แจ้งเอกสารไม่ครบถ้วน, ไม่ตรงกับชื่อเรื่อง หรือมีข้อผิดพลาดเกี่ยวกับเอกสาร ติดต่อที่นี่ ==>
หากไม่มีอีเมลผู้รับให้กรอก thailis-noc@uni.net.th ติดต่อเจ้าหน้าที่เจ้าของเอกสาร กรณีเอกสารไม่ครบหรือไม่ตรง

การศึกษาเปรียบเทียบประสิทธิผลของเลเซอร์เออเบียมกลาสแบบแบ่งส่วนกับคลื่นความถี่วิทยุแบบแบ่งส่วนชนิดมีเข็มในการรักษารอยแตกลายสีขาว
Comparative study of the efficacy of fractional erbium glass laser and fractional radiofrequency microneedle in treatment of striae alba

Organization : มหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง

keyword: การรักษารอยแตกลาย
ThaSH: แสงเลเซอร์ทางการแพทย์ -- ไทย
Classification :.LCCS: WO511
ThaSH: แสงเลเซอร์
ThaSH: ผิวหนัง -- การรักษาด้วยรังสี
ThaSH: ผิวแตกลาย -- การรักษา
Abstract: รอยแตกลายสีขาวเป็นความผิดปกติที่มีลักษณะคล้ายแผลเป็นในชั้นหนังแท้ ร่วมกับมีการบางลงของชั้นหนังกำพร้า ทำให้ผิวหนังมีลักษณะเป็นริ้ว ๆ แนวยาว ไม่เรียบเนียน พบได้บ่อย รักษาได้ยาก และมักส่งผลกระทบทางด้านจิตใจของผู้ป่วยในแง่ความสวยงามได้ จากงานวิจัยก่อนหน้านี้พบว่าเลเซอร์เออเบียมกลาสแบบแบ่งส่วนเป็นวิธีที่มีประสิทธิภาพมากและปลอดภัยในการรักษารอยแตกลายสีขาว ปัจจุบันมีเทคโนโลยีใหม่ คือ คลื่นความถี่วิทยุแบบแบ่งส่วนชนิดมีเข็มที่สามารถนำมาใช้รักษารอยแตกลายอย่างได้ผลเช่นกัน มีหลักการทำงานโดยการส่งพลังงานลงชั้นผิวหนังแท้โดยตรง ทำให้มีการทำลายเนื้อเยื่อชั้นบนน้อยกว่าและเกิดผลข้างเคียงน้อยกว่า แต่ยังไม่มีการศึกษาเปรียบเทียบเลเซอร์เออเบียมกลาสแบบแบ่งส่วนและคลื่นความถี่วิทยุแบบแบ่งส่วนชนิดมีเข็มในการรักษารอยแตกลายสีขาว การศึกษานี้จึงทำเพื่อเปรียบเทียบการรักษารอยแตกลายสีขาวระหว่างการใช้เลเซอร์เออเบียมกลาสแบบแบ่งส่วนและคลื่นความถี่วิทยุแบบแบ่งส่วนชนิดมีเข็ม วัตถุประสงค์ เพื่อเปรียบเทียบประสิทธิผลและผลข้างเคียงของเลเซอร์เออร์เบียมกลาสแบบแบ่งส่วนกับคลื่นความถี่วิทยุแบบแบ่งส่วนชนิดมีเข็มในการรักษารอยแตกลายสีขาว วิธีการศึกษา อาสาสมัครเพศชายและหญิง อายุ 18-50 ปี ที่ได้รับการวินิจฉัยว่าเป็นรอยแตกลายสีขาว ตำแหน่งบริเวณหน้าท้อง ก้น สะโพก และต้นขา และมีรอยโรคทั้งข้างขวาและซ้าย จำนวน 20 คน ทุกคนจะได้รับการรักษาทั้งสองวิธีโดยการสุ่มเลือกว่ารอยโรคข้างใดจะได้รับการรักษาด้วยวิธีใด ซึ่งใช้วิธีสุ่มโดยคอมพิวเตอร์และแพทย์ที่ไม่เกี่ยวข้องกับงานวิจัย จากนั้นให้อาสาสมัครทุกคนได้รับการรักษารอยแตกลายตามวิธีที่สุ่มเลือกได้ด้วยการใช้เลเซอร์เออร์เบียมกลาสแบบแบ่งส่วนและคลื่นความถี่วิทยุแบบแบ่งส่วนชนิดมีเข็ม จำนวนทั้งหมดสามครั้ง ห่างกันทุก 4 สัปดาห์ โดยมีการติดตามและประเมินผลการรักษาด้วยการวัดขนาดของรอยแตกลายด้วยคาลิเปอร์ วัดความยืดหยุ่นของผิวหนังบริเวณรอยแตกลายด้วยเครื่อง Cutometer® MPA 580 และวัดความเรียบเนียนของรอย แตกลายด้วยเครื่อง Visioscan® VC 98 ก่อนการรักษาและในสัปดาห์ที่ 4, 8 และ 12 การถ่ายภาพรอยแตกลายด้วยกล้องดิจิตอลทั้งก่อนและหลังการรักษาในสัปดาห์ที่ 12 และบันทึกความพึงพอใจของอาสาสมัครในสัปดาห์ที่ 12 รวมทั้งผลข้างเคียงในทุกครั้งที่มารักษาทำการรักษา ผลการศึกษา ผู้เข้าร่วมวิจัย 20 คนเข้าร่วมจนจบโครงการ พบว่า ผลการรักษาด้วยเลเซอร์เออเบียมกลาสแบบแบ่งส่วนและคลื่นความถี่วิทยุแบบแบ่งส่วนชนิดมีเข็ม ทำให้ความกว้างของรอยแตกลายสีขาวลดลงอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติในสัปดาห์ที่ 8 และ 12 เมื่อเทียบกับก่อนการรักษา นอกจากนี้ด้านที่รักษาด้วยเลเซอร์เออเบียมกลาสแบบแบ่งส่วนยังมีความยืดหยุ่นของรอยแตกลายเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติในสัปดาห์ที่ 12 ส่วนความเรียบเนียนของรอยแตกลายสีขาวเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติทั้งสองกลุ่มตั้งแต่สัปดาห์ที่ 4, 8 และ 12 เมื่อเทียบกับก่อนการรักษา เมื่อประเมินด้วยภาพถ่ายโดยแพทย์ผู้ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องในงานวิจัยสองคน พบว่า ร้อยละ 80 และ ร้อยละ 85 ของด้านที่รักษาด้วยเลเซอร์เออเบียมกลาสแบบแบ่งส่วนและคลื่นความถี่วิทยุแบบแบ่งส่วนชนิดมีเข็มตามลำดับ มีลักษณะทางคลินิกของรอยแตกลายสีขาวดีขึ้นมากกว่าร้อยละ 25 เมื่อเทียบกับก่อนการรักษา แต่ไม่มีความแตกต่างอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติของทั้งสองกลุ่ม สำหรับความพึงพอใจของทั้งสองวิธี ร้อยละ 60 อยู่ในระดับพอใจมากถึงพอใจมากที่สุด โดยคลื่นความถี่วิทยุแบบแบ่งส่วนชนิดมีเข็มมีผลข้างเคียงน้อยกว่า สรุป คลื่นความถี่วิทยุแบบแบ่งส่วนชนิดมีเข็ม มีประสิทธิผลและความปลอดภัยในการรักษารอยแตกลายสีขาวได้ผลใกล้เคียงกับเลเซอร์เออเบียมกลาสแบบแบ่งส่วน โดยคลื่นความถี่วิทยุแบบแบ่งส่วนชนิดมีเข็มมีผลข้างเคียงน้อยกว่า
Abstract: Background: Several studies have demonstrated that fractional Er:Glass laser is effective and safe in treatment of striae alba. A new technology fractional radiofrequency microneedle (FRM) is minimally invasive that its principle is penetration of RF to deeper thermal energy with minimal cutaneous burns, stimulating the production of new collagen and elastin. Until now, there is only one study of FRM device for treatment of striae distensae and no comparative study of these two modalities has been conducted in terms of safety and efficacy. Objective: To compare efficacy and safety of fractional Er:Glass laser and FRM in treatment of striae alba Materials and Methods: Twenty volunteers with striae alba at both sides of abdomen, or buttock, or hip, or thigh were enrolled. All volunteers were received three treatments every 4 weeks. Each volunteer was randomly received both fractional Er:Glass laser and FRM treatment on both sides of the body (right and left). Clinical improvement in the appearance of striae alba was evaluated by two independent physicians at 4-week after the last treatment, using digital camera-photographs. Width, elasticity and surface smoothness of striae alba were measured by caliper, cutometer® MPA 580 and visioscan® VC 98, respectively. Side effects and volunteers’ satisfaction were assessed by questionnaires. Results: Twenty volunteers completed the study. Both sides had statistical significance in reduction of width and increasing in surface smoothness of striae alba, comparing baseline to the last follow-up. Global improvement scale showed no statistically significant difference between two groups. 80% and 85% of the subjects in fractional Er:Glass and FRM treatment respectively had better than 25% clinical improvement. Satisfaction score also showed no significant difference in both groups. FRM showed less side effects and shorter downtime than fractional Er:Glass laser. Conclusions: Fractional radiofrequency microneedle was equally effective and safe to fractional Er:Glass laser in clinical improvement of striae alba. Satisfaction of outcomes showed no significantly difference between both treatments, and FRM had less side effects and shorter downtime. In conclusion, FRM appears to be a promising alternative for the treatment of striae alba.
มหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง. ศูนย์บรรณสารและสื่อการศึกษา
Address: เชียงราย
Email: library@mfu.ac.th
Role: อาจารย์ที่ปรึกษา
Created: 2558
Issued: 2016
Modified: 2020-04-20
Issued: 2559-11-14
วิทยานิพนธ์/Thesis
application/pdf
CallNumber: วพ. WO511 ป317ก 2558
tha
©copyrights มหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง
RightsAccess:
ลำดับที่.ชื่อแฟ้มข้อมูล ขนาดแฟ้มข้อมูลจำนวนเข้าถึง วัน-เวลาเข้าถึงล่าสุด
1 Prapat Silawanna.pdf 3.09 MB22 2025-09-15 23:32:08
ใช้เวลา
0.029292 วินาที

Prapat Silawanna
Title Contributor Type
วิภาเพ็ญ โชคดีสัมฤทธิ์
Title Creator Type and Date Create
การศึกษาแบบสุ่มแบ่งครึ่งหน้าเพื่อทดสอบประสิทธิผลของสารสกัดขี้ผึ้งคว่ำตายหงายเป็นที่ความเข้มข้น 2% ต่อการหายของแผลกระเนื้อหลังการจี้เลเซอร์คาร์บอนไดออกไซด์ เปรียบเทียบกับ ขี้ผึ้ง
มหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง
อาจารย์ วิภาเพ็ญ โชคดีสัมฤทธิ์
ธัญธารีย์ วรรณรัตน์กิตติ
วิทยานิพนธ์/Thesis
การศึกษาเปรียบเทียบประสิทธิผลของการทาครีมไดไฮโดรออกซีเรสเวอราทรอล 0.1% กับครีมอัลฟาอาร์บูติน 2% เพื่อการปรับผิวหน้าขาวในอาสาสมัครชายไทย
มหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง
อาจารย์ วิภาเพ็ญ โชคดีสัมฤทธิ์;ดร. อาริยา สาริกะภูติ
วิภาวี พ่วงใส
วิทยานิพนธ์/Thesis
การศึกษาเปรียบเทียบประสิทธิผลของเอ็กไซเมอร์เลเซอร์ร่วมกับทาน้ำมันแร่กับเอ็กไซเมอร์เลเซอร์ในการรักษารอยแตกลายสีขาวในอาสาสมัครชายไทย
มหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง
อาจารย์ วิภาเพ็ญ โชคดีสัมฤทธิ์
ศุภมน วิริยะจิรกุล
วิทยานิพนธ์/Thesis
การศึกษาเปรียบเทียบประสิทธิผลของการใช้ยาทาไมนอกซิดิล 5% เทียบกับไดไฮโดรออกซี่เรสเวอราทรอล 5% จากมะหาดในการรักษาภาวะผมบางจากพันธุกรรมในอาสาสมัครชายไทย
มหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง
อาจารย์ วิภาเพ็ญ โชคดีสัมฤทธิ์
ธีรศักดิ์ ชาญศิริเจริญกุล
วิทยานิพนธ์/Thesis
การศึกษาเปรียบเทียบประสิทธิผลของเลเซอร์เออเบียมกลาสแบบแบ่งส่วนกับคลื่นความถี่วิทยุแบบแบ่งส่วนชนิดมีเข็มในการรักษารอยแตกลายสีขาว
มหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง
อาจารย์ วิภาเพ็ญ โชคดีสัมฤทธิ์
ประพัฒน์ ศิลาวรรณา
วิทยานิพนธ์/Thesis
การศึกษาเปรียบเทียบประสิทธิผลของการทำครีมไดไฮโดรออกซีเรสเวอราทรอล 0.2% กับครีมอัลฟาอาร์บูติน 2% เพื่อการปรับผิวหน้าขาวในอาสาสมัครชายไทย
มหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง
อาจารย์ วิภาเพ็ญ โชคดีสัมฤทธิ์;ดร. อาริยา สาริกะภูติ
ปัทมา ปาประโคน
วิทยานิพนธ์/Thesis
การศึกษาประสิทธิผล 5% ของสารสกัดจากแก่นมะหาด ร่วมกับ 4% วิตามินบี3 เปรียบเทียบกับการใช้สารสกัดจากแก่นมะหาดเพียงอย่างเดียวในการรักษารักแร้ดำ
มหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง
อาจารย์ วิภาเพ็ญ โชคดีสัมฤทธิ์
กิจชัย ตั้งจักรวรานันท์
วิทยานิพนธ์/Thesis
การศึกษาเปรียบเทียบประสิทธิผลของการใช้ยาทาไมนอกซิดิล 5% เทียบกับรีโกรเจเนซิสรั่มในการรักษาภาวะผมบางแบบพันธุกรรมในอาสาสมัครชายไทย
มหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง
อาจารย์ วิภาเพ็ญ โชคดีสัมฤทธิ์;ดร. กานต์ วงศ์ศุภสวัสดิ์
ชินดนัย วิกรัยพัฒน์
วิทยานิพนธ์/Thesis
การศึกษาเปรียบเทียบประสิทธิผลของการใช้ไมนอกซิดิล 5% เทียบกับไดไฮโดรออกซีเรสเวอราทรอล 10% จากมะหาดในการกระตุ้นการงอกเส้นผมในอาสาสมัครชายไทย
มหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง
อาจารย์ วิภาเพ็ญ โชคดีสัมฤทธิ์
ภัทรปภา ตั้งธนายงสุข
วิทยานิพนธ์/Thesis
การศึกษาเปรียบเทียบประสิทธิผลและความปลอดภัยของซีรั่มไดไฮโดรออกซีเรสเวราทรอล 10% กับยาหลอกในการกระตุ้นการเจริญเติบโตของขนคิ้ว
มหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง
อาจารย์ วิภาเพ็ญ โชคดีสัมฤทธิ์
จักรพงษ์ ทองแสน
วิทยานิพนธ์/Thesis
การศึกษาเปรียบเทียบประสิทธิผลของรีโกรเจเนซิสซีรั่มกับยาทาไมนอกซิดิล 5% ในการกระตุ้นการงอกของเส้นผมในอาสาสมัครชายที่มีผมบางแบบพันธุกรรม
มหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง
อาจารย์ วิภาเพ็ญ โชคดีสัมฤทธิ์;ดร. กานต์ วงศ์ศุภสวัสดิ์
หทัยชนก เฮงรัศมี
วิทยานิพนธ์/Thesis
การศึกษาเปรียบเทียบประสิทธิผลของ 4% ไนอะซินาไมด์ครีม กับ 2% คีโตโคนาโซลครีมในการรักษาผู้ป่วยโรคผื่นผิวหนังอักเสบซีบอเรอิคเดอร์มาไตติสที่ใบหน้า
มหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง
อาจารย์ วิภาเพ็ญ โชคดีสัมฤทธิ์
อัญชลี สุขประเสริฐ
วิทยานิพนธ์/Thesis
การศึกษาเปรียบเทียบประสิทธิภาพของการทาครีมไดไฮโดรออกซีเรสเวอราทรอล 0.5% กับการทาครีมไฮโดรควิโนน 2% ในการรักษาฝ้า
มหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง
อาจารย์ วิภาเพ็ญ โชคดีสัมฤทธิ์;ดร. อาริยา สาริกะภูติ
จริยา พรไพรัช
วิทยานิพนธ์/Thesis
การศึกษาเปรียบเทียบประสิทธิผลของไดไฮโดรออกซีเรสเวอราทอล 10% กับยาทาไมนอกซิดิล 5% ในการกระตุ้นการงอกของเส้นผมในอาสาสมัครชายที่มีผมบางแบบพันธุกรรม
มหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง
อาจารย์ วิภาเพ็ญ โชคดีสัมฤทธิ์;ดร. อาริยา สาริกะภูติ
ธีราภรณ์ จันทร์แสง
วิทยานิพนธ์/Thesis
การศึกษาเปรียบเทียบประสิทธิผลของการทาครีมไดไฮโดรออกซีเรสเวอราทรอล 4% กับการทาครีมไฮโดรควิโนน 4% ในการรักษาฝ้า
มหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง
อาจารย์ วิภาเพ็ญ โชคดีสัมฤทธิ์;ดร. อาริญา สาริกะภูติ
อภันตรี ทองคำวงศ์
วิทยานิพนธ์/Thesis
การศึกษาเปรียบเทียบประสิทธิภาพของไดไฮโดรซีเรสเวอราทรอล 5% กับไมนอกซิดิล 2% ในการกระตุ้นการงอกของเส้นผมในอาสาสมัครหญิงที่มีผมบางแบบพันธุกรรม
มหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง
อาจารย์ วิภาเพ็ญ โชคดีสัมฤทธิ์;ดร. อาริญา สาริกะภูติ
ศรีวิภา ร่วมเจริญ
วิทยานิพนธ์/Thesis
การศึกษาเปรียบเทียบประสิทธิผลของโลชันสารสกัดจากว่านมหาเมฆ 10% กับโลชันไมนอกซิดิล 5% ในการกระตุ้นการงอกของเส้นผมในอาสาสมัครชายที่มีผมบางทางพันธุกรรม
มหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง
วิภาเพ็ญ โชคดีสัมฤทธิ์
พิรดา ศรีวิริยกุล
วิทยานิพนธ์/Thesis
การศึกษาเปรียบเทียบประสิทธิผลของเจลสารสกัดใบบัวบก 5% กับเจลคลินดามัยซิน 1% ในการรักษาสิว
มหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง
วิภาเพ็ญ โชคดีสัมฤทธิ์
ภารดี อินทจันทร์
วิทยานิพนธ์/Thesis
การศึกษาเปรียบเทียบประสิทธิผลของวิตามินบี3 2% กับ 4% ในการรักษาปัญหาเม็ดสีเข้มขึ้นหลังการอักเสบจากสิว
มหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง
วิภาเพ็ญ โชคดีสัมฤทธิ์
จุฑามาศ อุดมพิทักษ์
วิทยานิพนธ์/Thesis
การศึกษาเปรียบเทียบประสิทธิผลของลิโคชาลโคนเอครีม 0.05% กับคีโตโคนาโซลครีม 2% ในการรักษาโรคผิวหนังอักเสบชนิดซีบอเรอิคที่ใบหน้า
มหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง
วิภาเพ็ญ โชคดีสัมฤทธิ์
สุรนาถ ดีสุวรรณ์
Suranart Deesuwan
วิทยานิพนธ์/Thesis
การศึกษาประสิทธิผลของการทาเจลว่านหางจระเข้ 90% ในการรักษาริ้วรอยรอบดวงตา
มหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง
วิภาเพ็ญ โชคดีสัมฤทธิ์
ทิพากร สิทธิการิยะ
วิทยานิพนธ์/Thesis
การศึกษาเปรียบเทียบประสิทธิผลของเจลสารสกัดขมิ้นชัน 1% กับครีมคีโตโคนาโซล 2% ในการักษาโรคผิวหนังอักเสบชนิดซีบอเรอิกที่ใบหน้า
มหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง
วิภาเพ็ญ โชคดีสัมฤทธิ์
จิรายุ กิ่งแก้ว
วิทยานิพนธ์/Thesis
การศึกษาเปรียบเทียบประสิทธิผลของเจลที่มีส่วนประกอบของสารสกัดโสม 36% กับเจลเทรทิโนอิน 0.02% ในการลดริ้วรอยรอบดวงตา
มหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง
อัจจิมา สุวรรณจินดา;วิภาเพ็ญ โชคดีสัมฤทธิ์
ณิชนันทน์ สันติกุล
์Nitchanun Santikul
วิทยานิพนธ์/Thesis
การศึกษาเปรียบเทียบประสิทธิผลของครีมสารสกัดขมิ้นชัน 1% กับครีมเทรทิโนอิน 0.025% ในการรักษาริ้วรอยรอบดวงตา
มหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง
วิภาเพ็ญ โชคดีสัมฤทธิ์
วิชชุดา อ้นมี
วิทยานิพนธ์/Thesis
การศึกษาเปรียบเทียบประสิทธิผลระหว่างครีม 025% สสารสกัดขมิ้นชั้นและครีม 0025% เทรตติโนอินในการรักษาภาวะสีผิวเข้มขึ้นหลังการอักเสบจากสิว
มหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง
รัสมิ์ภูมิ สุเมธีวิทย์;วิภาเพ็ญ โชคดีสัมฤทธิ์
ภวิศา ชำนาญเสือ
วิทยานิพนธ์/Thesis
การศึกษาเปรียบเทียบประสิทธิผลระหว่างเจลสารสกัดขมิ้นชัน 1% และ 2% ในการรักษาริ้วรอยรอบดวงตา
มหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง
วิภาเพ็ญ โชคดีสัมฤทธิ์
อริสา วงศ์วานวัฒนา
วิทยานิพนธ์/Thesis
Copyright 2000 - 2025 ThaiLIS Digital Collection Working Group. All rights reserved.
ThaiLIS is Thailand Library Integrated System
สนับสนุนโดย สำนักงานบริหารเทคโนโลยีสารสนเทศเพื่อพัฒนาการศึกษา
กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม
328 ถ.ศรีอยุธยา แขวง ทุ่งพญาไท เขต ราชเทวี กรุงเทพ 10400 โทร. โทร. 02-232-4000
กำลัง ออน์ไลน์
ภายในเครือข่าย ThaiLIS จำนวน 4
ภายนอกเครือข่าย ThaiLIS จำนวน 2,414
รวม 2,418 คน

More info..
นอก ThaiLIS = 283,491 ครั้ง
มหาวิทยาลัยสังกัดทบวงเดิม = 171 ครั้ง
มหาวิทยาลัยราชภัฏ = 160 ครั้ง
มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคล = 20 ครั้ง
มหาวิทยาลัยสงฆ์ = 16 ครั้ง
สถาบันพระบรมราชชนก = 6 ครั้ง
รวม 283,864 ครั้ง
Database server :
Version 2.5 Last update 1-06-2018
Power By SUSE PHP MySQL IndexData Mambo Bootstrap
มีปัญหาในการใช้งานติดต่อผ่านระบบ UniNetHelp


Server : 8.199.134
Client : Not ThaiLIS Member
From IP : 216.73.216.104