ศึกษาทิฏฐธรรมเวทนียกรรมในพระพุทธศาสนาและสังคมไทย

The Study of the immediately effective Kamma (Ditthadhammavedanîyakamma) in Buddhism and Thai Societies

Name: พระอดุลย์ ฐิตมโน (โพธิไสย์)

Abstract: วิทยานิพนธ์ฉบับนี้มีวัตถุประสงค์ ๓ ประการ คือ (๑) เพื่อศึกษาแนวคิดเรื่องทิฏฐธรรมเวทนียกรรมในคัมภีร์พระพุทธศาสนาเถรวาท (๒) เพื่อศึกษาความเชื่อทิฏฐธรรม-เวทนียกรรมในสังคมไทย (๓) เพื่อศึกษาวิเคราะห์ความเชื่อทิฏฐธรรมเวทนียกรรมในพระพุทธศาสนาและสังคมไทย โดยใช้การสัมภาษณ์เก็บข้อมูลด้วยการสุ่มตัวอย่าง ประกอบด้วย พระภิกษุ นักวิชาการ พนักงานบริษัท และประชาชนทั่วไป จำนวน ๑๕ รูป/คน ผลการวิจัยพบว่า ในทางพระพุทธศาสนามีพระไตรปิฎกที่เป็นคัมภีร์สำคัญได้แสดงถึงวิบากกรรมที่พึงได้รับในปัจจุบันไว้ในนิพเพธิกสูตรว่าทิฏฐธรรมเวทนียกรรม แปลว่า กรรมที่ให้ผลในปัจจุบันหลักเกณฑ์ในการให้ผลของกรรม ต้องประกอบด้วยหลักเกณฑ์ ๔ ประการ คือ (๑) เจตนาสัมปทา (๒) ปัจจยสัมปทา (๓) วัตถุสัมปทา (๔) คุณาติเรกสัมปทา ซึ่งให้ผลเป็น ๒ ลักษณะ คือ ๑. ให้ผลในชาตินี้ภายใน ๗ วัน ๒. ให้ผลในชาตินี้หลังจาก ๗ วันไปแล้ว และกรรมชนิดนี้สามารถให้ผลต่อเมื่อ (๑) ไม่มีอุปสรรคเบียดเบียน (๒) ต้องได้รับการเกื้อหนุนเป็นพิเศษ(สมบัติ ๔) (๓) ต้องมีเจตนาอย่างแรงกล้า (๔) ผู้รับต้องเป็นบุคคลพิเศษมีพระพุทธเจ้าเป็นต้น กรรมชนิดนี้เรียกว่า ปริปักกทิฏฐธรรมเวทนียกรรม อีกประการหนึ่งก็เป็นกรรมที่ให้ผลในชาตินี้เหมือนกัน ซึ่งสามารถแบ่งเป็น ๓ วาระ คือ (๑) บุคคลกระทำดีหรือชั่วไว้ในวัยเด็กกรรมก็ให้ผลในวัยเด็กวัยกลางคนและบั้นปลายชีวิต (๒) บุคคลกระทำดีหรือชั่วไว้ในวัยกลางคน กรรมให้ผลในวัยกลางคนและบั้นปลายชีวิต (๓) บุคคลกระทำดีหรือชั่วไว้ในบั้นปลายชีวิต กรรมให้ผลในบั้นปลายชีวิต กรรมชนิดนี้เรียกว่า อปริปักกทิฏฐ-ธรรมเวทนียกรรม แต่มีข้อแม้ว่าทิฏฐธรรมเวทนียกรรม ซึ่งประกอบอยู่ในชวนะจิตดวงที่ ๑ นี้มีกำลังน้อยไม่มีกำลังมากเหมือนชวนะจิตดวงที่ ๒-๓-๔-๕-๖-๗ เพราะเป็นชวนะที่เกิดขึ้นเป็นครั้งแรก ไม่ได้รับความช่วยเหลือจากอาเสวนปัจจัย (ปัจจัยสนับสนุน) จึงให้ผลแต่ในชาตินี้เท่านั้น ถ้าไม่ให้ผลจะกลายเป็นอโหสิกรรมไปในที่สุด ความเข้าใจหรือความเชื่อของพุทธศาสนิกชนไทย ต่อเรื่องทิฏฐธรรมเวทนียกรรม สามารถแบ่งออกเป็น ๒ ลักษณะ คือ (๑) ความเชื่อที่ประกอบด้วยอารมณ์ (๒) ความเชื่อที่ประกอบด้วยเหตุผล และยังแบ่งบุคคลออกเป็น ๒ กลุ่ม คือ (๑) กลุ่มความเชื่อในระดับชาวบ้านธรรมดา (๒) กลุ่มความเชื่อในระดับผู้มีความรู้ด้านพระพุทธศาสนา จะเห็นว่า ๒ กลุ่มนี้มีความคิดเห็นที่เหมือนกันและมีความคิดเห็นที่แตกต่างกันดังนี้ความคิดเห็นที่แตกต่างกันคือ กลุ่มชาวบ้านมีความเข้าใจผิดในด้านความหมายและทัศนคติอยู่บ้างกลุ่มที่มีความรู้ด้านพระพุทธศาสนามีความเชื่อตามแนวเหตุผลส่วนความคิดเห็นที่เหมือนกัน คือ บุคคลทั้งสองกลุ่มมีความเชื่อเรื่องทิฏฐธรรมเวทนียกรรม คือสิ่งใดก็ตามที่ตนกระทำลงไปย่อมได้รับผลในปัจจุบันนี้ทั้งฝ่ายดีและฝ่ายชั่ว ความเชื่อเรื่องทิฏฐธรรมเวทนียกรรมในพระพุทธศาสนาและสังคมไทย สังคมไทยมีรากฐานมาจากพระพุทธศาสนา ความเชื่อดังกล่าวได้หล่อหลอมจิตใจของคนไทยให้มีความเชื่อเรื่องกรรมมาช้านาน ต่อมาสังคมไทยได้มีการเปลี่ยนแปลงไปในหลาย ๆ ด้าน จึงทำให้ความเชื่อเรื่องกรรมได้สั่นคลอนลงไป และผู้ที่จะสอนในเรื่องกรรมให้ถูกต้องในปัจจุบันนี้ก็มีน้อยคนส่วนมากมองว่ากรรมเป็นเรื่องไกลตัว หรือคิดว่าตนเองเกิดมามีกรรมถ้าสังคมไทยหันกลับมาให้ความสนใจในเรื่องกรรมที่จะส่งผลให้ในปัจจุบันก็จะเป็นสิ่งที่ดีทั้งต่อตนเองและผู้อื่น ดังนั้น ผู้วิจัยจึงได้ใช้วิธีการสัมภาษณ์ผู้ทรงคุณวุฒิและประชาชนทั่วไปเกี่ยวกับความเชื่อและประสบการณ์ในเรื่องทิฏฐธรรมเวทนียกรรมเพื่อต้องการให้พุทธศาสนิกชนและสังคมไทยได้เข้าใจถึงการเกิดขึ้นและการส่งผลของกรรมชนิดนี้

Abstract: This thesis is of three objections, namely :- (1) To study Ditฺtฺhadhama-vedanîyakamma in Theravada Buddhist Scriptures, (2) To study the belief in Ditฺtฺha-dhamavedanîyakamma in Thai Societies, (3) To analytically study the belief in Ditฺtฺh-adhamavedanîyakamma in Buddhism and in Thai Societies. This Thesis is carried out by using the interview and collecting the data by the method of the random of the exemplary people consisting of the Buddhist monks, the academies, the company offices, and the general people of the number of 15. From the research, it is found that in the three baskets the results of actions to be received at the present time are mentioned in Nibbedhikasutta. Such the result of action is called “Ditฺtฺhadhammavedanîyakamma” meaning the action which gives the result at the present time. Such the result is of two characteristics :- the first one gives a result in this birth within seven days, and the second one gives a result in this birth after seven days. The norms in giving the result by the first action within seven days consists of 4 types, namely:- (1) Cetanâ-sampadâ, excellence of the intention, (2) Paccaya-sampadâ, excellence of the gift, (3) Vatthu-sampadâ, excellence of the foundation for merit, (4) Gunฺâtireka-sampadâ, excellence of extra virtue. Such kinds of actions can give the results, when:- (1) there is no any obstacles. (2) it must receive a special support, (3) there must be a strong volition, (4) the person who receives the result of action must be a special one. This kind of action is called “Paripakka-Ditฺtฺhadhammavedanîyakamma” on the other hand, the second one gives the result after the seven days, but it is also the action giving the result in this present birth which can be divided into 3 times (rounds), namely:- (1) when a person does a good or a bad action at the first age, the action will give a result at the first age, at the middle age or at the final age. (2) when a person does a good or a bad action at the middle age, the action will give a result at the middle or later age. (3) when a person does a good or a bad action at the later age, the action will give a result at the later age and this kind of action is called “Aparipakka-Ditฺtฺhadhammavedanîyakamma” However, there is still a condition that the Ditฺtฺhadhammavedanîyakamma which is in the first impulsion (Javana) is of like power and is not like the impulsions no. 2-3-4-5-6-7, because it is the impulsion which arises for the first time, but, however, it receives some help from Âsevanapaccaya, the supporting factor, so, it gives the result only in this present birth. If it does not give a result. It will tacitly be Ahosikamma. The Thai Buddhists understanding and the belief in Ditฺtฺhadhamma-vedanîyakamma can be divided into 2 types, namely:- (1) The belief consisting of the temperaments, (2) The belief consisting of the caused and the reasons. It can also be divided into 2 groups, namely:- (1) The group of belief at the level of the ordinary people and (2) The group of belief at the level of those who have the knowledge of Buddhism. It can be seen that these two groups are of both similarity and difference. Regarding the difference, it is found that the group of the village people, The difference is that the people have a misunderstanding of the meaning and perspective in a way. The group of those who have the knowledge of Buddhism have the beliefs according to the Buddhist ways and reasons. Regarding the similarity, it is found that both groups of people believe in Ditฺtฺhadhammavedanîyamma. That is to say whatever one has done, no matter whatever it is good or bad, certainly gives both the good and the bad resultant the present time. Regarding belief in Ditฺtฺhadhammavedanîyamma in Buddhism and in Thai societies, the Thai societies are based on Buddhism. The said belief has been instrument to train the Thai people to have the belief in Kamma since a long time. Later on, the Thai societies have changed in many ways. Thus, the belief in Kamma has change and those who can teach about the Kamma rightly are less in number. Most of the people look at the Kamma as the mater near themselves on they think that they are born with the Kamma. If the Thai societies turn to be interested in the Kamma which will give the result at present, it will be good for themselves and others. So, the researcher interviewed the academics who have experiences and are the experts in Ditฺtฺhadhammavedanîyamma to cause the Thai societies to understand the truth more and more that this kind of Kamma truly gives a result to oneself and others.

มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย. สำนักหอสมุดและเทคโนโลยีสารสนเทศ

Address: กรุงเทพมหานคร

Email: library@mcu.ac.th

Name: พระมหากฤษณะ ตรุโณ

Role: อาจารย์ที่ปรึกษา

Name: ศศิวรรณ กำลังสินเสริม

Role: อาจารย์ที่ปรึกษา

Modified: 2564-10-04

Issued: 2558-08-09

วิทยานิพนธ์/Thesis

application/pdf

tha

DegreeName: พุทธศาสตรมหาบัณฑิต

Level: ปริญญาโท

Descipline: สาขาวิชาพระพุทธศาสนา

Grantor: มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย

©copyrights มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย

ลำดับที่.	ชื่อแฟ้มข้อมูล	ขนาดแฟ้มข้อมูล	จำนวนเข้าถึง	วัน-เวลาเข้าถึงล่าสุด
1	54-02-2-010.pdf	3.42 MB	1	2022-09-10 20:10:23

ใช้เวลา

0.030413 วินาที