ศึกษาการบำเพ็ญบารมีและการบรรลุธรรมของพระพักกุลเถระ

A Study of the Perfection Cultivation and Enlightenment of Bhakkulathera

Name: Ven. Wattana Thanacaro (Chhan)

keyword: บำเพ็ญบารมี

; บรรลุธรรม

; พระพักกุลเถระ

Abstract: วิทยานิพนธ์ฉบับนี้ มีวัตถุประสงค์ 3 ประการคือ 1) เพื่อศึกษาการบรรลุธรรมในคัมภีร์พุทธศาสนาเถรวาท 2) เพื่อศึกษาการบำเพ็ญบารมีเพื่อบรรลุธรรมในคัมภีร์พุทธศาสนาเถรวาท และ 3) เพื่อศึกษาการบำเพ็ญบารมีและการบรรลุธรรมของพระพักกุลเถระ เป็นการวิจัยเชิงเอกสาร โดยศึกษาข้อมูลจากพระไตรปิฏก อรรถกถา ฎีกา คัมภีร์วิสุทธิมรรค และเอกสารอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องนำมา เรียบเรียง บรรยายเชิงพรรณนาและตรวจสอบโดยผู้เชี่ยวชาญพบว่า การบรรลุธรรม หมายถึง การตรัสรู้แจ้งในอริยสัจ 4 ได้เข้าถึงมรรค 4 ผล 4 และนิพพาน 1 เป็นพระอริยบุคคลมีพระโสดาบัน พระสกทาคามี พระอนาคามี และพระอรหันต์ตามลำดับ ด้วยการปฏิบัติตามหลักโพธิปักขิยธรรม 37 ประการ อันเป็นองค์แห่งการตรัสรู้ธรรมในทางพระพุทธศาสนา และการบรรลุธรรมนั้น มีความแตกต่างกันไปตามบุญบารมีที่เคยสั่งสมมา ตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน เช่น บางท่านบรรลุธรรมด้วยการฟัง บางท่านบรรลุธรรมด้วยการปฏิบัติตามหลักวิปัสสนาญาณ 9 หรือ ญาณ 16 บางท่านบรรลุธรรมด้วยการเจริญอนุปัสสนาญาณ 7 บางท่านบรรลุธรรมด้วยโยนิโสมนสิการ คือการพิจารณาตจปัญจกกรรมฐาน บางท่านบรรลุธรรมด้วยการตอบปัญหาจากพระพุทธองค์ ดังนั้นพระอริยบุคคลในพระพุทธศาสนาจึงมีหลายระดับที่มีความสามารถแตกต่างกันมากมาย จนทำให้พระพุทธองค์ต้องประทานตำแหน่งต่าง ๆ แก่พระสาวกให้เหมาะสมตามฐานะเป็นผู้เลิศ เรียกว่า “พระอสีติมหาสาวก” การบำเพ็ญบารมีเพื่อบรรลุธรรม หมายถึง การสร้างบุญกุศลต่าง ๆ เช่น การบริจาคทาน การรักษาศีล การออกบวชบำเพ็ญตบะจนได้ฌานสมาบัติ เมื่อทำบ่อย ๆ บุญกุศลเหล่านี้จะกลายเป็นบารมี บารมีนั้นมี 10 อย่างคือ ทานบารมี สีลบารมี เนกขัมมบารมี ปัญญาบารมี วิริยบารมี ขันติบารมี สัจจบารมี อธิษฐานบารมี เมตตาบารมี อุเบกขาบารมี และบารมีทั้ง 10 อย่างนี้แต่ละอย่างแบ่งออกเป็น 3 คือ 1) การให้ทานเป็นปกติทั่วไปเรียกว่า ทานบารมี 2) การให้อวัยวะเลือดเนื้อเป็นทานแก่ผู้อื่นเรียกว่า ทานอุปบารมี และ 3) การให้ชีวิตของตัวเองมาเป็นทานเรียกว่า ทานปรมัตถบารมี เป็นต้น และบุญบารมีเหล่านี้เป็นพื้นฐานที่จะนำไปสู่การบรรลุธรรมในอนาคต พระพักกุลเถระเคยได้บำเพ็ญบุญกุศลต่าง ๆ มาแล้วในอดีตชาติตลอดจนได้ฌานสมาบัติ ในชาติสุดท้าย อยู่ครองเรือนมานานจนถึงอายุ 80 ปี จึงได้เข้ามาบวชในพระพุทธศาสนา หลังจากบวชมาแล้วได้ 7 วัน ในเช้าวันที่ 8 ก็ได้สำเร็จเป็นพระอรหันต์พร้อมด้วยปฏิสัมภิทา 4 อภิญญา 6 วิโมกข์ 8 ต่อมาท่านก็ได้รับการยกย่องจากพระบรมศาสดาว่า เป็นผู้เลิศกว่าภิกษุทั้งหลายทางด้าน “ผู้มีอาพาธน้อย” ส่วนแนวทางการบรรลุธรรมของพระพักกุลเถระนั้น ท่านได้เจริญอนุปัสสนา 7 ได้แก่ การพิจารณาปัญจขันธ์ให้เห็นเป็นของไม่เที่ยง, เป็นทุกข์, เป็นอนัตตา, เห็นความเบื่อหน่าย, เห็นความคลายกำหนัด, เห็นความดับ, และเห็นความสละคืนในสังขารทั้งหลาย, ท่านพิจารณาจนชำนาญทำให้มีญาณเกิดขึ้นแผ่ไปทั่วร่างกาย ในที่สุดก็ได้บรรลุเป็นพระอรหันต์อันเป็นที่สุดแห่งพรหมจรรย์ ท่านชอบอยู่ในป่าเป็นวัตรไม่นอนตลอด 80 ปี เมื่อมีอายุถึง 160 ปี ก็ได้ปรินิพพานในท่ามกลางหมู่สงฆ์ นับว่าท่านเป็นผู้มีอายุมากกว่าภิกษุทั้งหมด

Abstract: This thesis has three objectives: to study the enlightenment in the context of the Theravada Buddhist scripture, to study the Ten Virtues in the context of the Theravada Buddhits scripture and to study the enlightenment and the Ten Virtues of venerable Bhakkulathera in term of document research. Clarified and analyzed data are taken from the Theravāda Buddhist scriptures namely, the Tipitaka, commentaries, sub- commentaries, the Visuddhimagga and related academic texts and researches then composed, explained in details, corrected and verified by Buddhist scholars. The study found that: The word enlightenment means having thorough knowledge in the Four Noble Truths, which one can attain the Four Paths, Four Fruitions and Nibbāna. Such persons will become a Sotāpanna, Sakadāgāmī, Anāgāmi and an Arahant respectively. By following the principle of the thirty-seven virtues, which are the main elements for practitioners to attain enlightenment. Also the enlightenment can be obtained differently according to the merit-based in the previous life and present life. For example, some people get enlightened by listening, some people get enlightened by following the principle of the Nine Vipassañānas or the Sixteen Vipassañānas, some people get enlightened by the Seven Anupassanañānas, some people get enlightened by Yonisomanasikāra, which is Tacapạncakakhammathāna, some people get enlightened the direct answering from the Buddha. Therefore, to be enlightened in Buddhism comes in different forms and levels, with different knowledge and abilities. This is the reason why the Buddha had to appoint his followers in many positions according to their abilities and they are called Asīti or main disciples. The practice to attain the enlightenment means to perform many types of merit such as donation, observe the precepts, and get ordained to attain the Jhānas̄amāpatti. When one often performs these merits, they will become a charismatic of the Ten Virtues. There are ten Pāramitā, which are: Dāna Pāramitā, Sīla Pāramitā, Nekkhamma Pāramitā, Paññā Pāramitā, Viriya Pāramitā, Khanti Pāramitā, Sacca Pāramitā, Adhiṭṭhāna Pāramitā, Mettā Pāramitā and Upekkhā Pāramitā. They can be divided into 3 main groups: 1) charity, or Dāna Pāramitā, 2) donate organs, flesh and blood to others called Dāna Uppa Pāramitā and 3) giving life to others as a Dāna called Dānaparamat Pāramitā, and etc. These Pāramitā are one’s foundation in order to attain enlightenment in the future. Bhakkula thera had done these merits in many past lives, then he attained the Jhāna s̄amāpatti in his last life. He had a family life until he was 80 years old, and decided to ordain as a Buddhist monk. After ordination for 7 days, in the 8th day he became an Arahat with the Four Discrimination, Six kinds of Superknowledge and The Eignt stages of rerease. Later on he has been praised by Buddha that he was Excellent in “Sickless”. For the approach to achieve enlightenment of Pāramitā. Thera is that he used the seven Anupassanas which are: the consideration of Five Aggregates to see that things are impermanent, suffering and non-self, to see the boredom, relief-ness, decay and returning of all judgement. He considered until he gained the expertise in this field. Finally, he attained the Arhatship, which is the ultimate goal. He preferred to stay in the forest and not sleeping for 80 years. When he was 160 years old, he passed away among monks. He was the oldest of all monks. At that time.

Mahachulalongkornrajavidyalaya University. Center Library

Address: อยุธยา

Email: library@mcu.ac.th

Name: พระราชปริยัติเวที (สุชาติ กิตฺติปญฺโญ)

Role: อาจารย์ที่ปรึกษา

Name: ชิณญ์ ทรงอมรสิริ

Role: อาจารย์ที่ปรึกษา

Created: 2558

Modified: 2568-09-27

Issued: 2561-07-18

วิทยานิพนธ์/Thesis

application/pdf

tha

DegreeName: พุทธศาสตรมหาบัณฑิต

Level: ปริญญาโท

Descipline: สาขาวิชาวิปัสสนาภาวนา

Grantor: มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย

©copyrights มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย

ลำดับที่.	ชื่อแฟ้มข้อมูล	ขนาดแฟ้มข้อมูล	จำนวนเข้าถึง	วัน-เวลาเข้าถึงล่าสุด
1	MCU580208007.pdf	3.15 MB	20	2024-07-21 17:29:25

ใช้เวลา

0.033349 วินาที