ปัญหาการยกเว้นภาษีเงินได้ ภาษีธุรกิจเฉพาะ และอากรแสตมป์ จากการโอนอสังหาริมทรัพย์ของลูกหนี้สถาบันการเงิน เพื่อนำเงินได้ไปชำระหนี้ แก่เจ้าหนี้สถาบันการเงิน

The Problem of Exemption from Income Tax, Specific Business Tax, and Stamp Duty for Income Deriving the Sale of the Debtor’s Immovable Property to Settle the Debt with the Creditor

Name: ฉันทนา ฉิมพาลี

ThaSH: ภาษีเงินได้ -- วิจัย

ThaSH: การจัดเก็บภาษี -- วิจัย

ThaSH: ภาษีธุรกิจเฉพาะ -- วิจัย

Abstract: การยกเว้นภาษีเงินได้ ภาษีธุรกิจเฉพาะ และอากรแสตมป์ จากการโอนอสังหาริมทรัพย์ของลูกหนี้สถาบันการเงิน เพื่อนำเงินได้ไปชำระหนี้แก่เจ้าหนี้สถาบันการเงิน ตามพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ 581) พ.ศ. 2558 นั้น เป็นกฎหมายภาษีลำดับรอง และมีลักษณะเป็นตัวบรรเทาภาษีที่ไม่ใช่โครงสร้างภาษี จากการศึกษาพบว่า กฎหมายภาษีดังกล่าวรัฐบาลตราขึ้นมาเพื่อส่งเสริมให้มีการปรับปรุงโครงสร้างหนี้ของสถาบันการเงิน และสร้างแรงจูงใจให้ลูกหนี้ของสถาบันการเงินดำเนินการโอนขายอสังหาริมทรัพย์เพื่อนำเงินที่ได้รับมาชำระหนี้ให้แก่เจ้าหนี้สถาบันการเงิน เมื่อลูกหนี้นำเงินมาชำระหนี้จะส่งผลให้มีปริมาณเงินไหลเข้าสู่ระบบการเงินของสถาบันการเงินเพิ่มมากขึ้น ซึ่งจะช่วยสนับสนุนการรักษาเสถียรภาพทางเศรษฐกิจของประเทศไทยให้เจริญเติบโต อย่างไรก็ตาม ผู้วิจัยพบว่ากฎหมายดังกล่าวมีข้อด้อยคือ ขัดต่อหลักในการจัดเก็บภาษีอากรที่ดี โดยขัดต่อหลักความเป็นธรรมในการจัดเก็บภาษี หลักความมีประสิทธิภาพในการจัดเก็บภาษี หลักทำรายได้ และหลักความมีประสิทธิภาพในทางเศรษฐกิจ และการใช้กฎหมายภาษีลำดับรองกับการยกเว้นภาษีดังกล่าวก็ไม่มีความเหมาะสม ดังนั้น ผู้วิจัยจึงขอเสนอแนะว่า รัฐบาลไม่ควรตรากฎหมายภาษีดังกล่าว เพื่อให้สอดคล้องกับหลักการจัดเก็บภาษีอากรที่ดี นอกจากนี้ ควรใช้กฎหมายภาษีแม่บทหรือพระราชบัญญัติกับการ ยกเว้นภาษีดังกล่าว จึงจะมีความเหมาะสม เนื่องจากอยู่ภายใต้การตรวจสอบและควบคุมของสมาชิกรัฐสภาซึ่งเป็นตัวแทนของประชาชนผู้เสียภาษีอากร แต่อย่างไรก็ตาม หากรัฐบาลมีความจำเป็นที่ต้องตรากฎหมายภาษีดังกล่าว เนื่องจากรัฐบาลต้องการให้มีปริมาณเงินไหลเข้าสู่ระบบการเงินของสถาบันการเงินเพิ่มมากขึ้น เพื่อกระตุ้นระบบเศรษฐกิจของประเทศ และต้องการช่วยเหลือและบรรเทาภาระภาษีอากรในการโอนอสังหาริมทรัพย์ของลูกหนี้สถาบันการเงิน ผู้วิจัยจึงขอเสนอแนะว่ารัฐบาลควรตรากฎหมายดังกล่าวให้มีลักษณะและเงื่อนไขดังต่อไปนี้ 1. กำหนดเพดานของจำนวนเงินที่ลูกหนี้ของสถาบันการเงินจะได้รับการยกเว้นภาษี และควรจำกัดช่วงเวลาสำหรับการโอนขายอสังหาริมทรัพย์ที่จะได้รับการยกเว้นภาษี 2. หน่วยงานที่รับผิดชอบในการจัดเก็บภาษีอากรเกี่ยวกับการโอนขายอสังหาริมทรัพย์ คือ กรมที่ดิน และกรมสรรพากรควรมีความรู้และความเชี่ยวชาญในกฎหมายภาษีดังกล่าว และควรมีระเบียบวิธีปฏิบัติออกมาเผยแพร่ให้แก่ผู้เสียภาษี เพื่อให้ผู้เสียภาษีปฏิบัติตามกฎหมายได้อย่างถูกต้อง และเสียค่าใช้จ่ายน้อยที่สุดทั้งฝ่ายเจ้าหน้าที่ผู้จัดเก็บภาษี และฝ่ายผู้เสียภาษี 3. กำหนดให้กฎหมายภาษีดังกล่าวมีผลบังคับใช้ย้อนหลัง สำหรับการโอนอสังหาริมทรัพย์ กล่าวคือ กำหนดช่วงเวลาย้อนหลังสำหรับการโอนขายอสังหาริมทรัพย์ที่จะได้รับการยกเว้นภาษีดังกล่าว ซึ่งส่งผลให้กฎหมายภาษีดังกล่าวไม่ไปบิดเบือนการตัดสินใจของลูกหนี้ของสถาบันการเงินในการชำระหนี้ให้แก่เจ้าหนี้สถาบันการเงิน และเพื่อให้สิทธิประโยชน์ทางภาษีเฉพาะลูกหนี้ของสถาบันการเงินที่ได้โอนขายอสังหาริมทรัพย์ และได้นำเงินไปชำระหนี้ให้แก่เจ้าหนี้สถาบันการเงินแล้วเท่านั้น

มหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์. ศูนย์เรียนรู้และหอสมุด.

Address: กรุงเทพมหานคร

Email: library@dpu.ac.th

Name: จิรศักดิ์ รอดจันทร์

Role: อาจารย์ที่ปรึกษา

Modified: 2563-05-11

Created: 2559

Issued: 2563-05-05

วิทยานิพนธ์/Thesis

application/pdf

CallNumber: 343.0524 ฉ254ป

tha

DegreeName: นิติศาสตรมหาบัณฑิต

Level: ปริญญาโท

Descipline: นิติศาสตร์

Grantor: มหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์

©copyrights มหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์

ลำดับที่.	ชื่อแฟ้มข้อมูล	ขนาดแฟ้มข้อมูล	จำนวนเข้าถึง	วัน-เวลาเข้าถึงล่าสุด
1	Chanthana.Chi.pdf	2.27 MB	22	2022-11-25 14:32:49

ใช้เวลา

0.266343 วินาที