Title
การศึกษาประสิทธิภาพการบำบัดน้ำเสียแบบไร้อากาศด้วยระบบหมุนเวียนภายในของอุตสาหกรรมผลิตเครื่องดื่ม : กรณีศึกษาบริษัท เบียร์ทิพย์ บริวเวอรี่ (1991) จำกัด
Title Alternative
A study on the efficiency of anaerobic wastewater treatment by internal circulation (IC) in beverage industry: a case study of the Beerthip Brewery (1991) Company Limited
Organization :
มหาวิทยาลัยราชภัฏสวนสุนันทา
Description
Abstract:
งานวิจัยนี้เป็นการศึกษาประสิทธิภาพในการบำบัดน้ำเสียแบบไร้อากาศชนิดหมุนเวียนภายในของบริษัท เบียร์ทิพย์ บริวเวอรี่ (1991) จำกัด ซึ่งมีวัตถุประสงค์ 2 ประการ คือ เพื่อทดสอบประสิทธิภาพของระบบบำบัดน้ำเสียแบบไร้อากาศชนิดหมุนเวียนภายในกับเกณฑ์การออกแบบระบบ และเพื่อศึกษาประสิทธิภาพในการบำบัดน้ำเสียและประสิทธิภาพของการผลิตก๊าซชีวภาพที่อัตราการเกิดก๊าซจำเพาะของระบบบำบัดน้ำเสียแบบไร้อากาศชนิดหมุนเวียนภายใน โดยกำหนด ให้ปริมาณน้ำเสียป้อนเข้าระบบแบ่งเป็น 3 ระดับ คือ 250, 300 และ 350 ลูกบาศก์เมตรต่อชั่วโมง และในแต่ละระดับกำหนดค่าความเข้มข้นออกเป็น 4 ช่วง คือ 1,500-3,000, 3,001-4,500, 4,501-6,000 และ 6,001-7,500 มิลลิกรัมต่อลิตร ตามลำดับ ทั้งนี้เพื่อเปรียบเทียบว่าปริมาณน้ำเสียป้อนเข้าระบบที่ระดับใดและค่าความเข้มข้นช่วงใด จะทำให้ระบบบำบัดน้ำเสียแบบไร้อากาศชนิดหมุนเวียนภายในมีประสิทธิภาพในการกำจัดความเข้มข้นทั้งหมด รวมทั้งประสิทธิภาพในการผลิตก๊าซชีวภาพที่อัตราการเกิดก๊าซจำเพาะดีที่สุด
ผลจากการวิจัยพบว่า 1. ในการทดสอบประสิทธิภาพของระบบบำบัดน้ำเสียฯ ซึ่งมีปริมาณน้ำเสียป้อนเข้าระบบ 350 ลูกบาศก์เมตรต่อชั่วโมง พบว่า ประสิทธิภาพในการลดความเข้มข้น (ซีโอดี) ทั้งหมดมีค่าเฉลี่ยร้อยละ 67.8 ซึ่งต่ำกว่าเกณฑ์การออกแบบระบบที่กำหนดไว้ร้อยละ 70.0 คิดเป็นอัตราร้อยละ 3.14 ส่วนประสิทธิภาพของระบบในการผลิตก๊าซชีวภาพที่อัตราการเกิดก๊าซจำเพาะมีค่าเฉลี่ยเท่ากับ 0.29 ลูกบาศก์เมตรต่อกิโลกรัมซีโอดีในน้ำเสียที่ถูกกำจัด ซึ่งพบว่า มีค่าต่ำกว่าเกณฑ์การออกแบบระบบที่กำหนดไว้ 0.30 ลูกบาศก์เมตรต่อกิโลกรัมซีโอดีในน้ำเสียที่ถูกกำจัดเช่นเดียวกัน โดยคิดเป็นอัตราร้อยละ 3.33 2. ในการศึกษาประสิทธิภาพการบำบัดน้ำเสียและประสิทธิภาพของการผลิตก๊าซชีวภาพที่อัตราการเกิดก๊าซจำเพาะ พบว่า ระบบบำบัดน้ำเสียฯ มีประสิทธิภาพในการลดความเข้มข้น (ซีโอดี) ทั้งหมดคิดเป็นค่าเฉลี่ยร้อยละ 68.2, 77.0 และ 67.4 ที่ปริมาณน้ำเสียป้อนเข้าระบบ 250, 300 และ 350 ลูกบาศก์เมตรต่อชั่วโมง ตามลำดับ และมีประสิทธิภาพของการผลิตก๊าซชีวภาพที่อัตราการเกิดก๊าซจำเพาะคิดเป็นค่าเฉลี่ยเท่ากับ 0.28, 0.31 และ 0.31 ลูกบาศก์เมตรต่อกิโลกรัมซีโอดีในน้ำเสียที่ถูกกำจัดที่ปริมาณน้ำเสียป้อนเข้าระบบ 250, 300 และ 350 ลูกบาศก์เมตรต่อชั่วโมง ตามลำดับ ซึ่งสรุปได้ว่าการป้อนน้ำเสียเข้าระบบ 300 ลูกบาศก์เมตรต่อชั่วโมง จะทำให้มีประสิทธิภาพในการบำบัดน้ำเสียและประสิทธิภาพของการผลิตก๊าซชีวภาพที่อัตราการเกิดก๊าซจำเพาะสูงที่สุด อย่างไรก็ตาม เมื่อแบ่งความเข้มข้นของน้ำเสียออกเป็น 4 ช่วงในแต่ละระดับของน้ำที่ป้อนเข้าสู่ระบบแล้ว พบว่า ปริมาณน้ำเสียเข้าระบบ 300 ลูกบาศก์เมตรต่อชั่วโมง ที่ช่วงความเข้มข้น 1,500-3,000 มิลลิกรัมต่อลิตร จะทำให้ประสิทธิภาพในการบำบัดน้ำเสียและประสิทธิภาพของการผลิตก๊าซชีวภาพที่อัตราการเกิดก๊าซจำเพาะของระบบสูงที่สุด กล่าวคือ ประสิทธิภาพในการลดความเข้มข้น (ซีโอดี) ทั้งหมดมีค่าเฉลี่ยร้อยละ 82.4 ซึ่งสูงกว่าเกณฑ์การออกแบบระบบที่กำหนดไว้ร้อยละ 70.0 คิดเป็นอัตราร้อยละ 17.7 และประสิทธิภาพในการผลิตก๊าซชีวภาพที่อัตราการเกิดก๊าซจำเพาะมีค่าเฉลี่ยเท่ากับ 0.34 ซึ่งสูงกว่าเกณฑ์การออกแบบระบบที่กำหนดไว้ 0.30 ลูกบาศก์เมตรต่อกิโลกรัมซีโอดีในน้ำเสียที่ถูกกำจัด คิดเป็นอัตราร้อยละ 13.30
Publisher
Suan Sunandha Rajabhat University
Email:
library@ssru.ac.th
Source
CallNumber:
ว.พ 628.1683072 ส284ก
Rights
©copyrights มหาวิทยาลัยราชภัฏสวนสุนันทา