การบริหารกิจกรรมลูกเสือในสถานศึกษา สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา ร้อยเอ็ด เขต 3

Administration of Boy Scout Activities in Schools under the Office of Roi Et Educational Service Area 3

Name: ณัฐพงศ์ ปะนาสังข์

keyword: การบริหาร กิจกรรมลูกเสือ สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา ร้อยเอ็ด

ThaSH: การบริหาร -- กิจกรรมลูกเสือ -- สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา -- ร้อยเอ็ด

Abstract: การศึกษาการบริหารกิจกรรมลูกเสือในสถานศึกษาครั้งนี้มีความมุ่งหมาย เพื่อ 1) ศึกษา การบริหารกิจกรรมลูกเสือในสถานศึกษา สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาร้อยเอ็ด เขต 3 2) เปรียบเทียบการบริหารกิจกรรมลูกเสือในสถานศึกษา สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาร้อยเอ็ด เขต 3 และ 3) ศึกษาปัญหาและข้อเสนอแนะการบริหารกิจกรรมลูกเสือตามความคิดเห็นของผู้บริหารสถานศึกษา ผู้บังคับบัญชาลูกเสือ และครูผู้สอนวิชาลูกเสือ ซึ่งกลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการวิจัย ได้แก่ ประชากรที่ตอบแบบสอบถามประกอบด้วยผู้บริหารสถานศึกษา 221 คน ผู้บังคับบัญชาลูกเสือ 514 คน และครูผู้สอนวิชาลูกเสือ 700 คน รวมจำนวน 1,435 คน ทำการวิจัยในปีการศึกษา 2552 เครื่องมือ ที่ใช้ในการวิจัยเป็นแบบสอบถามความคิดเห็นเกี่ยวกับการดำเนินงานบริหารกิจกรรมลูกเสือในสถานศึกษา จำนวน 60 ข้อ โดยจำแนกออกเป็น 5 ด้าน คือ ด้านการวางแผน ด้านการจัดบุคลากร ด้านการจัดการเรียนการสอน ด้านการจัดงบประมาณและวัสดุอุปกรณ์และด้านการประเมินผล ซึ่งมีค่าความเชื่อมั่น (rxy) พบว่า ด้านการวางแผนมีค่า Alpha = .9834 ด้านการจัดบุคลากรมีค่า Alpha = .9250 ด้านการจัดการเรียนการสอนมีค่า Alpha = .9860 และด้านการจัดงบประมาณและวัสดุอุปกรณ์ มีค่า Alpha = .9812 การวิเคราะห์ข้อมูลใช้สถิติค่าเฉลี่ย ร้อยละ ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน และการทดสอบสมมุติฐาน ใช้ t-test (Dependent Samples) และ F-test (One-way ANOVA) ผลการวิจัยพบว่า 1. ข้อมูลเบื้องต้นเกี่ยวกับสถานภาพของผู้บริหารสถานศึกษา ผู้บังคับบัญชาลูกเสือ และครูผู้สอนวิชาลูกเสือ เป็นเพศชายมากกว่าเพศหญิง โดยมีสถานภาพเป็นครูผู้สอนวิชาลูกเสือจำนวนมากที่สุด และผู้บริหารสถานศึกษาน้อยที่สุด มีวุฒิทางลูกเสือขั้น A.T.C. มากที่สุด ผู้ที่ปฏิบัติหน้าที่ในโรงเรียนขนาดใหญ่มากที่สุด และน้อยที่สุดคือโรงเรียนขนาดเล็ก มีประสบการณ์ในการจัดกิจกรรมทางด้านลูกเสือตั้งแต่ 16 ปีขึ้นไป มากที่สุด และน้อยที่สุด คือ 5 ปีลงมา 2. การดำเนินงานบริหารกิจกรรมลูกเสือมีผลเฉลี่ยรวมอยู่ในระดับมาก โดยด้านการวางแผนมากที่สุด และน้อยที่สุด คือ ด้านการจัดบุคลากร 3. การบริหารกิจกรรมลูกเสือในสถานศึกษา พบว่า 3.1 เพศชายและเพศหญิงมีความคิดเห็นต่อการดำเนินงานบริการกิจกรรมลูกเสือในสถานศึกษา สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาร้อยเอ็ด เขต 3 ในด้านการจัดบุคลากร แตกต่างกัน ส่วนด้านอื่นๆ ไม่แตกต่างกัน 3.2 สถานภาพการดำรงตำแหน่งระหว่างผู้บริหารสถานศึกษา ผู้บังคับบัญชาลูกเสือ และครูผู้สอนวิชาลูกเสือ มีความคิดเห็นต่อการดำเนินงานในการบริหารกิจกรรมลูกเสือ ทุกด้านแตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05 3.3 ผู้ที่มีวุฒิทางลูกเสือต่างกัน มีความคิดเห็นต่อการดำเนินงานในการบริหารกิจกรรมลูกเสือทุกด้าน แตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05 3.4 ผู้ปฏิบัติหน้าที่ในโรงเรียนขนาดต่างกัน มีการดำเนินงานในการบริหารกิจกรรมลูกเสือด้านการจัดงบประมาณและวัสดุอุปกรณ์ และด้านการประเมินผลไม่แตกต่างกัน ส่วนด้านการวางแผน ด้านการจัดบุคลากร และด้านการจัดการเรียนการสอนแตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05 3.5 ผู้ที่มีประสบการณ์จัดกิจกรรมทางด้านลูกเสือต่างกัน มีความคิดเห็นต่อ การดำเนินงานในการบริหารกิจกรรมลูกเสือในสถานศึกษาทุกด้านแตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญ ทางสถิติที่ระดับ .05 4. ปัญหาที่พบมากที่สุดคือนักเรียนไม่ให้ความสำคัญ และสนใจในการเรียนกิจกรรมลูกเสือ และครูให้ความสำคัญกับแผนการสอนกิจกรรมลูกเสือน้อยเกินไปมีปัญหาน้อยที่สุด

Abstract: The purposes of this research were 1) to study the administration of boy scout activities in schools under the Office of Roi Et Educational Service Area 3 2) to compare the administration of boy scout activities in schools under the Office of Roi Et Educational Service Area 3 3) to study problems and suggestions about the administration of boy scout activities based on the opinions of school administrators, boy scout administrators and boy scout teachers. The research was conducted in 2009. The subjects of this study were 221 school administrators, 514 boy scout administrators and 700 boy scout teachers. The total number of the subjects was 1,453. The research instrument was a questionnaire about the administration of boy scout activities in schools which consisted of 60 questions in 5 areas - planning, human resource management, teaching and learning, and budgeting and equipment assessment. The reliability coefficient (rxy) was of Alpha =.9834 for planning, Alpha = .9250 for human resource management, Alpha = .9860 for teaching and learning, Alpha = .9812 for budgeting and equipment. Percentage, standard deviation, means, T-test (Dependent Samples) and F-test (One-way ANOVA) were employed in the data analysis. The results of this research were as follows: 1. Status: boy scout administrators, school administrators, as well as boy scout teachers were mostly male. Among these, the highest number was boy scout teachers while the lowest number was boy scout administrators with an A.T.C. ranking. Boy scout teachers within big and small schools have differing levels of experience. The longest span of experience is 16 years and the shortest span is 5 years. 2. The boy scout administration management showed the highest score in the area of planning and the lowest score in human resource management. 3. The findings about the administration of boy scout activities in schools were as below: 3.1 Males and females expressed differing opinions on human resource management about the administration of boy scout activities in schools under the Office of Roi Et Educational Service Area 3. 3.2 School administrators, boy scout leaders and teachers expressed their opinions about boy scout administration. There was a statistically significant difference at the .05 level. in all areas. 3.3 Subjects with various boy scout backgrounds showed different opinions about the administration of boy scout activities in schools. There was a statistically significant difference at the .05 level. 3.4 There was a difference in the area of planning, human resource management, teaching and learning while the area of budgeting and equipment showed no difference among the school personnel from different schools. There was a statistically significant difference at the .05 level. 3.5 Subjects with various levels of experience in boy scout activities showed their different opinions in all areas about boy scout activities in school. There was a statistically significant difference at the .05 level. 4. Overall, the student’s attitude toward boy scout activities was not positive. However, the least problematic area was the lack of lesson planning for boy scout activities.

มหาวิทยาลัยราชภัฏร้อยเอ็ด. ศูนย์วิทยบริการ.

Address: ร้อยเอ็ด

Email: lib.reru101@gmail.com

Name: ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.ปราโมทย์ เบญจกาญจน์

Role: ที่ปรึกษาวิทยานิพนธ์หลัก

Name: รองศาสตราจารย์ประสิทธิ์ สุวรรณรักษ์

Role: ที่ปรึกษาวิทยานิพนธ์ร่วม

Modified: 2558-04-22

Issued: 2558-04-22

วิทยานิพนธ์/Thesis

application/pdf

tha

Spatial: ไทย

Spatial: ไทย (ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ)

Spatial: ร้อยเอ็ด

DegreeName: ครุศาสตรมหาบัณฑิต

Level: ปริญญาโท

Descipline: การบริหารการศึกษา

Grantor: มหาวิทยาลัยราชภัฏร้อยเอ็ด

©copyrights มหาวิทยาลัยราชภัฏร้อยเอ็ด

ลำดับที่.	ชื่อแฟ้มข้อมูล	ขนาดแฟ้มข้อมูล	จำนวนเข้าถึง	วัน-เวลาเข้าถึงล่าสุด
1	abstract.pdf	1.1 MB	88	2024-10-27 23:30:41
2	acknowledgement.pdf	55.71 KB	30	2024-10-27 23:30:36
3	appendices.pdf	348.92 KB	43	2025-03-31 15:52:34
4	chapter1.pdf	115.94 KB	91	2025-05-01 10:49:58
5	chapter2.pdf	382.81 KB	105	2025-03-31 15:48:06
6	chapter3.pdf	182.97 KB	44	2024-10-27 23:29:53
7	chapter4.pdf	371.8 KB	56	2024-10-27 23:30:00
8	chapter5.pdf	121.63 KB	59	2024-10-27 23:30:06
9	contents.pdf	121.22 KB	48	2024-08-07 22:31:23
10	references.pdf	136.28 KB	57	2024-10-27 23:30:13
11	titlepage.pdf	1.48 MB	52	2025-03-31 15:52:15
12	vitae.pdf	55.57 KB	21	2025-03-31 15:52:05

ใช้เวลา

0.041401 วินาที