ปัจจัยที่ส่งผลต่อจิตปัญญาของนักเรียนมัธยมศึกษาตอนปลาย จังหวัดฉะเชิงเทรา ตามแนวพุทธจิตวิทยา

Factors Affecting the Contemplation Of Chachoengsao High School Students Baesd on Buddhist Psychology

Name: พระมหาสุวรรณ กมฺพุวณฺโณ (ทองรัศมี)

keyword: จิตปัญญา

; พุทธจิตวิทยา

; มัธยมศึกษาตอนปลาย

; นักเรียน

Abstract: การวิจัยเรื่อง “ปัจจัยที่ส่งผลต่อจิตปัญญาของนักเรียนมัธยมศึกษาตอนปลาย จังหวัดฉะเชิงเทรา ตามแนวพุทธจิตวิทยา”มีวัตถุประสงค์ ๑)เพื่อศึกษาปัญหาของนักเรียนมัธยมศึกษา ตอนปลาย จังหวัดฉะเชิงเทรา ตามแนวพุทธจิตวิทยา ๒)เพื่อศึกษาปัจจัยชีวะสังคม ลักษณะจิตสังคม ลักษณะจิตเดิมที่มีความสัมพันธ์ต่อจิตปัญญาของนักเรียนมัธยมศึกษาตอนปลาย จังหวัดฉะเชิงเทรา ตามแนวพุทธจิตวิทยา ๓)เพื่อพัฒนาโมเดลความสัมพันธ์เชิงสาเหตุจิตปัญญาของนักเรียนมัธยมศึกษาตอนปลาย จังหวัดฉะเชิงเทรา ตามแนวพุทธจิตวิทยา ระเบียบวิธีวิจัยเป็นแบบวิธีการวิจัยเชิงปริมาณและวิจัยเชิงคุณภาพของนักเรียนมัธยมศึกษาตอนปลาย โรงเรียนเบญจมราชรังสฤษฏิ์และโรงเรียนวัดโสธรวรารามวรวิหาร คือนักเรียนกลุ่มตัวอย่าง ๗๒๐ คน เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย คือ แบบสอบถามปัจจัยที่ส่งผลต่อจิตปัญญาตามแนวพุทธจิตวิทยา แบบสัมภาษณ์การวิเคราะห์สถิติที่ใช้ประกอบด้วย ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน (SD) และวิเคราะห์ความเที่ยงตรงความสัมพันธ์ของปัจจัย(Confirmatory Factor Analysis (CFA) ประมวลผลโดยโปรแกรม AMOS โดยปัจจัยที่ทำการ ศึกษาได้แสดงผลค่าน้ำหนักปัจจัย ( Factor Loading) มากกว่า .๐๕ ผลการวิจัยศึกษาปัญหาสำรวจจากแบบสอบถาม จำนวน ๗๒๐ ชุด พบว่า ระดับความต้องการในการได้รับความรู้ส่วนใหญ่มีค่าเฉลี่ยเท่ากับ ๔.๐๕ ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐานเท่ากับ ๐.๔๖ เป็นความต้องการในการได้รับความรู้ของนักเรียน ในด้านปัจจัยที่ส่งผลต่อจิตปัญญาตามแนวพุทธจิตวิทยา ด้านจิตปัญญาของนักเรียนมัธยมรองลงมามีค่าเฉลี่ยเท่ากับ ๔.๑๗ ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐานเท่ากับ ๐.๕๖ ของความต้องการความรู้ คือ นักเรียนต้องการสนับสนุนในการจัดการประชุม และนักเรียนต้องการการเข้าอบรมพัฒนาจิตใจ และน้อยที่สุดของระดับความต้องการในการได้รับความรู้ มีค่าเฉลี่ยเท่ากับ ๓.๕๒ ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐานเท่ากับ ๐.๔๙ ของความต้องการความรู้ คือ นักเรียนต้องการการพัฒนาความสามารถตนเองที่จะรับผิดชอบงานที่ตนเองได้รับผิดชอบ และต้องการดำเนินการติดตามและประเมินผล ด้านปัจจัยที่ส่งผลต่อจิตปัญญาตามแนวพุทธจิตวิทยา โดยภาพรวมส่วนใหญ่ของความต้องการในการได้รับความรู้ มีค่าเฉลี่ยเท่ากับ ๓.๘๕ ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐานเท่ากับ ๐.๔๖ อยู่ในระดับมากทุกด้าน ผลการวิจัยปัจจัยชีวะสังคม ลักษณะจิตสังคม ลักษณะจิตเดิมต่อระดับจิตปัญญา จำนวน ๗๒๐ ชุด ด้านปัจจัยชีวะสังคม พบว่าในการวิจัยส่วนใหญ่เป็นเพศชาย จำนวน ๓๖๓ คน คิดเป็นร้อยละ ๕๐.๔๐ รองลงมาเป็นเพศหญิง จำนวน ๓๕๗ คน คิดเป็นร้อยละ ๔๙.๖๐ ประชากรส่วนใหญ่ อายุ ๑๖-๑๗ ปี จำนวน ๔๐๕ คน คิดเป็นร้อยละ ๕๖.๓๐ รองลงมา อายุ ๑๔-๑๕ ปี จำนวน ๑๖๑ คน คิดเป็นร้อยละ ๒๒.๔๐ และน้อยที่สุด มัธยมศึกษาชั้นปีที่ ๕ จำนวน ๑๘๑ คน คิดเป็นร้อยละ ๒๕.๑๐ ระดับการศึกษา ส่วนใหญ่เป็นมัธยมศึกษาชั้นปีที่ ๔ จำนวน ๒๙๒ คน คิดเป็นร้อยละ ๔๐.๖๐ รองลงมาเป็นมัธยมศึกษาชั้นปีที่ ๖ จำนวน ๒๔๗ คน คิดเป็นร้อยละ ๓๔.๓๐ และน้อยที่สุดเป็นมัธยมศึกษาชั้นปีที่ ๕ จำนวน ๑๘๑ คน คิดเป็นร้อยละ ๒๕.๑๐ ครอบครัวส่วนใหญ่ อยู่กับบิดาและมารดา จำนวน ๔๔๐ คน คิดเป็นร้อยละ ๖๑.๑๐ รองลงมาอยู่กับมารดา จำนวน ๑๒๘ คน คิดเป็นร้อยละ ๑๗.๘๐ และน้อยที่สุดอยู่กับญาติ จำนวน ๖๙ คน คิดเป็นร้อยละ ๙.๖๐ ที่อยู่อาศัยส่วนใหญ่ พบว่า อยู่บ้านตนเอง จำนวน ๖๒๙ คน คิดเป็นร้อยละ ๘๗.๔๐ และรองลงมาอยู่บ้านเช่า ด้านลักษณะจิตสังคม พบว่าปัจจัยแฝงจิตสังคมของนักเรียนมีอิทธิพลทางตรงต่อระดับจิตปัญญาให้ค่าสัมประสิทธิ์เส้นทาง (Path Coefficient) เท่ากับ 1.02 (TE=DE( 1.02) + IE (0) =1.02) สรุปได้ว่า ลักษณะจิตสังคมแท้ของเด็กนักเรียน ทั้งด้านความเชื่อมั่นในตนเอง ลักษณะมุ่งอนาคต สุขภาพจิต และการตระหนักรู้ มีความสัมพันธ์เชิงสาเหตุต่อระดับจิตปัญญาของนักเรียน ด้านลักษณะจิตเดิม พบว่าปัจจัยแฝงจิตเดิมของนักเรียนมีอิทธิพลทางตรงต่อระดับจิตปัญญาให้ค่าสัมประสิทธิ์เส้นทาง (Path Coefficient) เท่ากับ 1.02 (TE=DE(1.02) + IE (0) =1.02) สรุปได้ว่า ลักษณะจิตเดิมแท้ของนักเรียนทั้งด้านความเชื่อมั่นในตนเอง ลักษณะมุ่งอนาคต สุขภาพจิต และการตระหนักรู้ มีความสัมพันธ์เชิงสาเหตุต่อระดับจิตปัญญาของนักเรียน ผลการวิจัยพัฒนาโมเดลความสัมพันธ์เชิงสาเหตุของนักเรียน พบว่าความสอดคล้องของโมเดลองค์ประกอบเชิงยืนยันของการพัฒนาจิตปัญญา แบบมีตัวแปรแฝงมาช่วยในการวิเคราะห์ตัวแปรแฝงลักษณะจิตสังคม และตัวแปรแฝงลักษณะจิตเดิม ทำให้สามารถอธิบายโมเดลสมการโครงสร้างแบบมีตัวแปรแฝงที่ส่งผลต่อจิตปัญญาของนักเรียน ตามแนวพุทธจิตวิทยาเป็นโมเดลที่สอดคล้องกับข้อมูลเชิงประจักษ์ระดับพัฒนาจิตปัญญาของนักเรียนมัธยมศึกษาตอนปลาย จังหวัดฉะเชิงเทรา ตามแนวพุทธจิตวิทยาได้ ร้อยละ 80 (R2=0.80) โมเดลนี้อยู่ในระดับที่ยอมรับได้

Abstract: The dissertation entitled “factors affecting of the faculties Buddhist psychology student high school Chachoenchao province” has the objectives: 1) to study the problems of the student high school Chachoenchao province according to Buddhist psychology, 2) to study the social factors, social mind, original mind that rolatod to the mindfulness of the student high school Chachoenchao province according to Buddhist psychology and 3) to develop the rational related model about the mindfulness of student high school Chachoenchao province. The study is the qualitative and quantitative research which the target group is the student high school namely: Benchamarajarangsrit School, Wat Sotornwararamworavihan School. The tools used in the research is the questionnaire about the factors affecting of the faculties Buddhist psychology and questionnaire of interview; moreover, its statistic consists of mean , standard deviation (SD) and the confirmatory factor analysis (CFA) and then use AMOS to result the sequence and factor loading being more than .05 The study result concerned with study of the problems through surveying the questionnaire for 720 papers found that the most of the mean of the requirement level receiving knowledge of the students are equal to 4.05 and standard deviation is equal to 0.46; nevertheless, the lower factors affecting of the faculties Buddhist psychology and the faculties of student high school is equal to 4.17 and standard deviation is equal to 0.56 of students’ requirement which meant that the students want to support the meeting and mental training and then its least level is equal to 3.52 and standard deviation is equal to 0.49 of the students’ requirement knowledge which it means that they want to develop their competence to be responsible their duty and average. The most of these means are equal to 3.85 and the standard deviation is 0.46; therefore, it is equal to the most level. The result of the social factors, social and original mind about the faculties for 720 papers, for social factors found that the most of informants are the men for 363 people which are equal to 50.40 and lower ones are the women for 357 people which are equal to 49.60; however, the most of their age are equal to 16-17 years old for 405 people which are equal to 56.30, lower levels are 14-15 years old for 161 people which are equal to 22.40 and then least ones are the learners of fifth grade school for 181 people which 25.10 and either the most of their education of fourth grade school for 292 people which are equal to 40.60, the lower is the students of sixth grade school for 247 people which is equal to 34.30 and the least ones are the learners of fifth grade school for 181 people which are equal to 25.10 or the family, they live with their parents for 440 people which 61.10, next ones, they live with their mother for 128 people which are equal to 17.80 and least one, the learners stay with their relatives for 69 persons which are equal to 9.60 ones. The most of their address found that the fake of social factors of the students have the direct influence to the learns’ faculties through Path coefficient is equal to 1.02 (TE=DE(1.02)+IE (0)=1.02). In short, the real social factors of the learner namely: the level of one’s confidence, future tendency, mental health and realization have the rational relations to the level of the students’ faculties and least the original mind found that the social factors of the learners have the direct influence to the faculties giving the Path Coefficient is equal to 1.02 (TE=DE(1.02)+IE (0)=1.02). In conclusion, the original mind of the students such as ones’ confidence, future tendency, mental health and realization takes place the rational concerning to the students’ faculties level. The result of developing model of the learners’ rational relation found that the agreement of model which consists of confirmed element of wise development that follow the helping variable to analyze the social mind variable and original mindwhich it can explain the structural model equation that consists of the variable affecting the students’ faculties according to Buddhist psychology that is agreeable with true data in order to develop the faculties of the learners high school Chachoenchao province according to Buddhist psychology that is equal to 80 percentages (R2 =0.80). at the end, this model can be acceptant level.

มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย. ส่วนหอสมุดกลาง

Address: พระนครศรีอยุธยา

Email: library@mcu.ac.th

Name: พระครูสังฆรักษ์เอกภัทร อภิฉนฺโท

Role: อาจารย์ที่ปรึกษา

Name: ประยูร สุยะใจ

Role: อาจารย์ที่ปรึกษา

Created: 2560

Modified: 2561-08-21

Issued: 2561-08-21

วิทยานิพนธ์/Thesis

application/pdf

tha

DegreeName: พุทธศาสตรดุษฎีบัณฑิต

Level: ปริญญาเอก

Descipline: สาขาวิชาพุทธจิตวิทยา

Grantor: มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย

©copyrights มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย

ลำดับที่.	ชื่อแฟ้มข้อมูล	ขนาดแฟ้มข้อมูล	จำนวนเข้าถึง	วัน-เวลาเข้าถึงล่าสุด
1	MCU600120001.pdf	7.44 MB	94	2025-10-23 15:09:50

ใช้เวลา

0.022007 วินาที