การวิจัยผสานวิธี : ความทุ่มเทในการทำงานของครูในพื้นที่พหุวัฒนธรรม สามจังหวัดชายแดนภาคใต้

A mixed methods research : work engagement of teachers in multicultural areas of three southernmost provinces of Thailand

Name: วัชรินทร์ หนูสมตน

keyword: ความทุ่มเทในงาน

ThaSH: ความพอใจในการทำงาน

ThaSH: ความผูกพันต่อองค์การ

ThaSH: พหุวัฒนธรรมนิยม

Abstract: งานวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อ 1) เพื่อพัฒนาเครื่องมือวัดค่านิยมร่วมที่พึงประสงค์ในการ ทำงานของครูในพื้นที่ 2) เพื่อพัฒนาและตรวจสอบความตรงของโมเดลสมการโครงสร้างเชิงเส้น ความทุ่มเทในการทำงานของครูในพื้นที่ 3) เพื่ออธิบายข้อค้นพบจากปรากฏการณ์ที่เกี่ยวข้องกับ ปัจจัยสนับสนุนในการเลือกฝึกประสบการณ์วิชาชีพครูและการปฏิบัติหน้าที่ของครูในพื้นที่เสี่ยงภัย ด้วยความทุ่มเท 4)เพื่อศึกษาประสิทธิภาพของกิจกรรมเสริมสร้างความทุ่มเทในการทำงาน ของนักศึกษาฝึกประสบการณ์วิชาชีพครูในพื้นที่ โดยแบ่งการวิจัยออกเป็น 4 ระยะ ตามวัตถุประสงค์ของการวิจัย กลุ่มตัวอย่างในการวิจัยระยะที่ 1 คือครูที่ปฏิบัติงานในพื้นที่จังหวัด ปัตตานี ยะลา และนราธิวาส นับตั้งแต่การเกิดเหตุการณ์ความไม่สงบขึ้น และไม่ประสงค์จะขอย้าย ออกนอกพื้นที่จำนวน 877 คน กลุ่มตัวอย่างในการวิจัยระยะที่ 2 คือครูในพื้นที่ จำนวน 1,266 คน กลุ่มตัวอย่างในการวิจัยระยะที่ 3 คือกรณีศึกษาที่เป็นครูจำ นวน 4 คน และนักศึกษา ฝึกประสบการณ์วิชาชีพครู จำนวน 2 คน (ที่ได้รับผลกระทบโดยจากเหตุการณ์ลอบวางระเบิด ในพื้นที่) และกลุ่มตัวอย่างในการวิจัยระยะที่ 4 คือ นักศึกษาฝึกประสบการณ์วิชาชีพครู ณ หน่วย ฝึกโรงเรียนโพธิ์คีรีราชศึกษา อำเภอโคกโพธิ์ จังหวัดปัตตานี ที่สมัครใจเข้าร่วมการทดลอง จำนวน 15 คน การวิเคราะห์ข้อมูลใช้สถิติบรรยายโดยใช้โปรแกรมสำเร็จรูปในการวิเคราะห์ข้อมูลทางสถิติ (The Statistical Software Package for Research) วิเคราะห์องค์ประกอบเชิงยืนยัน และตรวจสอบ ความสอดคล้องของโมเดลโดยใช้โปรแกรม ผลการวิจัยสรุปได้ว่า 1) โมเดลค่านิยมร่วมที่พึงประสงค์ในการทำงาน มีความสอดคล้องกับ ข้อมูลเชิงประจักษ์ดี หรือตัวแปรสังเกตได้ทั้ง 19 ตัว สามารถวัดตัวแปรแฝง “ค่านิยมร่วมที่ พึงประสงค์ฯ” ได้จริง ซึ่งมีค่าสถิติ Chi-square = 114.62, p = 0.06364, ที่องศาอิสระ = 93, AGFI = 0.972, RMR = 0.0174 การวิเคราะห์องค์ประกอบเชิงยืนยันอันดับสอง อันดับที่สอง เพื่อตรวจสอบองค์ประกอบของแบบวัดจำนวน 4 องค์ประกอบ พบว่า น้ำหนักองค์ประกอบทุกองค์ประกอบ มีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ 0.05 จำแนกตามน้ำหนักองค์ประกอบจากมากไปหาน้อย คือ ค่านิยม จากมุมมองคนในพื้น ค่านิยมที่เกี่ยวข้องกับจรรยาบรรณวิชาชีพครู ค่านิยม TEAMWINS ค่านิยม สร้างสรรค์ในการทำงาน และมีค่าน้ำหนักองค์ประกอบเท่ากับ 0.38, 0.37, 0.36 และ 0.27 ตามลำดับ 2)โมเดลโครงสร้างความสัมพันธ์เชิงเส้นของปัจจัยที่ส่งผลต่อความทุ่มเทในการทำงานของครู ในพื้นที่มีความสอดคล้องกับข้อมูลเชิงประจักษ์ในเกณฑ์ดี หรือโมเดลมีความเที่ยงตรงซึ่งมีค่าสถิติ Chi-square = 122.81, p = 0.069 ที่องศาอิสระ = 101, GFI = 0.99, AGFI = 0.98 โดยตัวแปรแฝง ภายในร่วมกันพยากรณ์ความทุ่มเทในการทำงานได้ร้อยละ 58 3)ปัจจัยที่ช่วยสนับสนุนให้เกิดความ ทุ่มเทในการทำงานแก่ครูในพื้นที่ มีความเกี่ยวข้องกับ 5 มิติหลัก คือ มิติด้าน จิตลักษณะส่วนบุคคล มิติด้านการให้การสนับสนุนในเชิงจิตวิทยา มิติด้านสัมพันธภาพในที่ทำงาน มิติด้านการบริหาร จัดการ และมิติด้านปัจจัยสนับสนุนทางกายภาพ 4) ประสิทธิภาพกิจกรรมของการพัฒนาจิตลักษณะ แบบพอเพียงและความทุ่มเทในการทำงาน ของนักศึกษาฝึกประสบการณ์วิชาชีพครูมีประสิทธิภาพ ดี ผลการวิจัยหลังการทดลองพบว่าพัฒนาการด้านจิตลักษณะแบบพอเพียง และความทุ่มเทในการ ทำงาน เมื่อเปรียบเทียบก่อน-หลังการทดลองทำงานพบว่า กลุ่มทดลองเท่านั้นที่มีคะแนนพฤติกรรม ก่อน-หลังการทดลองแตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05 ทั้งในด้านจิตลักษณะ แบบพอเพียงและความทุ่มเทในการทำงาน โดยหลังทดลองมีคะแนนสูงกว่าก่อนทดลอง ส่วนกลุ่ม ควบคุมพบว่า คะแนนก่อนและหลังทดลองไม่แตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05 และในระยะติดตามผลพบว่าคะแนนเฉลี่ยของจิตลักษณะแบบพอเพียงและความทุ่มเทในการ ทำงาน ไม่แตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05

Abstract: The objectives of this research were to 1) develop the measurement of Teacher Shared Value Test 2) to develop and test validity of the linear structural equation model of work engagement of teachers in the areas 3) to generate a supportive theoretical which explain supporting factors which effected to personally engagement, on professional teaching training and teachers in insurgency area 4) to study the efficiency of engagement activities program enhance professional teaching training, which divided the research in 4 stages following the objectives. The sample of the first stage of the research consisted 877 teachers, who performed their duty and stand fast until unrest situation occurred and did not desire to move themselves out of the areas. Sample size of the second stage is 1,266 teachers in these areas. For the third stage, consisted 4 case study of teachers and 2 case study of students on professional teaching training (which are effected from the insurgent attacking). The sample size for the fourth stage consisted 15 students on professional teaching training at Phoekeereerajsuksa School, Koke Phoe District, Pattani Province. Analytical for descriptive statistic using The Statistical Software Package for Research, and LISREL 8.72 were use for the confirmatory factor analysis and to test the concordance of hypothetic model The major findings were: 1) the share value model was concordant with the empirical data in a good criteria or high construct validity with its nineteen factors, which was confirmed by LISREL (Chi-square = 114.62, p = 0.06364, df = 93, AGFI = 0.972, RMR = 0.0174). For the second order of CFA found that factor loadings of four latent variables having statistically – significant at 0.05, following by FGD, ETIC, TEAMWINS and CREATIVE having factor loading at 0.38, 0.37, 0.36 and 0.27 2) the linear structural equation model of work engagement was concordant with the empirical data in a good criteria or high validity (Chi-square = 122.81, p = 0.069, df = 101, GFI = 0.99, AGFI = 0.98). All endogenous variables altogether described the variation of work engagement was equal to 58%. 3) Factors supporting work engagement of teachers in the areas concerns to 5 dimensions, which are individuals’ psychological characteristics, psychological supported, relationship in work place and physical supported. 4) the psychological sufficiency and work engagement program for students on professional teaching training have effectiveness, the result after experiment on effectiveness of the activities revealed that the scores on psychological sufficiency and work engagement of the experimental group were statistical significantly increased at level .05, which not difference highly scores between after experimental stage and follow up stage and both stages having higher score more than before experimental stage. For the control group, the scores between before and after experimental stage have not difference at statistical significantly level .05.

มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าพระนครเหนือ. สำนักหอสมุดกลาง

Address: กรุงเทพมหานคร

Email: library@kmutnb.ac.th

Name: ศจีมาจ ณ วิเชียร

Role: ที่ปรึกษาดุษฎีนิพนธ์

Email : sgm@kmutnb.ac.th

Name: มานพ ชูนิล

Role: ที่ปรึกษาดุษฎีนิพนธ์

Email : mnp@kmutnb.ac.th

Created: 2553

Modified: 2554-11-21

Issued: 2554-11-21

วิทยานิพนธ์/Thesis

application/pdf

CallNumber: ดพ DIOP ว386ห

tha

DegreeName: ปรัชญาดุษฎีบัณฑิต

Level: ปริญญาเอก

Descipline: จิตวิทยาอุตสาหกรรมและองค์การ

Grantor: มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าพระนครเหนือ

©copyrights มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าพระนครเหนือ

ลำดับที่.	ชื่อแฟ้มข้อมูล	ขนาดแฟ้มข้อมูล	จำนวนเข้าถึง	วัน-เวลาเข้าถึงล่าสุด
1	B1542036x.pdf	10.34 MB	2856	2025-12-16 13:38:56

ใช้เวลา

0.034394 วินาที