แจ้งเอกสารไม่ครบถ้วน, ไม่ตรงกับชื่อเรื่อง หรือมีข้อผิดพลาดเกี่ยวกับเอกสาร ติดต่อที่นี่ ==>
หากไม่มีอีเมลผู้รับให้กรอก thailis-noc@uni.net.th
หากไม่มีอีเมลผู้รับให้กรอก thailis-noc@uni.net.th
ประพิมพ์พงศ์ วัฒนะรัตน์. การพัฒนารูปแบบการบริหารการตอบสนองต่อการช่วยเหลือนักเรียนที่มีปัญหาทางการเรียนในระดับปฐมวัยและในระดับประถมศึกษา. ปริญญาเอก(สาขาวิชาการบริหารการศึกษาพิเศษ). มหาวิทยาลัยสวนดุสิต. สำนักวิทยบริการและเทคโนโลยีสารสนเทศ. : มหาวิทยาลัยราชภัฏสวนดุสิต, 2017.
การพัฒนารูปแบบการบริหารการตอบสนองต่อการช่วยเหลือนักเรียนที่มีปัญหาทางการเรียนในระดับปฐมวัยและในระดับประถมศึกษา
An Administrative Model for the Implementation of Response to Intervention for Students with Academic Problems in Early Childhood and Elementary level
Name: ประพิมพ์พงศ์ วัฒนะรัตน์
ThaSH:
เด็กที่มีปัญหาการเรียนรู้
ThaSH:
ประถมศึกษา
-- การเรียน
Abstract:
การวิจัยเรื่องการพัฒนารูปแบบการบริหารการตอบสนองต่อการช่วยเหลือนักเรียนที่มีปัญหาทางการเรียนในระดับปฐมวัยและในระดับประถมศึกษา เป็นการวิจัยและพัฒนา (Research and Development) มีวัตถุประสงค์ของการวิจัย คือ 1) เพื่อศึกษาสภาพการให้ความช่วยเหลือนักเรียนที่มีปัญหาทางการเรียนในระดับปฐมวัยและในระดับประถมศึกษา 2) เพื่อสร้างรูปแบบการบริหารการตอบสนองต่อการช่วยเหลือนักเรียนที่มีปัญหาทางการเรียนในระดับปฐมวัยและในระดับประถมศึกษา 3) เพื่อทดลองใช้รูปแบบการบริหารการตอบสนองต่อการช่วยเหลือนักเรียนที่มีปัญหาทางการเรียนในระดับปฐมวัยและในระดับประถมศึกษา 4) เพื่อตรวจสอบความเหมาะสมของรูปแบบการบริหารการตอบสนองต่อการช่วยเหลือนักเรียนที่มีปัญหาทางการเรียนในระดับปฐมวัยและในระดับประถมศึกษา
ในการวิจัยครั้งนี้ แบ่งเป็น 2 ขั้นตอน คือ
ขั้นตอนที่ 1 การศึกษาสภาพการช่วยเหลือนักเรียนที่มีปัญหาทางการเรียนในระดับปฐมวัยและในระดับประถมศึกษา
กลุ่มตัวอย่าง เป็นผู้บริหารโรงเรียน สังกัดสำนักงานคณะกรรมการศึกษาขั้นพื้นฐาน สังกัดสำนักงานบริหารคณะกรรมการส่งเสริมการศึกษาเอกชน สังกัดองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น จำนวน 290 คน และครูผู้สอนในระดับปฐมวัยและครูผู้สอนวิชาภาษาไทยในโรงเรียนระดับประถมศึกษา จำนวน 285 คน โดยใช้วิธีสุ่มตัวอย่างแบบหลายขั้นตอน (Multi-Stage Random Sampling) เครื่องมือที่ใช้ในการรวบรวมข้อมูลสำหรับผู้บริหารเป็นแบบสอบถามสภาพการให้ความช่วยเหลือนักเรียนที่มีปัญหาทางการเรียนในระดับปฐมวัยและในระดับประถมศึกษาและแบบสอบถามของผู้บริหารที่มีต่อกระบวนการให้ความช่วยเหลือแบบการตอบสนองต่อการช่วยเหลือนักเรียนที่มีปัญหาทางการเรียนด้านการอ่าน มีค่าความเชื่อมั่น (Reliability) 0.82 แบบสอบถามความคิดเห็นของครูผู้สอนต่อการช่วยเหลือนักเรียนที่มีปัญหาทางการเรียนด้านการอ่าน มีค่าความเชื่อมั่น (Reliability) 0.83 และวิเคราะห์ข้อมูล โดยหาค่าร้อยละ ค่าเฉลี่ย (X ̅) ค่าส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน (S.D.) และค่าความเชื่อมั่น ผลการศึกษา พบว่า
1. ผู้บริหารส่วนใหญ่ตอบว่าไม่ปฏิบัติในการช่วยเหลือนักเรียนที่มีปัญหาทางการเรียนด้านการอ่าน เกินร้อยละ 50
2. ผู้บริหารมีความคิดเห็นต่อกระบวนการให้ความช่วยเหลือแบบการตอบสนองต่อการช่วยเหลือนักเรียนที่มีปัญหาทางการเรียนด้านการอ่าน (RTI) โดยภาพรวมอยู่ในระดับเห็นด้วยมาก
3. ครูผู้สอนมีความคิดเห็นต่อการช่วยเหลือนักเรียนที่มีปัญหาทางการเรียนด้านการอ่าน โดยภาพรวมอยู่ในระดับปานกลาง
ขั้นตอนที่ 2 การพัฒนารูปแบบการบริหารการตอบสนองต่อการช่วยเหลือนักเรียนที่มีปัญหาทางการเรียนในระดับปฐมวัยและในระดับประถมศึกษา ได้แก่
1. การสร้างรูปแบบการบริหารการตอบสนองต่อการช่วยเหลือนักเรียนที่มีปัญหาทางการเรียนในระดับปฐมวัยและในระดับประถมศึกษา ได้จากการศึกษาสภาพการช่วยเหลือนักเรียนที่มีปัญหาทางการเรียนในระดับปฐมวัยและในระดับประถมศึกษา การสัมภาษณ์ผู้เชี่ยวชาญ ศึกษาจากเอกสารและงานวิจัย และนำรูปแบบฉบับร่างไปทดลองใช้
2. การทดลองใช้รูปแบบการตอบสนองต่อการช่วยเหลือนักเรียนที่มีปัญหาทางการเรียนในระดับปฐมวัยและในระดับประถมศึกษา
กลุ่มตัวอย่างที่ศึกษา ได้แก่ ผู้บริหารและครูจำนวน 22 คน และนักเรียนโรงเรียนเทศบาล 4 วัดศรีบัวบานจำนวน 334 คน ผลการศึกษาพบว่า
2.1 ด้านกระบวนการบริหารการตอบสนองต่อการช่วยเหลือนักเรียนที่มีปัญหาทางการเรียนด้านการอ่าน ผู้บริหารได้ดำเนินงานตามแผนที่ใช้วงจรเดมมิ่งในการบริหารงาน ประกอบด้วย (1) วางแผนด้านบุคลากร (2) วางแผนด้านงบประมาณ (3) วางแผนด้านการเรียนการสอน (4) วางแผนด้านระยะเวลา (5) วางแผนการนิเทศติดตามการปฏิบัติงานของครู
2.2 ด้านกระบวนการปฏิบัติการเพื่อช่วยเหลือนักเรียนที่มีปัญหาทางการเรียนด้านการอ่าน ซึ่งประกอบด้วย (1) การสร้างเครื่องมือด้านการอ่าน (2) การคัดกรองครั้งที่ 1-ครั้งที่ 3 (3) การช่วยเหลือในระยะที่ 1 (Tier 1) (4) การช่วยเหลือในระยะที่ 2 (Tier 2) (5) การช่วยเหลือระยะที่ 3 (Tier 3) โดยการช่วยเหลือตามรูปแบบ RTI จำนวนนักเรียนทั้งหมด 334 คน พบว่านักเรียนมีการตอบสนองต่อการช่วยเหลือในแต่ละระยะ ซึ่งสัดส่วนของนักเรียนที่ตอบสนองต่อการช่วยเหลือในระยะที่ 1 (Tier 1) ระยะที่ 2 (Tier 2) ระยะที่ 3 (Tier 3) ของนักเรียนระดับชั้นอนุบาล 1 ชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 โรงเรียนเทศบาล 4 วัดศรีบัวบาน เท่ากับ ร้อยละ 89.52 ร้อยละ 8.98 และร้อยละ 1.50
3. การตรวจความเหมาะสมของรูปแบบการตอบสนองต่อการช่วยเหลือนักเรียนที่มีปัญหาทางการเรียนในระดับปฐมวัยและในระดับประถมศึกษาที่ผ่านการตรวจสอบความเหมาะสมได้รูปแบบที่ประกอบด้วย
3.1 ส่วนนำ กล่าวถึง ความเป็นมา วัตถุประสงค์ แนวคิดทฤษฎี และเงื่อนไขของรูปแบบ
3.2 การบริหารงานวิชาการ ประกอบด้วย การวางแผน (Plan) แบ่งเป็น 4 ด้าน คือ 1) วางแผนด้านบุคลากร (2) วางแผนด้านการเรียนการสอน (3) วางแผนด้านงบประมาณ (4) วางแผนด้านเครื่องมือวัดและประเมินผล การดำเนินการ (Do) แบ่งเป็น 2 กระบวนการ คือ 1) กระบวนการบริหารเพื่อช่วยเหลือนักเรียนที่มีปัญหาทางการเรียนด้านการอ่านที่ใช้วงจรเดมมิ่ง 2) กระบวนการปฏิบัติการเพื่อช่วยเหลือนักเรียนที่มีปัญหาทางการเรียนด้านการอ่าน ประกอบด้วยการสร้างเครื่องมือการอ่าน การคัดกรองด้านการอ่านครั้งที่ 1-ครั้งที่ 3 การช่วยเหลือในระยะที่ 1 (Tier 1) การช่วยเหลือในระยะที่ 2 (Tier 2) และการช่วยเหลือในระยะที่ 3 (Tier 3)
3.3 การตรวจสอบ (Check) เป็นขั้นตอนการตรวจสอบกระบวนการบริหารเพื่อช่วยเหลือนักเรียนที่มีปัญหาทางการเรียนด้านการอ่านตามวงจรเดมมิ่ง และตรวจสอบกระบวนการปฏิบัติการเพื่อช่วยเหลือนักเรียนที่มีปัญหาทางการเรียนด้านการอ่านซึ่งจะทำการตรวจสอบเป็นระยะๆ
3.4 การทบทวนผลการดำเนินการ (Act) เป็นการทบทวนการดำเนินการกระบวนการบริหารเพื่อช่วยเหลือนักเรียนที่มีปัญหาทางการเรียนด้านการอ่านกระบวนการปฏิบัติการเพื่อช่วยเหลือนักเรียนที่มีปัญหาทางการเรียนด้านการอ่านตามวงจรเดมมิ่งหลังจากได้ดำเนินการเสร็จสิ้นแล้ว
This doctoral dissertation entitled "An Administrative Model for the Implementation of Response to Intervention for Students with Academic Problems in Early Childhood and Elementary level" was carried out by using the research and development approach. Its main objectives included (1) investigating the existing assistance provided to the students with academic problems in early childhood and elementary levels, (2) developing an effective administrative model responding to such assistance, (3) testing the proposed model, and (4) assessing the effectiveness of model.
In conducting this research, there were two main stages.
The first stage was to investigate the existing assistance provided to the students with academic problems in early childhood and elementary levels. The sample consisted of 290 administrators of schools under the Office of the Basic Education Commission, Thailand, the Office of Private Education Commissions, and local Administration Organization as well as 285 elementary school's teachers and Thai language teachers. These sample was selected by using the multi-stage random sampling method. A survey questionnaire was used as the major data collection technique in this research. School administrators were asked about the forms and conditions of existing assistance provided to the students with academic problems in early childhood and elementary levels as well as their opinions on the procedures of the Response to Intervention (RTI} for students with academic problems. The reliability of the measurement was accounted for 0.82. Meanwhile, the teachers were asked about their perspectives towards the assistance provided to students with study and/or reading problems. The reliability was accounted for 0.83. The researcher analyzed the data by calculating the percentage, mean, standard deviation (S.O.) and reliability. The study results showed that:
1. More than 50% of school administrators revealed that they did not provide any assistance to students with study and/or reading problems.
2. Overall, the majority of school administrators strongly agreed on implementing the Response to Intervention (RTI) technique to assist students with academic problems.
3. School teachers moderately agreed on providing assistance to students with study and/or reading problems.
The second stage was to develop an effective administrative model for the Implementation of the RTI for students with academic problems in early childhood and elementary level. To achieve this, the researchers undertook the following important steps.
1. Creating an administrative model for the implementation of RTI for students with academic problems by studying the forms and conditions of assistance provided to students with academic problems, interviewing a group of experts, and gathering secondary data from academic papers and previous research studies.
2. Testing the proposed administrative model among the selective sample of 22 school administrators and teachers and 334 students from Wat Sri Bua Ban Municipality School. The results showed that:
2.1 In their administrative procedure that aims to assist students with learning and/or reading problems, the administrators operated by following the "Deming Cycle" principle. Important administrative work includes formulating (1) personnel management plan. (2) financial management plan. (3) lesson plan. (4) time management plan, and (5) teaching assessment plan.
2.2 In the operation procedure that aimed to assist students with learning and/or reading problems, important activities included (1) creating a set of reading materials and tools. (2) organizing 3 screening events, (3) providing the first stage of assistance to students (Tier 1), (4) providing the second stage of assistance to students (Tier 2), and (5) providing the third stage of assistance to students (Tier 3). The assistance was in the form of RTI. The results showed that 334 students responded differently to the RTI assistance provided in each stage. The percentage of students (Kindergarten 1-Grade 4) who responded to the RTI assistance during stage 1 (Tier 1), stage 2 (Tier 2), and stage 3 (Tier 3) was 89.52 percent, 8.98 percent and 1.50 percent respectively.
3. Monitoring the proposed administrative model for the implementation of RTI for students with academic problems in early childhood and elementary level. The appropriate model should consist of:
3.1 An Introduction. This section covered background information, objectives, theoretical framework, and conditions of the model.
3.2 Academic administration. This part requires 2 main components: plan and action (do). What needed to be done in planning process include (1) personnel management plan, (2) lesson plan, (3) financial management plan, and (4) measurement and teaching assessment plan. For the part of action (do), two important procedures are (1) the administrative procedure that aimed to assist students with learning and/or reading problems by following the "Deming Cycle" principle, and (2) the operation procedure that consists of creating reading materials and tools, organizing multiple screening events, and providing RTI assistance in various stages (in this case Tier 1-3).
3.3 Check. This referred to the checking of both administrative and operation procedures described above. The checking process should be carried out sporadically.
Assessing the results of administrative procedure, operation procedure, and a series of RTI assistance activities provided to students with academic problems after their completion.
มหาวิทยาลัยสวนดุสิต. สำนักวิทยบริการและเทคโนโลยีสารสนเทศ
Address:
กรุงเทพมหานคร
Email:
srinakorn_pan@dusit.ac.th
Name: สุวิมล อุดมพิริยะศักย์
Role:
อาจารย์ที่ปรึกษา
Created:
2017
Modified:
2560-03-29
Issued:
2014
Issued:
2560-03-29
วิทยานิพนธ์/Thesis
application/pdf
CallNumber:
ดพ LC4706.T5 \b ป327 ก6 2557
tha
DegreeName: ศึกษาศาสตรดุษฎีบัณฑิต
Level: ปริญญาเอก
Descipline: สาขาวิชาการบริหารการศึกษาพิเศษ
Grantor: มหาวิทยาลัยราชภัฏสวนดุสิต
©copyrights มหาวิทยาลัยสวนดุสิต
RightsAccess:
ใช้เวลา
0.033302 วินาที
ประพิมพ์พงศ์ วัฒนะรัตน์
| Title | Contributor | Type |
|---|---|---|
| การพัฒนารูปแบบการบริหารการตอบสนองต่อการช่วยเหลือนักเรียนที่มีปัญหาทางการเรียนในระดับปฐมวัยและในระดับประถมศึกษา
มหาวิทยาลัยสวนดุสิต ประพิมพ์พงศ์ วัฒนะรัตน์ | สุวิมล อุดมพิริยะศักย์ | วิทยานิพนธ์/Thesis |
สุวิมล อุดมพิริยะศักย์
| Title | Creator | Type and Date Create |
|---|---|---|
| ทรรศนะของครูผู้สอนที่มีต่อการจัดการเรียนร่วมในโรงเรียนสาธิตละอออุทิศ มหาวิทยาลัยราชภัฏสวนดุสิต
มหาวิทยาลัยสวนดุสิต สุวิมล อุดมพิริยะศักย์ | นารีนาถ บุญสา | วิทยานิพนธ์/Thesis |
| การพัฒนารูปแบบการบริหารการตอบสนองต่อการช่วยเหลือนักเรียนที่มีปัญหาทางการเรียนในระดับปฐมวัยและในระดับประถมศึกษา
มหาวิทยาลัยสวนดุสิต สุวิมล อุดมพิริยะศักย์ | ประพิมพ์พงศ์ วัฒนะรัตน์ | วิทยานิพนธ์/Thesis |
| การพัฒนารูปแบบการจัดการเรียนรวมแบบคละชั้นที่มีเด็กที่มีความต้องการพิเศษในโรงเรียนประถมศึกษา
มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ ผดุง อารยะวิญญู;ไพฑูรย์ โพธิสาร;สุวิมล อุดมพิริยะศักย์ | กิ่งเพชร ส่งเสริม | วิทยานิพนธ์/Thesis |