แจ้งเอกสารไม่ครบถ้วน, ไม่ตรงกับชื่อเรื่อง หรือมีข้อผิดพลาดเกี่ยวกับเอกสาร ติดต่อที่นี่ ==>
หากไม่มีอีเมลผู้รับให้กรอก thailis-noc@uni.net.th ติดต่อเจ้าหน้าที่เจ้าของเอกสาร กรณีเอกสารไม่ครบหรือไม่ตรง

รูปแบบการเผยแผ่พระพุทธศาสนาของพระธรรมทูตในจังหวัดอ่างทอง
The Model of Buddhism Propagation of Missionary Monks in Angthong Province

keyword: เผยแผ่
; พุทธศาสนา
; พระธรรมฑูต
Abstract: การวิจัยฉบับนี้มีวัตถุประสงค์ คือ ๑) เพื่อศึกษาแนวคิด ทฤษฎีเกี่ยวกับการเผยแผ่ พระพุทธศาสนาที่มีคุณภาพที่เหมาะสม ต่อการนำมาเป็นแนวทางการเผยแผ่พระพุทธศาสนาของพระ ธรรมทูตในจังหวัดอ่างทอง ๒) เพื่อศึกษาและวิเคราะห์ปัญหาทั่วไปที่ส่งผลต่อคุณภาพ การเผยแผ่ พระพุทธศาสนาของพระธรรมทูตในจังหวัดอ่างทอง ๓) เพื่อหารูป แบบและวิธีการเผยแผ่ พระพุทธศาสนาที่มีคุณภาพ เพื่อนำมาเป็นแนวทางการเผยแผ่ของพระธรรมทูตในจังหวัดอ่างทอง ดำเนินการวิจัยโดยเป็นการวิจัยเชิงคุณภาพ เก็บข้อมูลจากผู้ให้ข้อมูลสำคัญด้วยการ สัมภาษณ์เชิงลึก จำนวน ๒๕ รูป/คน และการสนทนากลุ่มเฉพาะ จำนวน ๑๑ รูป/คน เครื่องมือ ที่ใช้ในการวิจัยครั้งนี้ คือ แบบสัมภาษณ์ และแบบบันทึกการสนทนากลุ่มเฉพาะ วิเคราะห์ข้อมูล การสัมภาษณ์โดยการพรรณนาความ วิเคราะห์การสนทนากลุ่มเฉพาะโดยนำข้อมูลมาจัดหมวดหมู่ และสรุปเนื้อหา เพื่อนำไปสู่การพรรณนา และสรุปผลการวิจัยตามวัตถุประสงค์ที่ตั้งไว้ ผลการวิจัย พบว่า ๑) แนวคิด ทฤษฎีเกี่ยวกับการเผยแผ่พระพุทธศาสนาที่มีคุณภาพที่เหมาะสมต่อการ นำมาเป็นแนวทางการเผยแผ่พระพุทธศาสนาของพระธรรมทูตในจังหวัดอ่างทอง พบว่า การเผยแผ่ พระพุทธศาสนานั้นได้ดำเนินการมาตั้งแต่ครั้งพุทธกาล ซึ่งรูปแบบในการเผยแผ่พระพุทธศาสนานั้น มีการหลายรูปแบบ ยกตัวอย่างเช่น การปฏิบัติตนจนเป็นที่น่าเลื่อมใส การสำรวมระวังในการสนทนา การให้คำแนะนำแบบเป็นกลาง การตอบปัญหาข้อข้องใจที่ตรงประเด็น และการแสดงธรรมที่ชัดเจน เข้าใจง่าย ไปตามสำคับ โดยอาศัยพระบูรพาจารย์ผู้แตกฉานในพระธรรมวินัยเป็นกำลังสำคัญ นอกจากนี้ การเผย แผ่พระพุทธศาสนาที่เหมาะสมต้องเผยแผ่ตามประเพณีคณะสงฆ์ และ ตามประเพณีไทย การเผยแผ่ต้องปรับปรุงให้เหมาะสมกับสภาพสังคมปัจจุบัน และปรับประยุกต์ การเผยแผ่โดยจัดเป็นคณะหรือหน่วยงานเผยแผ่หรือเป็นสถานศึกษาเป็นที่ประจำหรือครั้งคราวหรือ จัดเป็นกิจกรรมพิเศษภายในวัด หรือในหมู่บ้านใกล้เคียง ๒) ปัญหาทั่วไปที่ส่งผลต่อคุณภาพ การเผยแผ่พระพุทธศาสนาของพระธรรมทูต ในจังหวัดอ่างทอง พบว่า มี ๔ ด้าน ดังนี้ (๑) ปัญหาด้านเนื้อหาหลักธรรม คือ พระธรรมทูตขาด ความรู้ในเรื่องที่จะแสดงธรรม ขาดทักษะและเทคนิคในการแสดงธรรมที่ดี และพระธรรมทูตมีบทบาท จำกัดเพียงการออกบรรยายธรรมนอกวัดที่มีอยู่น้อย และปัญหาการมีทัศนะพื้นฐานต่อการเป็นพระ ธรรมทูตและงานโดยบทบาทและหน้าที่ของพระธรรมทูตไม่ครอบคลุมครบต่อสังคมโดยรวมอย่าง ชัดเจนเท่าที่ควร (๒) ปัญหาด้านกิจกรรม คือ พระธรรมทูตที่มีบทบาททำกิจกรรมในเรื่องดังกล่าว มักจะเป็นพระธรรมทูตที่มีตำแหน่งทางการบริหารกิจการคณะสงฆ์ในระดับอำเภอและระดับประจำจังหวัดอ่างทอง ขาดเทคนิคและกิจกรรมที่ใช้ในการนำเสนอใช้ รูปแบบเดิมๆ ทำให้น่าเบื่อ (๓) ปัญหาด้านการใช้สื่อประกอบการบรรยาย คือ พระธรรมทูตยังขาดความรู้ ความสามารถในการ สร้างสื่อที่ง่ายต่อการเข้าใจ และเป็นสื่อที่แปลกและน่าสนใจ ขาดอุปกรณ์และสื่อเทคโนโลยีที่ทันสมัย ที่ใช้โนการอบรม สื่อประเภทวิทยุโทรทัศน์ประกอบในการเผยแผ่พระพุทธศาสนายังไม่เพียงพอต่อการ ใช้งานที่คลอบคลุมกับหน่วยงาน (๔) ปัญหาด้านการได้รับประโยชน์และคุณค่า คือ ๑) ประโยชน์ตน กล่าวคือ ยังไม่สามารถนำความรู้และประสบการณ์ไปใช้ในการพัฒนาตนเองและประกอบสัมมา อาชีพ มีการพัฒนาบุคลิกภาพ เจตคติ ค่านิยมให้ถูกต้องเหมาะสมกับสังคมไทย และนำมาใช้ในการ ดำเนินชีวิต สร้างศีลธรรมจริยธรรม ๒) ประโยชน์คนอื่น กล่าวคือ ยังขาดจิตสำนึกและทำประโยชน์ เพื่อสังคมและประเทศชาติ เกิดแรงจูงใจเชิงบวกให้เกิดความเชื่อมั่นและภูมิใจในตัวเอง การปฏิบัติ เป็นแบบอย่างที่ดี การเน้นหลักการสอนประชาชน๓) ประโยชน์สังคมส่วนรวม กล่าวคือ ขาดความ มุ่งมั่นที่จะเป็นตัวอย่างในการทำงานที่ดีของพระสงฆ์และของคนทั่วไป มีความมุ่งมั่นปฏิบัติงานพระศาสนาเพื่อสังคมส่วนรวม ๓) รูปแบบและวิธีการเผยแผ่พระพุทธศาสนาที่มีคุณภาพ เพื่อนำมาเป็นแนวทางการเผย แผ่ของพระธรรมทูตในจังหวัดอ่างทอง พบว่า มีอยู่ ๘ รูปแบบ คือ (๑) รูปแบบและวิธีการเผยแผ่ธรรม แบบการแสดงธรรมเทศนา (๒) รูปแบบและวิธีการเผยแผ่ธรรมแบบการบรรยายธรรมหรือปาฐกถา ธรรม (๓) รูปแบบและวิธีการเผยแผ่ธรรมแบบการบรรยายธรรมผ่านสื่อแพร่ภาพหรือสถานี วิทยุกระจายเสียงออกอากาศ (๔) รูปแบบและวิธีการเผยแผ่ธรรมแบบการจัดโครงการส่งเสริม คุณธรรมต่างๆ (๔) รูปแบบและวิธีการเผยแผ่ธรรมแบบการนำฝึกสมาธิ (๖) รูปแบบและวิธีการเผย แผ่ธรรมแบบการนำปฏิญาณตนเป็นพุทธมามกะ (๗) รูปแบบและวิธีการเผยแผ่ธรรมแบบการพัฒนา ห้องที่ (๘) รูปแบบและวิธีการเผยแผ่ธรรมแบบการทำกิจกรรมสังคมสงเคราะห์ พระธรรมทูตหรือ ผู้เผยแผ่พระพุทธศาสนาจะต้องพิจารณารูปแบบตามความเหมาะสมของปัจจัย เซ่น เวลา สถานที่ ตัวผู้ฟัง และบริบทต่าง ๆ เป็นต้น
Abstract: The objectives of this research were : 1) to study the appropriate concepts and theories of Buddhism propagation of the missionary in Angthong Province, 2) to study and analyzed the general problems affecting the quality of Buddhism propagation of missionary monks in Angthong Province and 3) to find the qualified pattern and methods of Buddhism propagation for missionary monks in Angthong Province. Methodology was the Qualitative Research, collected data from 25 key informants, purposefully selected from experts in the field with structured in-depth- interview form by face-to-face in-depth-interviewing and also from 11 participants in focus group discussion. Data from both methods were analyzed by descriptive interpretation. Findings were as follows: 1. The appropriate concepts and theories for Buddhism propagation of missionary monks in Angthong Province were the patterns of Buddhism propagation used since the Buddha’s time which were of many methods, for example; one trained oneself to the respectable state, controlled oneself in talking, gave advice in neutral manner, directly answered the questions and taught Dhamma clearly and understandably accordingly. The former teachers who had expertise in Dhamma were set as good examples for clear and understandable teaching. Besides, the appropriate Buddhism propagation must follow the pattern of the former tradition set by former teachers and Thai tradition. The Buddhism propagation must be improved to suit the present society. The propagation units must be set up either at educational institutes regularly or as special events in monasteries or in villages. 2. General problems effecting the quality of Buddhism propagation of missionary monks in Angthong Province were of 4 aspects; 1) the problem of content delivery: Missionary monks did not have enough knowledge of Dhamma content, lacked an appropriate principles and technique of propagation. Missionary monks had limited roles , only preaching in monasteries that also were limited. The attitudes towards being missionary monks were not appropriately and clearly geared for the overall communities, 2) the problems of propagation activity: Most missionary monks held the Sangha affaire administrative roles and did not have appropriate technique and activities for good Dhamma teaching which in return, made Dhamma delivery quite boring, 3) the problems of teaching media: Missionary monks still lacked skill in creating the easy to understand, new and exiting teaching media. Training and teaching media were limited. Radio and television media for Buddhism teaching were not enough for all units concerned and 4) the problems of values for money: There were 4 problems in this aspect as (1) personal benefit; It was not possible to take advantage of their knowledge and experience to develop and use for their own livelihood. There should be development of personality, attitudes and values appropriately for Thai society to be used in everyday life and create moral ethics, ( 2) Others’ benefits; still lacking of awareness and contributing to society and the nation. There should be positive motivation to have self confidence and pride and good examples for other people, (3) Overall social benefits; still lacking of commitment to be good examples for other monks and people. There should be dedication to working for Buddhism and society as a whole. 3. The appropriate and qualified model Buddhism propagation of the missionary monks in Angthong Province were of 8 models as 1) The model and method of Dhamma sermon, 2) The model and method of lectures or Dhamma talk, 3) The model and method of Buddhism propagation through broadcasting media, 4) The model of morality support activities,5) the model and method of meditation practice, 6) The model and method of undertaking the Triple gems for refuge, becoming a Buddhist ceremony, 7) the model and method of community development and 8) The model and method of social welfare activities. The missionary monks must consider to use the suitable model and method for factors, time, place, audience and other contexts.
มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย. สำนักหอสมุดและเทคโนโลยีสารสนเทศ
Address: พระนครศรีอยุธยา
Email: library@mcu.ac.th
Role: อาจารย์ที่ปรึกษา
Role: อาจารย์ที่ปรึกษา
Created: 2558
Modified: 2561-06-07
Issued: 2561-06-01
วิทยานิพนธ์/Thesis
application/pdf
tha
©copyrights มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย
RightsAccess:
ลำดับที่.ชื่อแฟ้มข้อมูล ขนาดแฟ้มข้อมูลจำนวนเข้าถึง วัน-เวลาเข้าถึงล่าสุด
1 MCU580109022.pdf 5.15 MB37 2025-04-13 21:01:09
ใช้เวลา
0.020804 วินาที

พระครูโสภณธรรมวิจารณ์ (ทรงพล อํสุกาโร)
Title Contributor Type
ความพึงพอใจของนักเรียนในการเผยแผ่พระพุทธศาสนาของพระสอน ศีลธรรมในโรงเรียนปาโมกข์วิทยาภูมิ จังหวัดอ่างทอง
มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย
พระครูโสภณธรรมวิจารณ์ (ทรงพล อํสุกาโร)

วิทยานิพนธ์/Thesis
รูปแบบการเผยแผ่พระพุทธศาสนาของพระธรรมทูตในจังหวัดอ่างทอง
มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย
พระครูโสภณธรรมวิจารณ์ (ทรงพล อํสุกาโร)
ธิติวุฒิ หมั่นมี
บุษกร วัฒนบุตร
วิทยานิพนธ์/Thesis
ธิติวุฒิ หมั่นมี
Title Creator Type and Date Create
การจัดการสำนักปฏิบัติธรรมในจังหวัดสมุทรปราการ
มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย
พิเชฐ ทั่งโต ;ธิติวุฒิ หมั่นมี
พระครูสุนทรสุตสาร (พยุง กตปุญฺโญ)
วิทยานิพนธ์/Thesis
รูปแบบการเผยแผ่พระพุทธศาสนาของพระธรรมทูตในจังหวัดอ่างทอง
มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย
ธิติวุฒิ หมั่นมี ;บุษกร วัฒนบุตร
พระครูโสภณธรรมวิจารณ์ (ทรงพล อํสุกาโร)
วิทยานิพนธ์/Thesis
ปัจจัยที่มีผลต่อประสิทธิภาพการปฏิบัติงานตามหลักพุทธธรรมของบุคลากรองค์การบริหารส่วนตำบลในอำเภอปากเกร็ด จังหวัดนนทบุรี
มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย
พิชิต ปุริมาตร;ธิติวุฒิ หมั่นมี
นฤมล เพ็ญสิริวรรณ
วิทยานิพนธ์/Thesis
บุษกร วัฒนบุตร
Title Creator Type and Date Create
การพัฒนาศักยภาพบุคลากรขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ตามแนวพระพุทธศาสนา
มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย
บุษกร วัฒนบุตร ;สุรพล สุยะพรหม
สุทธญาณ์ โอบอ้อม
วิทยานิพนธ์/Thesis
รูปแบบการเผยแผ่พระพุทธศาสนาของพระธรรมทูตในจังหวัดอ่างทอง
มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย
ธิติวุฒิ หมั่นมี ;บุษกร วัฒนบุตร
พระครูโสภณธรรมวิจารณ์ (ทรงพล อํสุกาโร)
วิทยานิพนธ์/Thesis
การบริหารงานตามหลักพรหมวิหาร 4 ของผู้บริหารเทศบาลนครรังสิต จังหวัดปทุมธานี
มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย
ธิติวุฒิ หมั่นมี;บุษกร วัฒนบุตร
พรทิพย์ ลำใย
วิทยานิพนธ์/Thesis
แรงจูงใจในการปฏิบัติงานที่ส่งผลต่อความผูกพันต่อองค์กรของบุคลากรสายสนับสนุน มหาวิทยาลัยเอกชนแห่งหนึ่งในจังหวัดปทุมธานี
มหาวิทยาลัยนอร์ทกรุงเทพ
บุษกร วัฒนบุตร ;ตระกูล จิตวัฒนากร
กฤตภาคิน มิ่งโสภา
วิทยานิพนธ์/Thesis
Copyright 2000 - 2025 ThaiLIS Digital Collection Working Group. All rights reserved.
ThaiLIS is Thailand Library Integrated System
สนับสนุนโดย สำนักงานบริหารเทคโนโลยีสารสนเทศเพื่อพัฒนาการศึกษา
กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม
328 ถ.ศรีอยุธยา แขวง ทุ่งพญาไท เขต ราชเทวี กรุงเทพ 10400 โทร. โทร. 02-232-4000
กำลัง ออน์ไลน์
ภายในเครือข่าย ThaiLIS จำนวน 9
ภายนอกเครือข่าย ThaiLIS จำนวน 2,197
รวม 2,206 คน

More info..
นอก ThaiLIS = 37,102 ครั้ง
มหาวิทยาลัยสังกัดทบวงเดิม = 43 ครั้ง
มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคล = 27 ครั้ง
มหาวิทยาลัยราชภัฏ = 7 ครั้ง
สถาบันพระบรมราชชนก = 2 ครั้ง
รวม 37,181 ครั้ง
Database server :
Version 2.5 Last update 1-06-2018
Power By SUSE PHP MySQL IndexData Mambo Bootstrap
มีปัญหาในการใช้งานติดต่อผ่านระบบ UniNetHelp


Server : 8.199.134
Client : Not ThaiLIS Member
From IP : 216.73.216.124