การศึกษาผลของการรับประทานโปรแอนโธไซยานิดินส์จากสารสกัดเมล็ดองุ่นต่อการรักษาฝ้าในผู้หญิงไทย

The Effect of oral proanthocyanidins from grape seed extract for melasma treatment in Thai women

Effect of oral proanthocyanidins from grape seed extract for melasma treatment in Thai women

Name: ณัฐมน ฤทธิโกสีห์

Organization : มหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง

Name: Nattamon Rittikosi

keyword: โปรแอนโธไซยานิดินส์

ThaSH: สารสกัดจากพืช -- วิจัย

Classification :.NLM: WR100

ThaSH: ฝ้า -- การรักษา -- วิจัย

ThaSH: ใบหน้า -- การดูแลและสุขวิทยา -- วิจัย

Abstract: ฝ้าเป็นโรคที่พบได้บ่อยในสตรีชาวไทย การรักษาฝ้าในปัจจุบันยังเห็นผลได้ไม่ดีเท่าที่ควร รวมถึงมีผลข้างเคียง ในระยะหลังมีการนำองค์ความรู้ใหม่มาใช้ในการรักษาฝ้า ซึ่งคือการใช้สารต้านอนุมูลอิสระ โดยอ้างอิงตามแนวคิดที่ว่า ฝ้าเกิดจากอนุมูลอิสระที่ถูกกระตุ้นจากแสงแดด โปรแอนโธไซยานิดินส์ เป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่มีประสิทธิภาพสูง พบได้ในสารสกัดจากเมล็ดองุ่น สามารถยับยั้งเอนไซม์ไทโรซิเนส ลดเม็ดสีเมลานิน และต้านการอักเสบ ดังนั้นผู้วิจัยจึงสนใจทำการวิจัยเกี่ยวกับสารสกัดจากเมล็ดองุ่น ซึ่งยังไม่มีการศึกษาผลของสารสกัดเมล็ดองุ่นในรูปแบบรับประทานต่อการรักษาฝ้าในผู้หญิงไทยมาก่อน วัตถุประสงค์ เพื่อเปรียบเทียบประสิทธิผลของการรับประทานสารสกัดจากเมล็ดองุ่น 240 มิลลิกรัม/วัน เทียบกับยาหลอก ในการรักษาฝ้า วิธีการศึกษา ผู้เข้าร่วมวิจัย 38 คน ที่มีฝ้าบนใบหน้า เข้าร่วมการศึกษาลักษณะสุ่มปิดทั้งสองด้านทั้งผู้วิจัยและอาสาสมัคร มีกลุ่มควบคุมและกลุ่มทดลอง แต่ละกลุ่มได้สารสกัดเมล็ดองุ่นหรือยาหลอกบรรจุในรูปแคปซูล โดยรับประทานเป็นเวลา 8 สัปดาห์ นัดติดตามอาการทุก 4 สัปดาห์ จนถึงสัปดาห์ที่ 12 เพื่อดูการกลับเป็นซ้ำของฝ้า ประเมินผลการรักษา โดยใช้เครื่องวัดความเข้มเม็ดสี เมกซามิเตอร์ คะแนนมาซี และ ผลข้างเคียง มีการประเมินความพึงพอใจเมื่อสิ้นสุดการวิจัยในสัปดาห์ที่ 12 ผลการศึกษา ค่าความเข้มเม็ดสีและคะแนนมาซีลดลงอย่างมีนัยสำคัญตั้งแต่สัปดาห์ที่ 4 ในกลุ่มที่ได้รับประทานสารสกัดจากเมล็ดองุ่น แต่ลดลงอย่างไม่มีนัยสำคัญในกลุ่มที่ได้ยาหลอก เมื่อเปรียบเทียบประสิทธิผลการรักษาระหว่างกลุ่มพบว่า ค่าความเข้มเม็ดสีของกลุ่มที่รับประทานสารสกัดจากเมล็ดองุ่นลดลงมากกว่ากลุ่มที่รับประทานยาหลอกอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ เริ่มตั้งแต่สัปดาห์ที่ 8 ส่วนคะแนนมาซีพบว่าลดลงมากกว่าอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติเริ่มตั้งแต่สัปดาห์ที่ 4 ผลข้างเคียงที่พบ คือ เวียนศีรษะ ซึ่งพบในอาสาสมัคร 1 คนตลอดการวิจัย สรุปผล การรักษาฝ้าโดยรับประทานโปรแอนโธไซยานิดินส์ จากสารสกัดเมล็ดองุ่น ปริมาณ 240 มิลลิกรัมต่อวัน เป็นระยะเวลา 8 สัปดาห์ มีประสิทธิภาพในการรักษาฝ้ามากกว่าการรับประทานยาหลอกอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ เมื่อพิจารณาจากค่าความเข้มเม็ดสี และคะแนนมาซี นอกจากนี้ ผลข้างเคียงของการรักษาไม่รุนแรง และพบได้น้อย เพราะฉะนั้นการรับประทานสารสกัดเมล็ดองุ่นจึงถือเป็นอีกหนึ่งทางเลือกของการรักษาฝ้าในปัจจุบัน

Abstract: Background: Melasma is common in Thai woman. Nowadays, treatment does not show satisfying outcomes. New researches are focused on antioxidant effect in melasma treatment which based on newly developed melasma hypothesis about oxidative stimulating effect from UV. Proanthocyanidins is an effective antioxidant found in grape seed extract which can significantly inhibit tyrosinase enzyme, reduce melanin pigment and anti-inflammatory. No clinical study has been conducted regarding the potential benefits of oral grape seed extract in Thai women for melasma treatment. Objective: To compare effectiveness of daily 240 mg of grape seed extract with placebo for melasma treatment in Thai women. Methods: Thirty-eight female participants with facial melasma were enrolled in prospective randomized double-blind, placebo-control trial. Participants in each group were prescribed with capsules of grape seed extract or placebo for eight weeks. Researchers follow up melasma every four weeks. Changes in pigmentation were measured using a Mexameter, Melasma area and severity index (MASI) and medication side effects were evaluated at each follow-up visit along with self-report satisfaction survey (global evaluation) at 12th week. Results: Mean melanin index and MASI score were significantly reduced since 4th week of participation in grape seed group but non-significantly reduced in placebo group throughout 12 weeks. Between group comparison of mean melanin index was found that grape seed group was significantly lower compared with the placebo group since 8th week and MASI score was significantly lower compared with the placebo group since 4th week. Participants were more satisfied with oral grape seed extract than placebo. Minimal adverse reaction such as dizziness was found on one participant throughout the study. Conclusion: Oral proanthocyanidins from 240 mg grape seed extract for eight weeks has significantly effectiveness in melasma treatment compared with placebo in Thai woman. As a result, grape seed extract might be considered as an alternative treatment in melasma.

มหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง. ศูนย์บรรณสารและสื่อการศึกษา

Address: เชียงราย

Email: library@mfu.ac.th

Name: ไพศาล รัมณีย์ธร

Role: อาจารย์ที่ปรึกษา

Modified: 2020-04-08

Created: 2557

Issued: 2558-10-19

วิทยานิพนธ์/Thesis

application/pdf

CallNumber: วพ. WR100 ณ342ก 2557

tha

DegreeName: วิทยาศาสตรมหาบัณฑิต

Level: ปริญญาโท

Descipline: เวชศาสตร์ชะลอวัยและฟื้นฟูสุขภาพ

Grantor: มหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง

ลำดับที่.	ชื่อแฟ้มข้อมูล	ขนาดแฟ้มข้อมูล	จำนวนเข้าถึง	วัน-เวลาเข้าถึงล่าสุด
1	Nattamon Rittikosi.pdf	33.52 MB	47	2024-08-22 04:39:43

ใช้เวลา

0.035827 วินาที