การประยุกต์รูปแบบการเรียนรู้แบบร่วมมือโมเดล GIPSA เรื่องวงจรกรองความถี่ สำหรับการศึกษาด้านวิศวกรรมโทรคมนาคม

Application of GIPSA cooperative learning model on filter circuits for telecommunication engineering education

Name: จงรัก สามารถ

ThaSH: สื่อการสอน

keyword: GIPSA

ThaSH: โทรคมนาคม -- การศึกษาและการสอน

ThaSH: การเรียนรู้ร่วมกัน

Abstract: การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อพัฒนารูปแบบการเรียนการสอนแบบร่วมมือเรื่องวงจรกรองความถี่ สำหรับประยุกต์ใช้ในการศึกษาด้านวิศวกรรมโทรคมนาคม ประกอบด้วยขั้นตอนการดำเนินการ 6 ขั้นตอน ได้แก่ 1) ศึกษาสภาพปัญหาและความต้องการในการจัดการเรียนการสอน 2) พัฒนารูปแบบการเรียนการสอนแบบร่วมมือ ที่เรียกว่า กิฟซ่า (GIPSA) ประกอบด้วย ขั้นตอน ได้แก่ การชี้แนะ (Guidance) การให้ข้อมูล (Information) การปฏิบัติการ (Practices) การสรุปร่วมกัน (Share) และขั้นตอนการประเมินผล (Assessment) 3) พัฒนาสื่อการสอน ซึ่งประกอบด้วย โปรแกรมจำลองวงจรกรองความถี่ ชุดวิเคราะห์โครงข่ายเสมือนจริง และวงจรกรองความถี่พาสซีพและไมโครเวฟ 4) สร้างชุดการสอนเรื่องวงจรกรองความถี่ จำนวน 4 หน่วยการเรียน ได้แก่ หลักการวงจรกรองความถี่ การออกแบบวงจรกรองความถี่ ข่ายงานสองขั้วและสายส่ง และการออกแบบวงจรกรองความถี่ไมโครเวฟ ซึ่งประกอบด้วย คู่มือครู สื่อการสอน และแบบทดสอบ 5) นำไปใช้กับกลุ่มตัวอย่าง ได้แก่ นักศึกษาที่ลงทะเบียนเรียนในรายวิชา สายส่งและโครงข่ายการสื่อสารตามหลักสูตรครุศาสตร์อุตสาหกรรมบัณฑิต สาขาวิชาวิศวกรรมไฟฟ้า จำนวน 22 คน และ 6) วิเคราะห์และสรุปผล ผลของการทดสอบสื่อการสอน พบว่า โปรแกรมจำลองวงจรกรองความถี่ให้ผลการทำงานที่สอดคล้องกับโปรแกรมจำลอง Sonnet Lite โดยมีค่าความคลาดเคลื่อนไม่เกินร้อยละ ±5 ชุดวิเคราะห์โครงข่ายเสมือนจริง มีผลการทำงานที่สอดคล้องกับเครื่องมือวัดจริงที่มีค่าความคลาดเคลื่อนไม่เกินร้อยละ ±5 และผลการวิเคราะห์วงจรกรองความถี่พาสซีพที่สร้างขึ้นให้ผลการตอบสนองทางความถี่สอดคล้องกับผลทางทฤษฎี โปรแกรมจำลอง IE3D และเครื่องวิเคราะห์โครงข่าย โดยมีค่าความคลาดเคลื่อนไม่เกิน ±5% สำหรับรูปแบบการเรียนการสอนแบบร่วมมือของ GIPSA มีความเหมาะสมจากการประเมินโดยผู้เชี่ยวชาญอยู่ในระดับมาก (x = 4.38) และประสิทธิภาพของชุดการสอนมีค่าเฉลี่ยเท่ากับ 78.56/76.67 ซึ่งต่ำกว่าเกณฑ์มาตรฐานที่กำหนด 80/80 อย่างไรก็ตามผลการวิเคราะห์ความก้าวหน้าทางการเรียน โดยการเปรียบเทียบคะแนนก่อนและหลังเรียนแตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05 และความพึงพอใจของผู้เรียนที่ผ่านการเรียนตามรูปแบบที่พัฒนาขึ้นมีค่าเฉลี่ยอยู่ในระดับมาก (x = 4.24) ดังนั้นสามารถสรุปได้ว่า รูปแบบการเรียนการสอน GIPSA ที่พัฒนาขึ้นสามารถประยุกต์ใช้ในการเรียนการสอนด้านวิศวกรรมโทรคมนาคมได้อย่างมีประสิทธิภาพ

Abstract: This research aimed to develop a cooperative learning model on filter circuits for application in telecommunication engineering education. The research procedure consists of 6 steps: 1) study an existing situation of problem and learning management needs 2) develop a cooperative learning model called GIPSA learning model including Guidance, Information, Practices, Share, and Assessment 3) develop the instructional media which includes the filter simulation program, the virtual network analyzer, the passive filter circuits, and the microwave filter circuits 4) create the instructional package on filter circuits which was divided into 4 units as filter circuits principle, filter circuits design, two port network and transmission lines, and microwave filter circuits design. The instructional package comprises teacher’s handbook, instructional media set, and achievement test 5) implement the cooperative learning model with 22 samples who were students registered in communication network and transmission lines subject, the Bachelor of Science in Technical Education, program in electrical engineering and 6) analyze data and make conclusion. The results of instructional media testing revealed as follows: firstly, the filter simulation program corresponded well with the Sonnet Lite simulation program that has an error less than ±5%, secondly, the operating test of the virtual network analyzer agreed with the instrument that has an error less than ±5%, and finally, the frequency response of passive filter circuits and microwave filter circuits analysis have well agreement in comparing with theory, IE3D simulation program and the network analyzer which has an error less than ±5%. The results showed that average level of opinion of experts towards the appropriation of the GIPSA learning model is mostly at high level (x = 4.38 S.D = 0.52). The instructional package has efficiency of 78.56/76.67 which is lower than standard criteria of 80/80. However, the comparison between pre-test and post-test score is significantly different at the .05 level in which the post-test scores are higher than the pre-test scores. The student opinions after using GIPSA learning model are at high satisfactory (x=4.24 S.D = 0.43 ). In conclusion, the GIPSA learning model could be applied to telecommunication engineering education with efficiency.

มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าพระนครเหนือ. สำนักหอสมุดกลาง

Address: กรุงเทพมหานคร

Email: library@kmutnb.ac.th

Name: สมศักดิ์ อรรคทิมากูล

Role: ที่ปรึกษาดุษฎีนิพนธ์

Email : ssa@kmutnb.ac.th

Created: 2556

Modified: 2024-11-14

Issued: 2557-05-14

วิทยานิพนธ์/Thesis

application/pdf

CallNumber: ดพ DTE จ126ส

tha

DegreeName: ปรัชญาดุษฎีบัณฑิต

Level: ปริญญาเอก

Descipline: ไฟฟ้าศึกษา

Grantor: มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าพระนครเหนือ

©copyrights มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าพระนครเหนือ

ลำดับที่.	ชื่อแฟ้มข้อมูล	ขนาดแฟ้มข้อมูล	จำนวนเข้าถึง	วัน-เวลาเข้าถึงล่าสุด
1	B15774892.pdf	11.74 MB	5	2025-06-15 09:42:13

ใช้เวลา

0.030676 วินาที