โครงการการศึกษาความหลากหลายของแบคทีเรียแลคติกที่สามารถยับยั้งการเจริญของเชื้อจุลชีพก่อโรคเต้านมอักเสบในโคนม

Diversity of Lactic Acid Bacteria Capable of Inhibiting the Growth of Mastitis Pathogens in Dairy Cows

Name: คคนางค์ รัตนานิคม

Address: 62/1 ถ.เกษตรสมบูรณ์ อ.เมือง จ.กาฬสินธุ์ 46000

Organization : มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลอีสาน

Name: นันทิยา สุวรรณปัญญา

Address: 62/1 ถ.เกษตรสมบูรณ์ อ.เมือง จ.กาฬสินธุ์ 46000

Organization : มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลอีสาน

Name: อนุสสรณ์ วิเศษสิงห์

Address: 62/1 ถ.เกษตรสมบูรณ์ อ.เมือง จ.กาฬสินธุ์ 46000

Organization : มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลอีสาน

Name: ยุภาพร ขันนาเลา

Address: 62/1 ถ.เกษตรสมบูรณ์ อ.เมือง จ.กาฬสินธุ์ 46000

Organization : มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลอีสาน

keyword: แบคทีเรียแลคติก, เชื้อก่อโรคเต้านมอักเสบในโคนม, สมบัติการยับยั้งแบคทีเรียก่อโรค

ThaSH: Lactic acid bacteria, Dairy cow-Mastitis pathogen, Antimicrobial activity

Abstract: การวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์ในการแยกเชื้อแบคทีเรียแลคติกที่มีฤทธิ์ในการยับยั้งการเจริญของเชื้อก่อโรคเต้านมอักเสบในโคนม คือ Staphylococcus aureus และ Escherichia coli พร้อมทั้งศึกษาคุณสมบัติเบื้องต้นของสารที่มีคุณสมบัติในการยับยั้งการเจริญของเชื้อทดสอบซึ่งผลิตจากแบคทีเรียแลคติกที่แยกได้จากน้านมโคดิบในเขตจังหวัดกาฬสินธุ์ ผลการวิจัยพบว่าสามารถแยกแบคทีเรียแลคติกได้ทั้งสิ้น 250 ไอโซเลท เมื่อทาการคัดเลือกแบคทีเรียแลคติกที่แยกได้ซึ่งแสดงสมบัติในการยังยั้งเชื้อทดสอบสูงสุดจานวน 5 ไอโซเลท (ขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางของโซนการยับยั้งอยู่ในช่วง 9.80±0.21-10.70±0.36 มิลลิเมตร และ 9.27±0.11-10.92±0.04 มิลลิเมตร สาหรับการยับยั้งเชื้อ Staphylococcus aureus และ Escherichia coli ตามลาดับ) พบว่าทั้งหมดเป็นแบคทีเรียแกรมบวก ที่ไม่สามารถสร้างเอนไซม์แคทตาเลส และเมื่อศึกษาสมบัติในการยับยั้งเชื้อทดสอบร่วมกับปัจจัยต่างๆ ได้แก่ พีเอช การบ่มกับ proteinase K และ อุณหภูมิสูง พบว่าเอนไซม์ proteinase K และ อุณหภูมิสูง (50 และ 100 องศาเซลเซียส) ไม่มีผลต่อความสามารถในการยับยั้งเชื้อทดสอบ แต่เมื่อทดสอบอาหารเลี้ยงเชื้อแบคทีเรียแลคติกที่ปรับพีเอชเป็น 7.0 พบว่าไม่สามารถพบสมบัติในการยับยั้งเชื้อทดสอบอีกต่อไป ข้อมูลดังกล่าวชี้ให้เห็นว่าความสามารถในการยับยั้งเชื้อทดสอบที่พบของแบคทีเรียแลคติกที่แยกได้น่าจะมาจากอิทธิพลของกรดอินทรีย์ที่แบคทีเรียแลคติกสร้างขึ้น และจากการศึกษาลาดับนิวคลีโอไทด์บริเวณ 16S rDNA ของแบคทีเรียแลคติกที่แยกได้ พบว่าแบคทีเรียทั้งห้าอยู่ในจีนัส Lactobacillus sp.

Abstract: The objectives of this study were to isolate lactic acid bacteria which were capable of inhibiting the growth of Mastitis pathogens in dairy cows; Staphylococcus aureus and Escherichia coli as well as study the characteristics of inhibiting agents, produced from isolated lactic acid bacteria. There were 250 isolates with anti-Mastitis pathogen properties, isolated from raw cow milk samples. Five isolates, showing dominant anti-Mastitis pathogen properties (inhibition zone ranged from 9.80±0.21-10.70±0.36 millimeter and 9.27±0.11-10.92±0.04 millimeter for Staphylococcus aureus and Escherichia coli, respectively) were chosen for the biochemical tests. It was found that all five isolates were gram-positive bacteria and could not produce catalase. Their antimicrobial activities were also studied in various conditions such as pH change, proteinase K treatment and high temperature treatment. It was found that proteinase K treatment and high temperature treatment at 50 and 100C did not effect on their antimicrobial activity. On the other hand, the antimicrobial activity of these five isolates could not be found under the condition of pH adjustment to 7.0. This data implied that the antimicrobial activity might come from the organic acid condition, produced by lactic acid bacteria. In addition, the nucleotide sequence of 16S rDNA indicated that these five lactic acid bacteria were in Lactobacillus sp.

มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลอีสาน. วิทยาเขตกาฬสินธุ์

Address: กาฬสินธุ์

Email: patchararat.do@rmuti.ac.th

Name: สานักบริหารโครงการวิจัยในอุดมศึกษาและพัฒนามหาวิทยาลัยแห่งชาติ สานักงานคณะกรรมการการอุดมศึกษา

Role: ผู้ให้ทุน

Created: 2015

Modified: 2558-09-16

Issued: 2558-09-16

งานวิจัย/Research report

application/pdf

tha

©copyrights มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคล อีสาน

ลำดับที่.	ชื่อแฟ้มข้อมูล	ขนาดแฟ้มข้อมูล	จำนวนเข้าถึง	วัน-เวลาเข้าถึงล่าสุด
1	Full report.pdf	1.72 MB	58	2025-07-25 12:42:32

ใช้เวลา

-0.958398 วินาที