Abstract:
การวิจัยเรื่องนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาสภาพแหล่งเรียนรู้ชุมชน และเครือข่ายการเรียนรู้ของ
ชุมชน ต.โคกโคเฒ่า เพื่อการเรียนรู้ตลอดชีวิต และหาแนวทางในการจัดการความรู้เพื่อการเรียนรู้
ตลอดชีวิตของชุมชนโดยใช้เครือข่ายการเรียนรู้ของชุมชน ใช้วิธีวิจัยเชิงปฏิบัติการแบบมีส่วนร่วม และ
การวิจัยเชิงคุณภาพ เก็บรวบรวมข้อมูลจากการสัมภาษณ์เชิงลึก การสังเกต การสนทนา ซักถามและ
การอภิปรายโดยใช้กระบวนการกลุ่ม การวิเคราะห์จุดแข็ง/จุดอ่อน โอกาส/อุปสรรค (SWOT) การ
สังเคราะห์ข้อมูลและวิเคราะห์เนื้อหา และประเมินผลการจัดกิจกรรมการวิจัยเชิงปฏิบัติการ โดยใช้
สถิติค่าเฉลี่ย และส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน
ผลการวิจัยพบว่า สภาพแหล่งเรียนรู้ชุมชนในตำบลโคกโคเฒ่ามีแหล่งเรียนรู้ 19 แหล่ง มี
ความพร้อมในการใช้ทำกิจกรรมต่างๆ พอสมควร ศูนย์การเรียนรู้เฉลิมพระเกียรติเป็นแหล่งเรียนรู้
ชุมชนที่มีความพร้อมและมีการใช้ทำกิจกรรมชุมชนมากที่สุด ชุมชนจัดกิจกรรมการเรียนรู้อย่าง
ต่อเนื่องโดยมุ่งเน้นในเรื่องการประกอบอาชีพหลัก และอาชีพเสริมเพื่อเพิ่มรายได้ครัวเรือน ใช้วิธีการ
จัดกลุ่มสนใจ อาทิ กลุ่มจักสาน กลุ่มขนมหวาน กลุ่มเกษตรอินทรีย์ เป็นต้น ชุมชนมีความเข้มแข็ง
สามารถบริหารจัดการกลุ่มอาชีพและกลุ่มออมทรัพย์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ สามารถพึ่งพาตนเองได้
สำหรับการจัดการความรู้ชุมชน ส่วนใหญ่มีกระบวนการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ระหว่างกลุ่ม โดยมีผู้นำ
ชุมชนไปร่วมกิจกรรมจากแหล่งเรียนรู้อื่นๆ แล้วกลับมาถ่ายทอดให้สมาชิกในกลุ่มได้เรียนรู้ร่วมกัน
และมีการถ่ายทอดความรู้จากคนรุ่นเก่าสู่คนรุ่นใหม่
เครือข่ายภายในชุมชนโคกโคเฒ่าเป็นรูปแบบความสัมพันธ์ทางสังคม ตามวิถีชีวิต
ชนบทไทยมีการรวมกลุ่มตามความสมัครใจในเครือญาติและครอบครัว มีการจัดตั้งกลุ่ม
ออมทรัพย์และกลุ่มอาชีพชุมชน โดยแต่ละกลุ่มจะมีขอบเขตโครงสร้างที่ชัดเจน มีการเชื่อมโยง
ความสัมพันธ์ระหว่างสมาชิกเครือข่ายภายในชุมชน ระหว่างกลุ่มอาชีพ และระหว่างหมู่บ้าน
โดยการร่วมมือร่วมใจกันในลักษณะเครือข่ายการแลกเปลี่ยน เครือข่ายการติดต่อสื่อสาร และ
เครือข่ายความสัมพันธ์ในการอยู่ร่วมกัน สำหรับเครือข่ายภายนอกของชุมชนโคกโคเฒ่าเป็น
รูปแบบเครือข่ายการพัฒนาชุมชนโดยองค์กรภาครัฐ อาทิ กรมพัฒนาชุมชน และสำนักงานส่งเสริม
การศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัย มีการสื่อสารจากเครือข่ายภายนอกสู่ภายในชุมชน
โดยผ่านผู้บริหารท้องถิ่นและผู้นำชุมชน แต่ยังไม่มีการใช้เทคโนโลยีเพื่อการจัดการความรู้
กระบวนการจัดการความรู้ ชุมชนได้กำหนดวิสัยทัศน์ในการจัดการความรู้ ชุมชนโคกโคเฒ่า
สามัคคี มีความสุข เข้มแข็ง และมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น มี 7 ขั้นตอน กล่าวคือ 1) การค้นหาความรู้:
พบว่าชุมชนมีความรู้แบบไม่ชัดแจ้งเป็นส่วนใหญ่ สืบทอดจากภูมิปัญญาท้องถิ่น เป็นความรู้ในการ
ประกอบอาชีพ ชุมชนต้องการความรู้ด้านอาชีพเสริม การพัฒนาผลิตภัณฑ์ ด้านการตลาดและการทำ
วิสาหกิจชุมชน 2) การแสวงหาความรู้: ภายในชุมชนมีครูภูมิปัญญาท้องถิ่น ผู้รู้/ผู้เชี่ยวชาญในการ
ประกอบอาชีพหลักเป็นผู้นำชุมชน ผู้นำกลุ่มอาชีพและสมาชิกกลุ่ม ชุมชนสามารถแสวงหาความรู้ได้
จากกลุ่มอาชีพ/หน่วยงานในพื้นที่ และหน่วยงานต่างภายนอกชุมชนและเครือข่าย 3) การสร้าง
ความรู้: ส่วนใหญ่ได้จากการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ จากการพูดคุยกับผู้นำชุมชนและเครือญาติ มีการ
ถ่ายทอดความรู้ภายในกลุ่มอาชีพ มีการจัดกิจกรรมอบรมให้ความรู้ต่างๆ มีการสร้างความรู้จาก
สมาชิกเครือข่ายของชุมชนโดยผู้นำชุมชน มีการทดลองปฏิบัติ ปรับปรุงพัฒนาจนเกิดองค์ความรู้ที่
ต้องการ 4) การจัดเก็บและการสืบค้นความรู้: ชุมชนโคกโคเฒ่ายังไม่มีการจัดเก็บองค์ความรู้อย่างเป็น
ระบบ ส่วนใหญ่เป็นความรู้แฝงที่ไม่ได้ปรับเปลี่ยนให้เป็นความรู้ที่ชัดแจ้งเป็นรูปธรรม ไม่มีการจัดเก็บ
โดยใช้เทคโนโลยี มีการจัดเก็บผลการดำเนินงานของแต่ละกลุ่มในรูปเอกสาร 5) การถ่ายทอดความรู้:
มีหลายรูปแบบ อาทิ การเล่าสู่กันฟัง การแลกเปลี่ยนเรียนรู้ ทัศนะศึกษา และมีการจัดกิจกรรมเพื่อ
การเรียนรู้ต่างๆ ส่วนใหญ่เป็นการจัดอบรมฝึกอาชีพโดยผู้เชี่ยวชาญจากหน่วยงานภาครัฐ 6) การใช้
ความรู้: มีการนำความรู้ไปประยุกต์ใช้ในการดำเนินงานกลุ่มอาชีพของชุมชน โดยบูรณาจากความรู้ที่มี
อยู่ในตัวบุคคล ภูมิปัญญาท้องถิ่นร่วมกับองค์ความรู้ใหม่ๆ ที่ได้จากการแสวงหา และ 7) การติดตาม
ประเมินผลความรู้: ชุมชนไม่ได้ดำเนินการอย่างชัดเจน แต่มีการติดตามผลการดำเนินงานของกลุ่ม
ต่างๆ อย่างสม่ำเสมอ มีการพัฒนาปรับปรุงอย่างต่อเนื่อง ปรากฏเป็นผลตอบแทนและรางวัลที่ได้รับ
เพิ่มขึ้น
แนวทางในการจัดการความรู้ชุมชนเพื่อการเรียนรู้ตลอดชีวิตโดยใช้เครือข่ายการเรียนรู้ ที่ได้
จากผลการวิจัยมี ดังนี้
1) พัฒนาทีมงานเครือข่ายการจัดการความรู้ชุมชน เพื่อสร้างทีมงานในการจัดการความรู้
ชุมชนตำบลโคกโคเฒ่า ให้สามารถบริหารจัดการ สร้างและแสวงหาความรู้ที่จำเป็นมาใช้ประโยชน์ใน
ชุมชน ทำให้ประชาชนดำรงชีพได้อย่างมีคุณภาพและยั่งยืน
2) พัฒนาแหล่งการเรียนรู้ในชุมชนให้เป็นแหล่งการเรียนรู้ตลอดชีวิต เพื่อยกระดับแหล่ง
การเรียนรู้ในชุมชนให้มีคุณภาพตามมาตรฐานแหล่งการเรียนรู้ตลอดชีวิตที่คนในชุมชนทุกเพศทุกวัย
สามารถเข้าถึงความรู้ที่ต้องการได้สะดวกรวดเร็ว เป็นแหล่งเรียนรู้ที่มีชีวิตชีวา รวมถึงเป็นแหล่งที่เอื้อ
ให้เกิดการแบ่งปันและแลกเปลี่ยนเรียนรู้ของประชาชน
3) พัฒนาระบบการจัดการความรู้ เพื่อทำให้การดำเนินงานตามกระบวนการจัดการความรู้
เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพและเกิดประสิทธิผลตามเป้าหมายนำไปสู่วิสัยทัศน์ในการจัดการความรู้
ของชุมชน
4) สร้างสังคมแห่งการเรียนรู้ เพื่อทำให้ชุมชนโคกโคเฒ่าเป็นชุมชนแห่งการเรียนรู้
The objectives of this research were to explore learning sources and networks
of communities for lifelong learning in Khokkotao subdistrict and proposed the ways
to perform knowledge management for lifelong learning using these networks. The
participatory action research and qualitative research using in-depth interviews,
observation, discussion, questioning, and group discussion were conducted. The data
analysis was operated by SWOT analysis, content analysis, and statistical evaluation
of research activities using mean and standard deviation.
The findings revealed 19 learning sources existing in Khokkotao placing on
moderate readiness and utilization. Most of community activities were arranged at
Chalermprakiat Learning Center, the best one of learning sources. The people had
continuously organized learning activities focusing on works and career to raise their
household incomes by interested groups performing e.g. basketry groups, sweet
groups, and organic farm groups etc.. The communities strengthened, consequently
the administration of occupational groups and saving groups were effective and being
self-reliant. For the community knowledge management, there was sharing between
groups by community leaders participating in other learning sources. These occurred
by members of group learning and transferring from the older to younger.
The network within Khokkotao was in form of social relations as Thai rural
livelihoods combining groups voluntarily by kinships and families. Savings groups and
occupational groups were established with structural boundary. There were links
between members, occupational groups, and villages to cooperate like exchange
network, communication network, and network of coexistence relationships. For
external network, its found the models operated by community development
networks, governmental organizations e.g. the Community Development Department,
and Office of the Non-formal and Informal Education, communicating through the
community by local administrators and community leaders. However it had no
technology using for community knowledge management.
The knowledge management vision proposed that "Khokkotao communities
have harmony, happiness, strength, and better life quality" processing by 7 steps: 1)
Knowledge identification: Most of all was the tacit knowledge adopting from local
wisdom involving their works. The product development, marketing and community
enterprise knowledge were needed. 2) Knowledge acquisition: The local teachers,
occupational experts, community leaders, and external community networks could
be acquired. 3) Knowledge creation: Its mostly created by knowledge sharing, talking
with community leaders and relatives, and occupational knowledge transferring from
training to network members by community leaders. The practical experiments were
used to improve developing till the body of knowledge needed meet. 4) Knowledge
storage and retrieval: These rather were not technological process and systematic
storage and retrieval. The tacit knowledge mostly was not unchanged. The
productivities of each group were recorded in document files. 5) Knowledge transfer:
There were many ways e.g. a story telling, knowledge sharing, visual education, and
other earning activities organized mainly vocational training by governmental experts.
6) Knowledge utilization: The applications were adopted by occupational groups
integrating individual tacit knowledge, Local wisdom with new knowledge acquired.
7) Knowledge evaluation: It was unformed, only productivities of various groups
evaluated and developed continuously, shown by rewards and prizes increasing.
The guidelines recommended for community knowledge management using
network of learning sources for lifelong learning as follows:
1) Developing team works for community knowledge management networks
of Khokkotao to manage, acquire, and create the knowledge needed utilizing to
enhance quality of life and sustainability.
2) Developing community learning resources for lifelong learning to raise
quality of learning resources to meet the standards of the lifelong learning resources,
lively and accessing promptly for all, including facilitating the knowledge sharing and
exchanging among people.
3) Developing knowledge management system for processing by steps of the
knowledge management efficiently and effectively to meet the goal leading to
community knowledge management vision.
4) Creating learning society for Khokkotao to be The learning community.