ปัจจัยที่มีอิทธิพลต่อการนำนโยบายหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้า ไปสู่การปฏิบัติของเทศบาล ในจังหวัดเชียงใหม่

Factors that influence the insurance policy to health care practiced in the municipality, Chiangmai province

Name: จิราพร เรือนชุ่มเชย

ThaSH: ประกันสุขภาพ

Classification :.DDC: 658.382

ThaSH: ประกันสุขภาพ -- เชียงใหม่

ThaSH: สุขภาพ

Abstract: การวิจัยเรื่องปัจจัยที่มีอิทธิพลต่อการนำนโยบายด้านหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้าไปสู่การปฏิบัติในเทศบาลจังหวัดเชียงใหม่ โดยมีวัตถุประสงค์ เพื่อศึกษาปัจจัยที่มีอิทธิพลต่อการนำนโยบายหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้าไปปฏิบัติของเทศบาลในจังหวัดเชียงใหม่ และเพื่อนำข้อเสนอแนะที่ได้จากการวิจัยไปปรับปรุงการนำนโยบายหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้าไปปฏิบัติของเทศบาลในจังหวัดเชียงใหม่ การวิจัยครั้งนี้เป็นแบบผสมผสาน ซึ่งมีทั้งการวิจัยเชิงคุณภาพและการวิจัยเชิงปริมาณ ทำการเก็บข้อมูลจากผู้ตอบแบบสอบถาม 113 คน สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูลได้แก่ ค่าความถี่ ค่าร้อยละ ค่าเฉลี่ย และส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน ผลการวิจัยพบว่า ปัจจัยที่มีอิทธิพลต่อการนำนโยบายด้านหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้าไปสู่การปฏิบัติของเทศบาลในจังหวัดเชียงใหม่ สามารถเรียงลำดับได้ดังต่อไปนี้ 1) ด้านการสนับสนุนจากท้องถิ่น ( =3.97) ด้านการสนับสนุนจากท้องถิ่นพบว่า อยู่ในระดับมาก ( =3.85) เมื่อพิจารณาเป็นรายข้อพบว่า ข้อที่มีความสำคัญมากที่สุดคือ หน่วยงานมีการสนับสนุนให้มีโครงการจัดกิจกรรม เช่น หน่วยงานมีการสนับสนุนให้มีโครงการจัดกิจกรรม เช่น ประชุม การรณรงค์ที่มีความเกี่ยวข้องกับสุขภาพ อยู่ในระดับใด ( =4.23) รองลงมาได้แก่ หน่วยงานมีการสนับสนุนให้มีโครงการออกกำลังกายตอนเย็น เช่น การเต้นแอโรบิค การรำไม้พอง เป็นต้น อยู่ในระดับใด ( =4.03) และลำดับที่ 3 ได้แก่ หน่วยงานมีการส่งเสริมหรือสนับสนุนการดำเนินงานโรงเรียนส่งเสริมสุขภาพระดับใด และหน่วยงานได้สนับสนุนให้มีโครงการเยี่ยมผู้ป่วยเรื้อรัง เช่น โรคเบาหวาน ความดันโลหิต โรคหัวใจ โรคมะเร็ง เป็นต้น อยู่ในระดับใด ซึ่งมีค่าเท่าเทียมกันคือ ( =4.02) 2) ปัจจัยด้านความชัดเจนของนโยบาย ( =3.92) โดยรวมแล้วนั้นอยู่ในระดับมาก ( =3.92) ข้อที่มีผลการดำเนินการที่มีความสำคัญมากที่สุดคือ องค์กรมีการกำหนดนโยบายด้านหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้าไว้อย่างชัดเจน ( =3.95) รองลงมาได้แก่ องค์กรมีการบริหารด้านงบประมาณด้านหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้า เพื่อสามารถใช้ปฏิบัติงานได้อย่างเป็นรูปธรรม ( =3.94) และลำดับสุดท้ายได้แก่ นโยบายด้านงบประมาณหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้า เพื่อสามารถบริหารงบประมาณที่ได้รับมา ( =3.91) 3) ปัจจัยด้านสมรรถนะของหน่วยงานปฏิบัติพบว่า อยู่ในระดับมาก ( =3.79) เมื่อพิจารณาเป็นรายข้อพบว่า ข้อที่มีความสำคัญมากที่สุดอยู่ 3 ข้อ ซึ่งมีค่า เท่ากันคือ 3.81 ได้แก่เจ้าหน้าที่ในหน่วยงานสามารถปฏิบัติงานหรือสื่อสารกันได้อย่างเป็นทางการและไม่เป็นทางการ เจ้าหน้าที่ในหน่วยงานสามารถปฏิบัติร่วมกันได้อย่างไม่มีข้อขัดแย้งและข้อสุดท้ายคือ เจ้าหน้าที่มีความยืดหยุ่นให้ประชาชนในด้านของการบริการ รองลงมาได้แก่ ในหน่วยงานมีการสร้างระบบให้บุคลากรสามารถรับรู้ข้อมูลข่าวสารได้อย่างรวดเร็วอย่างทั่วถึงหรือไม่ ( =3.76) และสุดท้ายคือ ในหน่วยงานมีคู่มือหรือกฎระเบียบสำหรับการปฏิบัติงานให้เป็นไปแนวทางเดียวกันหรือไม่ ( =3.73) 4) ปัจจัยด้านทรัพยากรขององค์กร ( =3.81) อยู่ในระดับมาก ( =3.81) ผลของปัจจัยที่มีอิทธิพลต่อนำนโยบายด้านหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้าไปสู่การปฏิบัติด้านทรัพยากรขององค์กรที่สำคัญเมื่อพิจารณาเป็นรายข้อพบว่า หน่วยงานของท่านมีวัสดุอุปกรณ์ที่ทันสมัย เหมาะสมกับการปฏิบัติงานได้อย่างรวดเร็วมากน้อยเพียงใด ( =3.86) รองลงมาได้แก่ ในหน่วยงานมีบุคลากรที่มีความรู้ ความสามารถ ความชำนาญในการส่งเสริมและการป้องกันโรคในชุมชนมากน้อยเพียงใด ( =3.78) และลำดับสุดท้ายคือ หน่วยงานของท่านมีงบประมาณในการส่งเสริมและการป้องกันสุขภาพมากน้อยเพียงใด ( =3.78) 5) ปัจจัยด้านสภาพแวดล้อมและกลุ่มเป้าหมายของผู้มารับบริการ ( =3.81) ด้านสภาพแวดล้อมและกลุ่มเป้าหมายผู้มารับบริการพบว่า อยู่ในระดับมาก ( =3.81) เมื่อพิจารณาเป็นรายข้อนั้นพบว่า ปัจจัยด้านดังกล่าวนั้นมีความสำคัญเท่ากันอยู่ 4 ข้อได้แก่ ส่วนราชการมีการกำหนดแนวทางการปฏิบัติงานร่วมกันระหว่างหน่วยงานราชการอื่น เพื่อร่วมกันบูรณาการให้เกิดผลสัมฤทธิ์ต่อภารกิจของงาน หน่วยงานของท่านมีการประสานงานกับหน่วยงานภายนอก ได้รับความร่วมมือมากน้อยเพียงใด การประชาสัมพันธ์ของรัฐบาลเป็นประโยชน์ต่อการดำเนินงานกองทุนหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้ามากน้อยเพียงใด และสุดท้ายคือ ประชาชนมีการสนับสนุนในการนำโครงการที่มีความเกี่ยวข้องกับหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้าอยู่ในระดับใด ส่วนข้อสุดท้ายคือ หน่วยงานภายนอกมีการสนับสนุนทรัพยากรในการดำเนินงานกองทุนระบบหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้ามีค่าเท่ากับ ( =3.80) 6) ปัจจัยการได้รับความร่วมมือจากภาคประชาชน ( =3.77) ด้านการได้รับความร่วมมือจากภาคประชาชนพบว่า อยู่ในระดับมาก ( =3.79) เมื่อพิจารณาเป็นรายข้อพบว่า ข้อที่มีความสำคัญมากที่สุดคือ ประชาชนในเขตพื้นที่ได้มีส่วนร่วมในการบริการงานด้านหลักประกันสุขภาพ เช่น เป็นคณะกรรมการ อสม. เป็นต้น ( =3.81) รองลงมาได้แก่ ประชาชนได้เข้าร่วมกิจกรรมต่างๆที่ทางหน่วยงานจัดขึ้นที่มีความเกี่ยวข้องกับหลักประกันสุขภาพ ( =3.80) ข้อที่มีความสำคัญเป็นลำดับที่ 3 คือ หน่วยงานได้มีการประชาสัมพันธ์งานหรือกิจกรรมที่เกี่ยวข้องกับหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้าให้ประชาชนได้ทราบได้อย่างทั่วถึงและรวดเร็ว ( =3.79)

มหาวิทยาลัยราชภัฏลำปาง. สำนักวิทยบริการและเทคโนโลยีสารสนเทศ

Address: ลำปาง

Email: lprulibrary1@gmail.com

Name: ชัยนันท์ธรณ์ ขาวงาม

Role: ประธานกรรมการที่ปรึกษา

Created: 2558

Modified: 2561-04-17

Issued: 2561-03-09

วิทยานิพนธ์/Thesis

application/pdf

tha

เชียงใหม่

DegreeName: รัฐประศาสนศาสตรมหาบัณฑิต

Level: ปริญญาโท

Descipline: การบริหารและพัฒนาประชาคมเมืองและชนบท

Grantor: มหาวิทยาลัยราชภัฏลำปาง

©copyrights มหาวิทยาลัยราชภัฏลำปาง

ลำดับที่.	ชื่อแฟ้มข้อมูล	ขนาดแฟ้มข้อมูล	จำนวนเข้าถึง	วัน-เวลาเข้าถึงล่าสุด
1	981Fulltex.pdf	6.03 MB	53	2025-03-07 11:07:31

ใช้เวลา

0.01941 วินาที