กระบวนการพัฒนาทักษะการจัดการเรียนรู้ในห้องเรียนแบบเรียนรวมเด็กพิเศษ และเด็กปกติ ของนักศึกษาสาขาวิชาวิทยาศาสตร์ทั่วไป และสาขาวิชาการศึกษาปฐมวัย คณะครุศาสตร์ มหาวิทยาลัยกาฬสินธุ์

The Development of learning skills in Inclusive Education classroom of Special needs and Ordinary students Majoring in General Science,and Early Childhood, Faculty of Education, Kalasin University

Name: รัชดาพรรณ อินทรสุขสันติ

Organization : มหาวิทยาลัยกาฬสินธุ์

Name: เยาวเรศ รัตนธารทอง

Organization : มหาวิทยาลัยกาฬสินธุ์

Name: ศักดิ์ชัย มหาอุตร

Organization : มหาวิทยาลัยกาฬสินธุ์

Name: ภัทรพร ผลดี

Organization : มหาวิทยาลัยกาฬสินธุ์

keyword: การเรียนรู้

ThaSH: การเรียนรู้ -- กิจกรรมการเรียนการสอน

; กิจกรรมการเรียนการสอน

Abstract: การวิจัยกระบวนการพัฒนาทักษะการจัดการเรียนรู้ในห้องเรียนแบบเรียนรวมเด็กพิเศษและ เด็กปกติของนักศึกษาสาขาวิชาวิทยาศาสตร์ทั่วไป และสาขาวิชาการศึกษาปฐมวัย คณะครุศาสตร์ มหาวิทยาลัยกาฬสินธุ์ ในครั้งนี้ มีวัตถุประสงค์ 1) เพื่อศึกษากระบวนการที่ใช้ในการพัฒนาทักษะ การจัดการศึกษาแบบเรียนรวมเด็กพิเศษและเด็กปกติ 2) เพื่อศึกษาทักษะการจัดการศึกษาแบบเรียนรวม เด็กพิเศษและเด็กปกติที่สามารถติดตัวและทำได้ด้วยตนเองและ 3) เพื่อศึกษาความพึงพอใจของนักศึกษาที่มีต่อการพัฒนาทักษะการจัดการศึกษาแบบเรียนรวมเด็กพิเศษและเด็กปกติ จำนวน 97 คน ซึ่งได้มาจาก การเลือกแบบเจาะจงจากสาขาวิชาวิทยาศาสตร์ทั่วไป และสาขาวิชาการศึกษาปฐมวัย สังกัดคณะครุศาสตร์ เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัยประกอบด้วย แบบทดสอบก่อนเรียนและหลังเรียน แบบฝึกหัดการจัดทำ แผนการศึกษาเฉพาะบุคคล 3 ชุด และแบบสัมภาษณ์ จากนั้น ดำเนินการทดลองเพื่อเก็บรวบรวมข้อมูล จำนวน 5 ครั้ง ข้อมูลที่เก็บรวบรวมได้นำมาทำการวิเคราะห์ด้วยสถิติ คือ ค่าเฉลี่ย ค่าเบี่ยงเบนมาตรฐาน และค่าร้อยละ ผลการวิจัยครั้งนี้ สรุปได้ดังนี้ 1. ผลการศึกษาพัฒนาทักษะการจัดการเรียนรู้ในห้องเรียนแบบเรียนรวมสำหรับเด็กพิเศษและ เด็กปกติ ผู้เรียนได้ศึกษาค้นคว้ากระบวนการในการหาความรู้เพื่อให้เข้าใจถึงธรรมชาติของสมองจะได้มี ความคงทน ข้อสำคัญ คือ จะได้พัฒนากระบวนการเรียนรู้ได้ โดยใช้ทฤษฎีของบลูม (Bloom’s Taxonomy) กล่าวถึงการจำแนกการเรียนรู้ ระดับต่ำสุดไปถึงระดับสูงสุด ดังนี้ ความรู้ที่เกิดจากความจำ (Knowledge) ความเข้าใจ (Comprehend) การประยุกต์ (Application) การวิเคราะห์ (Analysis) การสังเคราะห์ (Synthesis) การประเมินค่า (Evaluation) 2. นักศึกษาทำแบบทดสอบหลังเรียน คิดเป็นร้อยละ 71.56 ซึ่งมากกว่าทำแบบทดสอบ ก่อนเรียน คิดเป็นร้อยละ 32.33 นักศึกษาสามารถเขียนแผนการศึกษาเฉพาะบุคคลได้คะแนนมากที่สุดในครั้งที่ 3 คิดเป็นร้อยละ 92.30 ในครั้งที่ 2 คิดเป็นร้อยละ 72.28 และได้คะแนนน้อยสุดคือครั้งที่ 1 คิดเป็นร้อยละ 55.62 ตามลำดับ 3. ความพึงพอใจของนักศึกษาที่มีต่อการพัฒนาทักษะการจัดการศึกษาแบบเรียนรวมเด็กพิเศษและเด็กปกติ นักศึกษาส่วนใหญ่มีอายุระหว่าง 22-23 ปี คิดเป็นร้อยละ 62.88 รองลงมาได้แก่ อายุ 20-21 ปี คิดเป็นร้อยละ 35.51 และอายุระหว่าง 24 ปีขึ้นไป คิดเป็นร้อยละ 2.06 ส่วนกลุ่มอายุ 18-19 ปี คิดเป็นร้อยละ 0 นักศึกษาส่วนใหญ่เป็นเพศหญิง ร้อยละ 81.44 และเป็นเพศชาย ร้อยละ 17.55 ตามลำดับ นักศึกษามีสถานภาพโสดทั้งหมด คิดเป็นร้อยละ 100 สถานภาพทางการศึกษาของนักศึกษา ส่วน ใหญ่คือมัธยมศึกษาตอนปลาย คิดเป็นร้อยละ 97.93 และ สำเร็จการศึกษา ปวช.หรือ อนุปริญญา คิดเป็น ร้อยละ 2.06 โดยภาพรวม มีระดับความคิดเห็นอยู่ในระดับมาก (ค่าเฉลี่ย 3.96) เมื่อพิจารณาเป็นรายข้อ พบว่า ทุกข้อ มีความเห็นในระดับมาก ข้อที่นักศึกษามีความคิดเห็นระดับมาก 3 ข้อแรกคือเนื้อหาสาระและ กิจกรรมที่ดำเนินการแต่ละครั้งมีความเหมาะสมกับระยะเวลา (ค่าเฉลี่ย 4.14) รองลงมานักศึกษามีทัศนคติ เชิงบวกกับเด็กพิเศษมากขึ้นหลังจากที่เรียนรู้รายวิชาการศึกษาแบบเรียนรวม (ค่าเฉลี่ย 4.13) และนักศึกษา สามารถนำนโยบายการศึกษาแบบเรียนรวมไปปฏิบัติได้จริงเมื่อจบการศึกษา (ค่าเฉลี่ย 4.10) ส่วนข้อที่ นักศึกษามีความเห็นต่ำที่สุด คือ อาจารย์มีองค์ความรู้ อธิบายได้ตรงประเด็น แนะนำช่วยเหลือข้อสงสัยได้ (ค่าเฉลี่ย 3.64)

Abstract: The purposes of this research were to 1) study the process of classroom management development of exceptional children and ordinary children, 2) study the skills of classroom management for exceptional children and ordinary children which it can be with them and they can do it themselves, and 3) study the students’ satisfaction toward classroom management development of exceptional children and ordinary children. The total sample was 97 science and early childhood majors students from the Faculty of education, Kalasin University. The sample was selected by purposive sampling technique. The pre-test and post-test, three difference exercises of individual lesson plans, and interviews, and were used to collect the data. The data also collected form five times experiment. The statistical devices used for quantitative data were mean, standard deviation , and percentage. The major results show: 1) learners researched the process of acquiring knowledge to understand the nature. More importantly, the learning process can be developed through Bloom’sTaxonomy which is knowledge, Comprehend, Application, Analysis, Synthesis, and Evaluation. 2) The students took post-test as 71.56% which was much more than pre-test that showed 32.33%. The students can create the individual lesson plans which receive the highest scores in the third time as 92.30%, followed by the second time as 72.28%, and the least in the first time as 55.62%. 3) The level of students’ satisfaction whom ages between 22-23 years old toward classroom management development of exceptional children and ordinary children were 33.51%, the students ages between 24 and above showed their satisfaction as 2.06%, the students ages between 18-19 showed their satisfaction as 0%. The most of the students in this study were female 81.44% and male 17.55%. The students in this study were 100% single. The students were mostly in senior high school as 97.93%, completed diploma as 2.06%. It was found that the students’ satisfaction were in a high level as 3.96. The score of each item was in a high level. The item that the students showed their high level of satisfaction were: the appropriate of contexts and activities with time period as 4.14; the positive attitude toward exceptional students after study the inclusive education course as 4.13; and the students can apply the policy of inclusive education into their real life as 4.10. The item that showed the least level was explained as the body of knowledge of the teacher that can explain right to the point and the ability of explanation and clarification of the teacher as 3.64.

มหาวิทยาลัยกาฬสินธุ์. งานวิทยบริการและเทคโนโลยีการศึกษา

Address: มหาวิทยาลัยกาฬสินธุ์

Email: aret.ksu@ksu.ac.th, awoot.so@ksu.ac.th

Name: สำนักงานบริหารโครงการวิจัยในอุดมศึกษา และพัฒนามหาวิทยาลัยวิจัยแห่งชาติ

Role: แหล่งทุน

Created: 2559

Modified: 2563-05-14

Issued: 2563-05-14

งานวิจัย/Research report

application/pdf

tha

©copyrights มหาวิทยาลัยกาฬสินธุ์

ลำดับที่.	ชื่อแฟ้มข้อมูล	ขนาดแฟ้มข้อมูล	จำนวนเข้าถึง	วัน-เวลาเข้าถึงล่าสุด
1	รวมเล่ม.pdf	1.98 MB	235	2025-09-15 17:52:23

ใช้เวลา

0.020375 วินาที