อย ส่งให้เทศบาลจัดการย่อย บด สับ ให้มีขนาดเล็กเพื่อนำไปฝังกลบแบบถูกหลักสุขาภิบาลและส่งให้โรงงานนำไปแปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์ใหม่ เช่น น้ำมันดีเซล ผ้า พรม เรียกว่าขั้น Disposal: D ผลการประเมินโดยผู้ทรงคุณวุฒิ พบว่า รูปแบบมีความสอดคล้องเหมาะสมทุกรายการ (IOC = 0.80 - 1.00) สามารถนำไปใช้ได้4) ผลการใช้รูปแบบการจัดการขยะมูลฝอยประเภทบรรจุภัณฑ์พลาสติกชนิดอ่อนตัวระดับครัวเรือน พบว่า ตัวแทนครัวเรือนที่เข้าร่วมปฏิบัติการ มีความรู้ ความตระหนัก และการปฏิบัติ ในการจัดการขยะมูลฝอยสูงกว่าก่อนการใช้รูปแบบ อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ 0.05 ปริมาณขยะมูลฝอยประเภทบรรจุภัณฑ์พลาสติกชนิดอ่อนตัว มีผลการจัดการขยะมูลฝอยของครัวเรือนหลังการใช้รูปแบบลดลงต่อครัวเรือนต่อวัน 1.05 กิโลกรัม และมีการนำไปใช้ประโยชน์ในกิจกรรมเกษตรอินทรีย์ เฉลี่ย 0.31 กิโลกรัม ใช้เป็นอุปกรณ์ส่งเสริมสุขภาพ เฉลี่ย 0.47 กิโลกรัม ใช้เป็นสิ่งของเครื่องใช้ในบ้านเรือน เฉลี่ย 0.27 กิโลกรัม และส่วนที่เหลือส่งไปกำจัดโดยเทศบาล เฉลี่ย 1.76 กิโลกรัม
มหาวิทยาลัยราชภัฏวไลยอลงกรณ์ ในพระบรมราชูปถัมภ์. สำนักวิทยบริการและเทคโนโลยีสารสนเทศ
Role:
ประธานที่ปรึกษาวิทยานิพนธ์.
©copyrights มหาวิทยาลัยราชภัฏวไลยอลงกรณ์ฯ