การพัฒนารูปแบบการจัดกิจกรรมเสริมสร้างพฤติกรรมสุขภาพของนักเรียนระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย

The development of an activity model for enhancing health behaviors of upper secondary school students

Name: กัญชลา อิงคะวณิช

keyword: ความเชื่อมั่นในตนเอง

ThaSH: กิจกรรมการเรียนการสอน -- การศึกษาขั้นมัธยมศึกษา

Classification :.DDC: 371.71

Abstract: การวิจัยมีวัตถุประสงค์เพื่อ.1).ศึกษาองค์ประกอบการพัฒนารูปแบบการจัดกิจกรรมเสริมสร้างพฤติกรรมสุขภาพของนักเรียนระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย.2) พัฒนารูปแบบการจัดกิจกรรมเสริมสร้างพฤติกรรมสุขภาพของนักเรียนระดับมัธยมศึกษาตอนปลายและ.3).ประเมินประสิทธิผลการพัฒนารูปแบบการจัดกิจกรรมเสริมสร้างพฤติกรรมสุขภาพของนักเรียนระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย มีขั้นตอนการศึกษาแบ่งออกได้เป็น 3.ระยะ คือ ระยะที่ 1 ศึกษาองค์ประกอบการพัฒนารูปแบบการจัดกิจกรรมเสริมสร้างพฤติกรรมสุขภาพของนักเรียนระดับมัธยมศึกษา ตอนปลาย โดยการวิเคราะห์และสังเคราะห์ข้อมูลจากเอกสารและงานวิจัยที่เกี่ยวข้อง เพื่อให้ผู้เชี่ยวชาญ 5 คน ตรวจสอบความสอดคล้องกับประเด็นที่ต้องการศึกษา และเก็บข้อมูลจากกลุ่มตัวอย่างที่เป็นนักเรียนระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย ในโรงเรียนที่สังกัดสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐานในภาคกลาง ในภาคเรียนที่.1.ปีการศึกษา 2557.จำนวน 1,200 คน ที่ใช้การกำหนดขนาดกลุ่มตัวอย่างตามหลักการวิเคราะห์รูปแบบสมการโครงสร้าง.แต่ละหน่วยของกลุ่มตัวอย่างได้มาโดยการสุ่มแบบหลายขั้นตอน เก็บข้อมูลด้วยเทคนิคบุ๊กเลทเมทริกซ์ โดยใช้แบบสอบถามแบบมาตราส่วนประมาณค่า 5 ระดับ มีค่าความเชื่อมั่นเท่ากับ 0.71.วิเคราะห์ข้อมูลด้วยสถิติพรรณนา ได้แก่ ค่าเฉลี่ย ค่าส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน ค่าความโด่ง ค่าความเบ้ และค่าความเชื่อมั่น และวิเคราะห์องค์ประกอบเชิงยืนยันแบบ 2 ระดับ ด้วยโปรแกรมลิสเรล รุ่น 9.10 รหัสเปิดใช้งาน 020F-B58B-0540-C126 ระยะที่ 2 การพัฒนารูปแบบการจัดกิจกรรมเสริมสร้างพฤติกรรมสุขภาพของนักเรียนระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย โดยนำผลการวิเคราะห์องค์ประกอบพฤติกรรมสุขภาพจากระยะที่ 1 เป็นหลักในการพัฒนา รวมทั้งการวิเคราะห์ สังเคราะห์แนวคิด ทฤษฎี หลักการและงานวิจัยที่เกี่ยวข้องกับการจัดกิจกรรมเสริมสร้างพฤติกรรมสุขภาพของนักเรียนระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย นำรูปแบบที่ได้ให้ผู้เชี่ยวชาญ 5 คน ประเมินเพื่อตรวจสอบความเหมาะสมของรูปแบบที่ผู้วิจัยได้พัฒนาขึ้น ระยะที่ 3 การนำรูปแบบที่ได้จากระยะที่ 2 ไปทดลองใช้กับนักเรียนที่ได้จากการสุ่มแบบหลายขั้นตอน.และใช้การสุ่มอย่างง่าย เพื่อเลือกโรงเรียนที่ใช้ในการศึกษา ได้โรงเรียนกาญจนาภิเษก วิทยาลัยสุพรรณบุรี ที่มีนักเรียนจำนวน 336 คน เครื่องมือที่ใช้ในการศึกษา ประกอบด้วย.1) แบบประเมินรูปแบบการจัดกิจกรรมเสริมสร้างพฤติกรรมสุขภาพการป้องกันโรค 2). แบบประเมินรูปแบบการจัดกิจกรรมเสริมสร้างพฤติกรรมสุขภาพด้านร่างกาย. 3) แบบประเมินรูปแบบการจัดกิจกรรมเสริมสร้างพฤติกรรมสุขภาพด้านจิตใจ 4) แบบประเมินรูปแบบการจัดกิจกรรมเสริมสร้างพฤติกรรมสุขภาพการปฐมพยาบาล 5).แบบประเมินรูปแบบการจัดกิจกรรมเสริมสร้างพฤติกรรมสุขภาพการรักษาพยาบาล 6).แบบประเมินรูปแบบการจัดกิจกรรมเสริมสร้างพฤติกรรมสุขภาพการฟื้นฟูสุขภาพ.วิเคราะห์ข้อมูลโดยใช้สถิติค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน.และใช้การทดสอบค่าที ผลการวิจัยพบว่า 1. องค์ประกอบการพัฒนารูปแบบการจัดกิจกรรมเสริมสร้างพฤติกรรมสุขภาพของนักเรียนระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย มี 6 องค์ประกอบ ได้แก่ 1) บุคลิกภาพ 2) เทคโนโลยี.3) ความเชื่อ 4) การปฏิบัติ 5) ทัศนคติ 6) ความรู้ โดยมีความตรงเชิงโครงสร้าง.จากการวิเคราะห์องค์ประกอบ และสอดคล้องกับข้อมูลเชิงประจักษ์.ซึ่งสามารถแสดงด้วยค่าดัชนีความสอดคล้อง.ประกอบด้วย ค่า c2 = 1593.57 ค่า df = 149, ค่า p-value = 0.00, ค่า RMSEA = 0.09, ค่า GFI = 0.90, ค่า AGFI = 0.81, ค่า CFI = 0.97, RMR = 0.12, และ CN = ค่า 145.51 2. การพัฒนารูปแบบการจัดกิจกรรมเสริมสร้างพฤติกรรมสุขภาพของนักเรียนระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย.ทั้ง 6 องค์ประกอบมีดังนี้.1).บุคลิกภาพ ได้แก่ ด้านร่างกาย.ด้านจิตใจ ด้านสติปัญญา.ด้านสังคม.2).เทคโนโลยี ได้แก่ การใช้เทคโนโลยีเกี่ยวกับสุขภาพทั่วไป.เทคโนโลยีเกี่ยวกับสุขภาพที่มีผลต่อสิ่งแวดล้อม.การตัดสินใจเลือกรับและใช้เทคโนโลยีทางสุขภาพ.3) ความเชื่อได้แก่ ความเชื่อแบบอำนาจเหนือธรรมชาติ.ความเชื่อแบบพื้นบ้าน.ความเชื่อแบบการแพทย์แผนตะวันตก.4) การปฏิบัติ ได้แก่.ความปลอดภัย ความอดทน ความมีวินัย ความรับผิดชอบ 5) ทัศนคติ ได้แก่ ทำนายพฤติกรรมสุขภาพ แนวทางป้องกันพฤติกรรมสุขภาพ แนวทางแก้ไขพฤติกรรมสุขภาพ กล่าวถึงสาเหตุและผลการเกิดพฤติกรรมสุขภาพ 6) ความรู้.ได้แก่การป้องกันโรค การส่งเสริมสุขภาพอนามัย.การรักษาพยาบาล.การฟื้นฟูสุขภาพ 3. ผลการใช้รูปแบบการจัดกิจกรรมเสริมสร้างพฤติกรรมสุขภาพของนักเรียน ระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย พบว่า หลังการทดลองนักเรียนมีความรู้เกี่ยวกับกิจกรรมเสริมสร้างพฤติกรรมสุขภาพ มีการปฏิบัติเกี่ยวกับกิจกรรมการเสริมสร้างพฤติกรรมสุขภาพ และมีทัศนคติเกี่ยวกับกิจกรรมเสริมสร้างพฤติกรรมสุขภาพสูงกว่าก่อนการทดลองอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ 0.05 และพบว่านักเรียนมีความพึงพอใจต่อรูปแบบการจัดกิจกรรมเสริมสร้างพฤติกรรมสุขภาพของนักเรียนระดับมัธยมศึกษาตอนปลายอยู่ในระดับมาก

Abstract: The research aimed to 1) study the components of the development of an activity model for enhancing health behaviors of upper secondary school students, 2) develop an activity model for enhancing health behaviors of upper secondary school students and 3) evaluate the effectiveness of the development of an activity model for enhancing health behaviors of upper secondary school students. The study was divided into 3 phases as follows: Phase 1: Study the components of the development of an activity by analyzing and synthesizing information from documents and related research. Then 5 experts examined the compliance of the issues to be studied. The sample was 1,200 upper secondary school students in the first semester of the academic year 2014 using structural equation model analysis. The sample was obtained by multi-stage random sampling. The data were collected by using booklet matrix sampling technique and a 5-level rating scale questionnaire with a reliability value of 0.71. The data were analyzed by using descriptive statistics including mean, standard deviation, skewness, kurtosis, and reliability value. The 2-level confirmatory factor analysis was done by using LISREL program version 9.10 with the activation code 020F - B58B-0540-C126. Phase 2: Develop the activity model for enhancing health behaviors of upper secondary school students by using the results of analysis from phase 1 and analyzed, Synthesized the concepts, theory principles and Literature. Then, the draftmodel was evaluated by 5 experts for searching the suitable model. Phase 3: Conduct a trial on the activity model for enhancing health behaviors from phase 2 with 336 students of anchanapisekwittayalai school, Suphanburi province using multi-stage random sampling and compare. The tools used were: 1) an evaluation form of activity model for enhancing health behaviors regarding disease prevention, 2) an evaluation form of activity model for enhancing health behaviors regarding physical health, 3) an evaluation form of activity model for enhancing health behaviors regarding mental health, 4) an evaluation form of activity model for enhancing health behaviors regarding first aid, 5) an evaluation form of activity model for enhancing health behaviors regarding health care, and 6) an evaluation form of activity model for enhancing health behaviors regarding rehabilitation. The data were analyzed by using mean, standard deviation and the t test. The results showed that: 1. The components of the development of an activity model for enhancing health behaviors of upper secondary school students consisted of 6elements: 1) Personality 2) Technology 3) Belief 4) Compliance 5) Attitude and 6) Knowledge. The result was consistent with the empirical data. The construct validity of the composition was examined by using the index of consistency and the values were as follows: c2= 1593.57, df = 149, p-value = 0.00, RMSEA = 0.09, GFI = 0.90, AGFI = 0.81, CFI = 0.97, RMR = 0.12, and CN = 145.51. 2. The development of an activity model for enhancing health behaviors of upper secondary school students consisted of 6 elements: 1) Personality, including physical, psychological, intellectual, and social 2) Technology, including the use of technology on health in general and those that have environmental consequences, the decision to use the technology on health care 3) Beliefs, including the belief in supernatural powers, traditional beliefs, and faith in Western medicine 4) Compliance, including the safety, tolerance, discipline, and responsibility 5) Attitudes, including predicting health behaviors, preventive guidelines for health behaviors, solution guidelines for health behaviors that discuss on the causes and effects of such behaviors 6) Knowledge, including prevention of disease, health promotion, treatment, and rehabilitation. 3. The results after applying an activity model for enhancing health behaviors of upper secondary school students showed that knowledge, practicing and attitude about enhancing health behaviors that the post-trial results were higher than before-trial with statistically significant at 0.05. It was also found that the satisfaction level of the students toward the activity model for enhancing health behaviors was at a high level.

มหาวิทยาลัยราชภัฏวไลยอลงกรณ์ ในพระบรมราชูปถัมภ์. สำนักวิทยบริการและเทคโนโลยีสารสนเทศ

Address: ปทุมธานี

Email: arit@vru.ac.th

Name: บุญเรือง ศรีเหรัญ.

Role: ประธานที่ปรึกษาวิทยานิพนธ์.

Created: 2560

Modified: 2560-09-25

Issued: 2560-09-25

วิทยานิพนธ์/Thesis

application/pdf

CallNumber: วพ 371.71 ก382ก 2558

tha

©copyrights มหาวิทยาลัยราชภัฏวไลยอลงกรณ์ฯ

ลำดับที่.	ชื่อแฟ้มข้อมูล	ขนาดแฟ้มข้อมูล	จำนวนเข้าถึง	วัน-เวลาเข้าถึงล่าสุด
1	8590126.pdf	11.94 MB	133	2025-09-18 17:05:13

ใช้เวลา

0.01825 วินาที