แจ้งเอกสารไม่ครบถ้วน, ไม่ตรงกับชื่อเรื่อง หรือมีข้อผิดพลาดเกี่ยวกับเอกสาร ติดต่อที่นี่ ==>
หากไม่มีอีเมลผู้รับให้กรอก thailis-noc@uni.net.th ติดต่อเจ้าหน้าที่เจ้าของเอกสาร กรณีเอกสารไม่ครบหรือไม่ตรง

ร่องรอยภิกษุณีในประเทศไทย

keyword: ร่องรอยภิกษุณีในประเทศไทย
Abstract: หลักฐานในสมันตปาสาทิกาอรรถกถาพระวินัยบันทึกไว้ว่า “พระโสณเถระ และพระอุตตรเถระได้ไปยังแคว้นสุวรรณภูมิ แสดงธรรมให้ประชาชนฟัง พวกเขาเหล่านั้นเลื่อมใส ได้รับสรณคมณ์และศีล ประชาชน ประมาณ ๖๐,๐๐๐ ได้บรรลุธรรม พวกเด็กในตระกูลประมาณ ๓,๕๐๐ ได้บวชแล้ว กุลธิดาประมาณ ๑,๕๐๐ นางได้บวชแล้ว พระเถระได้ประดิษฐานพระศาสนาให้ดำรงมั่นอยู่ในแคว้นสุวรรณภูมิ นั้นแล้ว จำเดิมแต่นั้นมา” จากข้อความเหล่านี้ประเด็นที่น่าสนใจคือกุลธิดาออกบวช ๑๕,๐๐ คน อีกประเด็นหนึ่งคือ “สุวรรณภูมิอยู่ที่ไหน”? ในหนังสือสุวรรณภูมิอยู่ที่นี่ ที่แผ่นดินสยาม ได้กล่าวว่า “สุวรรณภูมิศูนย์กลางอยู่ที่ลุ่มแม่น้ำท่าจีน ประเทศไทย”สรุปจากหลักฐานเอกสารเหล่านี้สุวรรณภูมิจึงอยู่ที่ประเทศไทย พระโสณะและพระอุตตระมาที่ประเทศไทย อรรถกถาได้กล่าวถึงพระเถระทั้งสอง ได้บวชกุลธิดา ๑,๕๐๐ แต่ไม่มีชัดเจนว่าบวชเป็นอะไร พระพุทธเจ้าทรงอนุญาตการบวชภิกษุณีแบบอัฏฐวาจิกาอุปสัมปทา กุลธิดาทั้ง ๑,๕๐๐ คนในขั้นแรกน่าจะบวชเป็นสามเณรี การบวชเป็นสามเณรีต้องบวชจากภิกษุณีสงฆ์เท่านั้น ท่านทั้งสองน่าจะขอภิกษุณีจากเมืองปาฏลีบุตรมาบวชกุลธิดาเป็นสามเณรี แต่เรื่องราวเรื่องการบวชไม่ได้บันทึกไว้เหมือนเรื่องของพระมหินทเถระและพระนางสังฆมิตตาเถรี สามเณรีเหล่านั้นน่าจะได้บวชเป็นภิกษุณีในกาลภายหลังเมื่ออายุครบบวชแต่ไม่มีหลักฐานบันทึกไว้ รังสี สุทนต์ นักวิชาการชาวไทย แสดงทัศนะเกี่ยวกับเรื่องนี้ว่า “กุลธิดา ๑,๕๐๐ คน บวชเป็นภิกษุณี เพราะในยุคอโศกมีภิกษุณี พระโสณะพระอุตตระอาจส่งข่าวไปกับพ่อค้าให้ส่งภิกษุณีมาสุวรรณภูมิ เหมือนส่งไปลังกา แต่ในอรรถกถาสมันตปาสาทิกาเล่าแบบสรุป เพราะมุ่งที่จะอธิบายพระวินัย ธรรมทูตทั้ง ๙ สาย มีบันทึกไว้ในสมันตปาสาทิกาอรรถกถา หมายความว่า พระธรรมทูตทั้ง ๙ สายต้องกลับไปเล่าสู่กันฟัง แต่ละสายได้พบเหตุการณ์อะไรบ้างและแสดงธรรมอะไรบ้าง สายสุวรรณภูมิได้แสดงพรหมชาลสูตร การที่จะทราบความเป็นไปของแต่ละสายได้นั้น หมายถึงพระธรรมทูตทั้งหลายได้กลับมาเล่าสู่กันฟัง พระพรหมคุณาภรณ์(ป.อ.ปยุตฺโต)แสดงข้อคิดเห็นว่า “เป็นเรื่องของตำนาน เพราะว่าไม่มีเรื่องราวเป็นหลักฐานเหมือนอย่างลังกา ลังกามีความชัดเจน มีพระมหินทรมาและมีเรื่องราว เรื่องที่มาสุวรรณภูมินี้มันเป็นแบบเดียวกับที่ไปรัฐต่างๆที่ไม่มีประวัติเล่าความเป็นมา อดิศักดิ์ ทองบุญ ตั้งข้อสังเกตว่า “คำว่าเด็กในตระกูลประมาณ ๓,๕๐๐ ได้บวชแล้ว กุลธิดาประมาณ ๑,๕๐๐ นางได้บวชแล้ว เป็นเพียงสำนวนเท่านั้น” กกกกกกกกในประเทศไทย มีอุโบสถของภิกษุและภิกษุณีหลังเดียวกัน ข้างหนึ่งเป็นของภิกษุสงฆ์และอีกข้างหนึ่งเป็นของภิกษุณีสงฆ์ พื้นที่ในพระอุโบสถมี ๒ ส่วน มีมณฑปกั้นกลางในภายในอุโบสถสามารถเดินทะลุกันได้ บันไดลงมี ๒ ข้าง ภิกษุลงข้างหนึ่ง ภิกษุณีลงข้างหนึ่ง ชาวบ้านเรียกกันว่า“อุโบสถสองสงฆ์”มีปรากฏอยู่ที่วัดพระสิงห์ จังหวัดเชียงใหม่ สร้างในสมัยพระเจ้าแสนเมืองมา กษัตริย์อันดับ ๗ ของราชวงศ์เม็งราย พ.ศ. ๑๙๒๘-๑๙๔๔ สร้างเพื่อเป็นคติให้ระลึกถึงภิกษุณีในสมัยพุทธกาล และได้บูรณปฏิสังขรณ์ตลอดมาจนถึงปัจจุบัน กกกกกกกก วัดพระธาตุหริภุญไชย จังหวัดลำพูนประเทศไทย ปรากฏมีอุโบสถภิกษุณีหลังเล็กๆ อยู่ระหว่างมณฑปพระอัฏฐารส และวิหารพระสังกัจจาย กว้าง ประมาณ ๕ เมตร ยาวประมาณ ๑๐ เมตร ไม่ปรากฏหลักฐานในการสร้าง ประชาชนเล่าสืบๆ กันมาว่าเป็นอุโบสถของภิกษุณี ไม่มีใครกล้ารื้อทิ้ง มีการซ่อมแซมตลอดมา อุโบสถภิกษุและอุโบสถภิกษุณี หันหน้าไปทางทิศตะวันออกซึ่งเป็นด้านหน้าวัดเหมือนกัน แต่ต่างกันที่โบสถ์ภิกษุณีไม่มีเสาพัทธสีมาปักล้อมรอบ นั่นหมายความว่า ไม่ได้รับการผูกพัทธสีมาฝังลูกนิมิต ต่างกันกับโบสถ์ภิกษุที่อยู่ฝากตรงข้ามมีหลักฐานการฝังลูกนิมิตผูกพัทธสีมา โบสถ์ทั้งสองหลังนี้แยกกันเป็นเอกเทศ ไม่รวมกันเหมือนโบสถ์ภิกษุภิกษุณีวัดพระสิงห์ กกกกกกกกจากการค้นเอกสารและสัมภาษณ์ชาวเชียงใหม่และลำพูน(บรรพชิตและคฤหัสถ์)ว่าไม่ปรากฏหลักฐานเกี่ยวกับการมีภิกษุณีเคยอาศัยอยู่ในวัดนั้นๆ เพียงแต่สร้างให้เป็นสัญลักษณ์เป็นคติให้ระลึกถึงภิกษุณีในสมัยพุทธกาลเท่านั้น และชาวเชียงใหม่มีคติความเชื่อว่าสร้างอุโบสถ รอภิกษุณีในสมัยพระศรีอาริยเมตไตรย เมื่อพระศรีอาริยเมตไตรยมาแสดงธรรมให้กุลบุตรและกุลธิดาได้ฟัง ใครประสงค์จะบวชเป็นภิกษุและภิกษุณีก็สามารถบวชได้เพราะมีอุโบสถรองรับไว้แล้ว พรศิลป์ รัตนชูเดชให้เหตุผลว่า “เหตุที่มีการสร้างอุโบสถสองสงฆ์นี้ ก็เนื่องจากคติที่ว่า คณะสงฆ์ต้องประกอบไปด้วยฝ่ายภิกษุสงฆ์และฝ่ายภิกษุณีสงฆ์จึงจะครบสมบูรณ์และมีคติความเชื่อว่าบ้านเมืองที่นับถือพระพุทธศาสนาจะต้องมีพุทธบริษัท ๔ คือ ภิกษุ ภิกษุณี อุบาสก อุบาสิกา ครบทั้ง ๔ จำพวกจึงจะเกิดความเจริญรุ่งเรือง ถ้าขาดพุทธบริษัทจำพวกใดจำพวกหนึ่งย่อมเป็นอัปมงคล แสดงลางร้ายว่าอายุพระศาสนาใกล้จะหมดลงแล้ว ต่อจากนั้นจะถึงกลียุคเกิดสงครามล้างโลก บ้านเมืองต้องพินาศล่มจม ดังนั้นถึงแม้ไม่มีวงศ์ของภิกษุณีเข้ามาประดิษฐานในบ้านเมืองล้านนา เพราะภิกษุณีสงฆ์เถรวาทได้สิ้นสายไปแล้ว สันนิษฐานว่าพระเถระผู้รู้คงจะได้แก้ปัญหาความไม่สบายใจในเรื่องนี้ โดยแนะนำให้ทางบ้านเมืองจัดสร้างพระอุโบสถของภิกษุณีสงฆ์ประจำไว้สำหรับราชธานีสักแห่งหนึ่งเพื่อเป็นอนุสรณ์แก้เคล็ดเสมือนดังว่าในบ้านเมืองนี้ยังมีภิกษุณีบริษัทปรากฏอยู่ ย่อมจะมีแต่ความวัฒนาถาวรตลอดไปไม่มีที่สุด” วัดเทพธิดาราม กรุงเทพมหานคร ปรากฏมีรูปหล่อภิกษุณีอยู่ในวิหารหลังใหญ่ รูปหล่อหมู่พระอริยสาวิกา(ภิกษุณี) เป็นรูปพระภิกษุณีเถรีอยู่ในอิริยาบถต่างๆกัน จำนวนเท่าพระเถรีที่ได้รับยกย่องว่าเป็นเอตทัคคะในฝ่ายภิกษุณีบริษัทคือ ๕๒ องค์ (นั่ง ๔๙ องค์ ยืน ๓ องค์) หล่อด้วยดีบุก ปัจจุบันได้ลงรักปิดทองกันชำรุด ประดิษฐานบนแท่นหินอ่อนเบื้องหน้าพระประธาน เป็นวัดที่พระบาทสมเด็จพระนั่งเหล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๓ ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้สร้างวัดเทพธิดาพระราชทานให้พระราชธิดา วัดนี้มีวิหารรูปหล่อภิกษุณีแต่ไม่เคยมีภิกษุณีมาอาศัยอยู่เลย เคยมีแม่ชีอาศัยอยู่ข้างวิหารภิกษุณีหลายท่านบัดนี้แม่ชีไม่มีอาศัยอยู่” เมื่อถือตามอรรถกถาสมันตปาสาทิกาแล้ว เคยมีภิกษุณีเถรวาทในประเทศไทย แต่ไม่ได้รับการบันทึกไว้ หลังจากนั้นเสื่อมสูญไป และที่มีสัญลักษณ์ปรากฏคือโบสถ์ของภิกษณีและรูปหล่อนั้นเป็นเป็นการสร้างเพื่อระลึกถึงภิกษุณีในสมัยพุทธกาลเท่านั้นไม่ปรากฏหลักฐานว่ามีภิกษุณีมาทำสังฆกรรม บันทึกการเดินทางของสมณะอี้จิง “ได้กล่าวถึงภิกษุณีในอาณาจักรศรีวิชัยถึงเรื่องการแต่งกาย” พุทธศาสนามหายานรุ่งเรืองในอาณาจักรศรีวิชัย(ภาคใต้ของประเทศไทย) ภิกษุณีที่สมณะอี้จิงพบจึงเป็นภิกษุณีมหายาน ที่ประเทศไทย ได้มีสตรีไทยไปบวชเป็นภิกษุณีที่ประเทศศรีลัง แล้วกลับมาอยู่ประเทศไทย ๕ กลุ่ม คือ ๑.กลุ่มจังหวัดนครปฐมมี ประมาณ ๔ รูป ๒. กลุ่มจังหวัดเชียงใหม่ มีภิกษุณี ๒๕ รูป ๓. กลุ่มจังหวัดระยองมี ๓ รูป ๔. กลุ่มจังหวัดยโสธร มี ๒ รูป ๕. กลุ่มจังหวัดสมุทรสาครมี ๑ รูป ผู้เขียนได้เห็นพัฒนาการของกลุ่มจังหวัดเชียงใหม่ซึ่งพัฒนาไปได้อย่างรวดเร็ว ภิกษุณีกลุ่มเชียงใหม่นี้อดีตเป็นแม่ชีมีสำนักของตัวเอง ชื่อว่า สำนักนิโรธาราม จังหวัดเชียงใหม่ หลังจากนั้นไปบวชจากประเทศศรีลังกาเมื่อ ค.ศ.2008 บวชทั้งหมด ๕ ท่าน ปัจจุบันนี้ในสำนักนิโรธาราม มีภิกษุณี ๕ รูป สามเณรี ๒๐ รูป พระสงฆ์ในเชียงใหม่ยอมรับในการบวชเป็นภิกษุณีของกลุ่มภิกษุณีเชียงใหม่ ภิกษุณีที่เป็นเจ้าอาวาสชื่อว่า ภิกษุณีนันทิญาณี สอนวิปัสสนากรรมฐาน มีประชาชนศรัทธาพอสมควร ประเทศไทยเป็นเถรวาท การที่จะให้พระสงฆ์ยอมรับการบวชเป็นภิกษุณีนั้นยากมาก สตรีที่อยากจะบวชในประเทศไทยจึงต้องบวชเป็นแม่ชี
มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย. สำนักหอสมุดและเทคโนโลยีสารสนเทศ
Address: กรุงเทพมหานคร
Email: library@mcu.ac.th
Role: อาจารย์ที่ปรึกษา
Issued: 2556-10-10
บทความ/Article
application/pdf
tha
©copyrights มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย
RightsAccess:
ใช้เวลา
0.018723 วินาที

ดร.แม่ชีกฤษณา รักษาโฉม
Title Contributor Type
เหตุปัจจัยแห่งความเสื่อมสูญของภิกษุณีเถรวาทในยุคหลังพุทธกาล
มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย
ดร.แม่ชีกฤษณา รักษาโฉม

บทความ/Article
ร่องรอยภิกษุณีในประเทศไทย
มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย
ดร.แม่ชีกฤษณา รักษาโฉม

บทความ/Article
พระพุทธศาสนาในเซินเจิ้น: มณฑลกวางตุ้ง สาธารณรัฐประชาชนจีน
มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย
ดร.แม่ชีกฤษณา รักษาโฉม

บทความ/Article
รูปแบบและกระบวนการจัดการท่องเที่ยวทางพระพุทธศาสนาในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ:กระบวนการเปลี่ยนแปลง เส้นทางบุญ สู่ เส้นทางธรรม
มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย
ดร.แม่ชีกฤษณา รักษาโฉมและคณะ

บทความ/Article
Copyright 2000 - 2025 ThaiLIS Digital Collection Working Group. All rights reserved.
ThaiLIS is Thailand Library Integrated System
สนับสนุนโดย สำนักงานบริหารเทคโนโลยีสารสนเทศเพื่อพัฒนาการศึกษา
กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม
328 ถ.ศรีอยุธยา แขวง ทุ่งพญาไท เขต ราชเทวี กรุงเทพ 10400 โทร. โทร. 02-232-4000
กำลัง ออน์ไลน์
ภายในเครือข่าย ThaiLIS จำนวน 10
ภายนอกเครือข่าย ThaiLIS จำนวน 4,996
รวม 5,006 คน

More info..
นอก ThaiLIS = 245,720 ครั้ง
มหาวิทยาลัยสังกัดทบวงเดิม = 1,247 ครั้ง
มหาวิทยาลัยราชภัฏ = 55 ครั้ง
มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคล = 19 ครั้ง
มหาวิทยาลัยเอกชน = 8 ครั้ง
หน่วยงานอื่น = 3 ครั้ง
มหาวิทยาลัยสงฆ์ = 1 ครั้ง
รวม 247,053 ครั้ง
Database server :
Version 2.5 Last update 1-06-2018
Power By SUSE PHP MySQL IndexData Mambo Bootstrap
มีปัญหาในการใช้งานติดต่อผ่านระบบ UniNetHelp


Server : 8.199.134
Client : Not ThaiLIS Member
From IP : 216.73.216.33