การศึกษาเปรียบเทียบด้านประสิทธิผลทางคลินิกและความปลอดภัยระหว่างครีมข้าวหอมมะลิ 0.1% และ ครีมอัลฟาอาร์บูติน 2% เพื่อปรับสภาพผิวหน้าขาว

A comparative study for clinical efficacy and safety between 0.1% jasmine rice cream and 2% alpha arbutin cream for facial whitening

Comparative study for clinical efficacy and safety between 0.1% jasmine rice cream and 2% alpha arbutin cream for facial whitening

Name: ชุณห์วิภา รุจิรวรรุ่งศิลป์

Address: เลขที่ 333 หมู่ที่ 1 ตำบลท่าสุด

Organization : มหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง. สำนักวิชาเวชศาสตร์ชะลอวัยและฟื้นฟูสุขภาพ. สาขาวิชาตจวิทยา

Email : ask.library@mfu.ac.th

Name: Chunwipa Rujiraworarungsilp

keyword: ครีมข้าวหอมมะลิ

ThaSH: ครีมถนอมผิว

Classification :.LCCS: WA744

ThaSH: ข้าวหอม -- เภสัชฤทธิวิทยา

ThaSH: เครื่องสำอางสมุนไพร

Abstract: ผิวขาวเป็นค่านิยมที่มีมานานในเอเชีย และเป็นที่นิยมมากขึ้นเรื่อยๆในประเทศไทย ข้าวหอมมะลิเป็นแหล่งอาหารหลักแหล่งหนึ่งของโลกและเป็นพืชเศรษฐกิจที่สำคัญของไทยนอกจากนี้ยังถูกนำมาใช้ในการรักษาโรคอีกด้วย ข้าวหอมมะลิมีองค์ประกอบหลักคือสารฟีโนลิคคอมพาวด์ซึ่งแสดงให้เห็นว่ามีประโยชน์ต่อผิวและโรคผิวหนัง ปัจจุบันข้าวหอมมะลิมีการศึกษาวิจัยในห้องทดลองว่ามีผลทำให้ผิวขาวขึ้นจากการยั้บยั้งกระบวนการสร้างเม็ดสีผ่านเอนไซม์ ไทโรสิเนสและโปรตีนทีอาร์พีทู นอกจากนี้มีการศึกษาในมนุษย์เปรียบเทียบครีมข้าวหอมมะลิกับครีมหลอก พบว่าครีมข้าวหอมมะลิทำให้สีผิวสว่างขึ้นอย่างมีนัยสำคัญแต่ยังไม่มีการเปรียบเทียบประสิทธิภาพการปรับสีผิวขาวของครีมข้าวหอมมะลิกับครีมที่มีความนิยมในท้องตลาด เช่น อัลฟาอาร์บูตินจุดประสงค์ เพื่อศึกษาประสิทธิผลการทาครีมข้าวหอมมะลิ 0.1% เทียบกับครีมอัลฟาอาร์บูติน 2% เพื่อปรับสภาพผิวขาวในอาสาสมัครชาวไทย งานวิจัยเป็นการทดลองสุ่มแบบปกปิดสองฝั่ง มีผู้เข้าร่วมวิจัยจำนวน 22 คน (ผู้หญิง 15 คนและ ผู้ชาย 7 คน อายุ 20-55 ปี) ที่ต้องการปรับผิวหน้าขาวโดยเลือกให้การรักษาแบบสุ่ม ผู้เข้าร่วมวิจัยทาครีมข้าวหอมมะลิ 0.1% ที่ใบหน้าข้างหนึ่ง และอีกข้างหนึ่งทาด้วยครีมอัลฟาอาร์บูติน 2% ทาวันละ 2 ครั้ง เป็นเวลา 12 สัปดาห์ ผลลัพธ์หลักประเมินโดยใช้ค่าเฉลี่ยเมลานินอินเดกซ์จากเครื่องเมกซะมิเตอร์และรูปภาพผลการรักษาจากกล้องวีเซียประเมินทุก 4 สัปดาห์ ผลลัพธ์รองประเมินผลข้างเคียงและความพึงพอใจในการรักษาโดยใช้แบบสอบถามประเมินที่ 12 สัปดาห์ ผลการศึกษา ผู้เข้าร่วมวิจัย 22 คน เข้าร่วมจนจบโครงการ ครีมทั้งสองกลุ่มมีค่าเฉลี่ย เมลานินลดลงจากค่าเริ่มต้นอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ ที่ 4 , 8 และ 12 สัปดาห์ และครีมข้าวหอมมะลิ 0.1% มีค่าเฉลี่ยเมลานินลดลงมากกว่าครีมอัลฟาอาร์บูติน 2% อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ ที่ 4 และ 8 สัปดาห์ (หน้าผาก p < 0.001 , p=0.002 แก้ม p= 0.012 , p=0.001 มุมปาก p= 0.008 , p=0.005 ตามลำดับ) อย่างไรก็ตามคะแนนประเมินรูปภาพโดยรวมระหว่างสองกลุ่มไม่มีความแตกต่างกัน ด้านความพึงพอใจ ครีมข้าวหอมมะลิ 0.1% มีความพึงพอใจมากกว่าครีมอัลฟาอาร์บูติน 2 % และไม่พบผลข้างเคียงระหว่างการวิจัยทั้งสองกลุ่ม สรุป ครีมข้าวหอมมะลิ 0.1% มีประสิทธิภาพด้านการลดเมลานินและมีความพึงพอใจของผู้เข้าร่วมวิจัยมากกว่าครีมอัลฟาอาร์บูติน 2% บริเวณใบหน้า และไม่มีผลข้างเคียงเกิดขึ้น ดังนั้น ครีมข้าวหอมมะลิ 0.1% จึงเป็นหนึ่งในครีมทางเลือกในการปรับสภาพผิวหน้าขาว

Abstract: Fair skin has been considered as a long-lasting ideal beauty value in Asian countries, and the popularity of having fair skin is still increasing gradually in Thailand. Jasmine rice is the main source of world’s nutrition and Thailand’s economic crops, with beneficial usage in medical treatment. The main component of Jasmine rice is phenolic compounds, which show cutaneous benefits and activity towards skin disorders. Presently, an in vitro experiment conducted in laboratory demonstrates its benefit in skin whitening effect by suppressing melanogenesis via tyrosinase and TRP-2 inhibitory effects. Moreover, a study in human (in vivo) compared Jasmine rice cream with placebo cream and found that Jasmine rice cream can significantly brighten up skin. However, there is no comparison in terms of whitening efficacy between Jasmine rice cream and others creams that are popular in general market, such as alpha arbutin. OBJECTIVE: To compare the efficacy of 0.1% Jasmine rice cream with 2 % Alpha arbutin cream in the treatment of facial whitening in Thai patients . METHODS: The study was designed as double-blind, randomized, and controlled clinical trial. A total of 22 patients (15 females and 7 males; age 20–55 years) were enrolled. The patients were randomly selected for application of either 0.1% Jasmine rice cream or 2% Alpha arbutin cream in a split-faced design (right and left side) and applied twice daily for 12 weeks. The primary outcome was assessed by using mean melanin index measured from Mexameter MX18® and photographs from VISIA®, evaluation was performed every 4-week interval. Secondary outcome were side-effects and patient’s satisfaction, evaluated by questionnaires on 12th week. RESULTS: Twenty-two patients completedin the study. Both groups demonstrated the statistically significant for mean melanin index reduction from the baselines to at 4th, 8th, and 12th week of visit, respectively. 0.1% jasmine rice cream has statistically significant better mean melanin index reduction from the baseline than 2% alpha arbutin cream at 4th and 8thweek visit. (forehead p < 0.001 , p=0.002 cheek p= 0.012 , p=0.001 corner of mouth p= 0.008 , p=0.005 1respectively) However, global photographic scores between the two groups revealed no statistical difference. In terms of patient’s satisfaction, 0.1% Jasmine rice cream group had more favorable satisfactory improvement than 2% alpha arbutin cream group. No adverse effect was reported. CONCLUSION: 0.1% jasmine rice cream is effective in term of melanin index reduction and patient’s satisfaction than 2% alpha arbutin cream for the facial whitening effect and has no side effect. Thus, 0.1% jasmine rice cream represents as one of the alternative cream options for facial whitening.

มหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง. ศูนย์บรรณสารและสื่อการศึกษา

Address: เชียงราย

Email: library@mfu.ac.th

Name: เทพ เฉลิมชัย

Role: อาจารย์ที่ปรึกษา

Email : ask.library@mfu.ac.th

Created: 2561

Issued: 2562

Modified: 2562-08-26

Issued: 2562-08-26

วิทยานิพนธ์/Thesis

application/pdf

CallNumber: วพ. WA744 ช612ก 2561

tha

DegreeName: วิทยาศาสตรมหาบัณฑิต

Level: ปริญญาโท

Descipline: ตจวิทยา

Grantor: มหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง

©copyrights มหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง

ลำดับที่.	ชื่อแฟ้มข้อมูล	ขนาดแฟ้มข้อมูล	จำนวนเข้าถึง	วัน-เวลาเข้าถึงล่าสุด
1	128464.pdf	48.73 MB	23	2024-02-17 00:51:46

ใช้เวลา

0.045512 วินาที