ทักษะการบริหารจัดการการศึกษาของเจ้าอาวาสในเขตปกครองคณะสงฆ์จังหวัดพิจิตร

Name: พระปลัดภานุมาส นนฺทรกฺโข (นันทรักษ์)

keyword: การบริหารจัดการการศึกษา

; ทักษะการบริหาร

; เจ้าอาวาส

; เขตปกครองคณะสงฆ์

Abstract: การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์ 1) เพื่อศึกษากระบวนการทักษะการบริหารจัดการการศึกษาของเจ้าอาวาสในเขตการปกครองคณะสงฆ์จังหวัดพิจิตร 2) เพื่อเปรียบเทียบความคิดเห็นต่อทักษะการบริหารจัดการการศึกษาของเจ้าอาวาสในเขตการปกครองคณะสงฆ์จังหวัดพิจิตรโดยจำแนกตามปัจจัยส่วนบุคคล และ 3) เพื่อศึกษาปัญหาอุปสรรคและข้อเสนอแนะในการทักษะการบริหารจัดการการศึกษาของเจ้าอาวาสในเขตการปกครองคณะสงฆ์จังหวัดพิจิตร โดยศึกษากับกลุ่มตัวอย่าง คือ เจ้าอาวาสที่อยู่ในเขตการปกครองคณะสงฆ์จังหวัดพิจิตรจำนวน 214 รูป ใช้วิธีการเลือกตัวอย่างสุ่มอย่างง่าย (Simple Random Sampling) เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัยเป็นแบบสอบถาม วิเคราะห์ข้อมูลโดยหาค่าความถี่ ร้อยละ ค่าเฉลี่ย และส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน เปรียบเทียบโดยการทดสอบสมมติฐานโดยการทดสอบค่าที (t-test ) และการวิเคราะห์ความแปรปรวนทางเดียว (One Way ANOVA ) เมื่อพบว่ามีความแตกต่างกันจึงทำการเปรียบเทียบรายคู่โดยมีผลต่างนัยสำคัญน้อยที่สุด (Least Significant Difference : LSD ) และสรุปข้อมูลปัญหาอุปสรรคและข้อเสนอแนะ โดยวิเคราะห์และสังเคราะห์ข้อมูลที่ได้ ผลการวิจัยในการศึกษา ความคิดเห็นของเจ้าอาวาสต่อการใช้ทักษะการบริหารจัดการการศึกษาของ ผู้ตอบแบบสอบถามส่วนใหญ่ผู้ตอบแบบสอบถามส่วนใหญ่ มีอายุตั้งแต่ 31 – 35 ปี จำนวน 79 รูป คิดเป็นร้อยละ 36.92 มีพรรษา 11 – 20 พรรษา จำนวน 116 รูป คิดเป็นร้อยละ 54.21 มีการศึกษาทางธรรม จบนักธรรมชั้นเอก จำนวน ๒๑๓ รูป คิดเป็นร้อยละ 99.53 มีการศึกษาทางเปรียญธรรม ที่ยังไม่ได้เปรียญธรรม จำนวน 163 รูป คิดเป็นร้อยละ 76.17 และจบการศึกษาทางโลก ปริญญาตรี จำนวน 103 รูป คิดเป็นร้อยละ 48.13 พบว่า เจ้าอาวาสมีความคิดเห็นต่อการใช้ทักษะการบริหารจัดการการศึกษาของเจ้าอาวาสในเขตการปกครองคณะสงฆ์จังหวัดพิจิตร ในภาพรวมอยู่ในระดับมาก (X̅=4.03) เมื่อพิจารณารายละเอียดในแต่ละด้าน พบว่า เจ้าอาวาสมีความคิดเห็นต่อการใช้ทักษะการบริหารจัดการการศึกษาของเจ้าอาวาสในเขตปกครองคณะสงฆ์จังหวัดพิจิตร ทักษะด้านความคิด (X̅=4.08) อยู่ในระดับมาก ทักษะด้านความคิดรวบยอด (X̅= 4.07) ทักษะด้านการสอน (X̅= 4.07) ทักษะด้านมนุษย์สัมพันธ์ (X̅= 4.04) ทักษะด้านเทคนิค (X̅= 3.91) อยู่ในระดับน้อยสุด เมื่อเปรียบเทียบความคิดเห็นของเปรียบเทียบความคิดเห็น ของเจ้าอาวาสต่อการใช้ทักษะการบริหารจัดการการศึกษาของเจ้าอาวาสในเขตการปกครองคณะสงฆ์จังหวัดพิจิตร โดยจำแนกตามปัจจัยส่วนบุคคลแล้วพบว่า เจ้าอาวาสที่มีการศึกษาทางโลกต่างกัน มีความคิดเห็นต่อการใช้ทักษะการบริหารจัดการการศึกษา แตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .01 ซึ่งเป็นไปตามสมมติฐานที่ตั้งไว้สำหรับในด้าน อายุ พรรษา การศึกษาทางธรรม และการศึกษาทางเปรียญธรรม มีความคิดเห็นไม่แตกต่างกัน ข้อเสนอแนะ คือการสนับสนุนและส่งเสริมให้เจ้าอาวาสควรศึกษาในด้านการใช้ทักษะการบริหารจัดการการศึกษาเขตปกครองในเขตปกครองจังหวัดพิจิตร โดยสรุปได้ดังนี้ 1). ในทักษะการบริหารจัดการศึกษา เจ้าอาวาสควรมีการกระตุ้นบุคลากรให้มีการพัฒนาการการใช้ทักษะการบริหารการจัดการการศึกษา เมื่อเจ้าอาวาสในเขตปกครองคณะสงฆ์จังหวัดพิจิตรเกิดความรู้และเข้าใจในการบริหารงาน ก็จะทำให้เกิดประสิทธิภาพและทำให้เกิดประสิทธิผลอย่างสูงสุด 2). ในทักษะการบริหารจัดการศึกษา เจ้าอาวาสควรให้ความสำคัญในการเสริมสร้างคุณธรรม จริยธรรม ในองค์กรทุกระดับ เพื่อเป็นแบบอย่างที่ดีในสังคมไทย 3). ในทักษะการบริหารจัดการศึกษา เจ้าอาวาสควรมีความสม่ำเสมอภาคในการปฏิบัติหน้าที่หรือไม่เลือกปฏิบัติกับผู้ใต้บังคับบัญชา 4). ควรที่จะมีการเพิ่มเครื่องมือในการทำวิจัยให้มากขึ้น นอกเหนือจากการเก็บข้อมูลด้วยแบบสอบถาม เช่น การสังเกตพฤติกรรม หรือการสนทนากลุ่ม เพื่อนำข้อมูลที่ได้ มาวิเคราะห์ให้ได้ผลตรงกับทักษะการบริหารการจัดการศึกษาให้ดียิ่งขึ้นไป

Abstract: This research had the following objectives : 1) to study the Educational Management Administration skills as Perceived among Buddhist Abbots in Phichit Province Temples 2) to compare the opinions towards the Educational Management Administration. Skills as Perceived among Buddhist Abbots in Phichit Province Temples by classifying on personal factors and 3) to study the problems, barriers and recommendations in Educational Management Administration skills as Perceived among Buddhist Abbots in Phichit Province Temples. The sample of the study consisted of 224 abbots in Phichit Province Temples which had been selected by Random sampling Method. Research tool used questionnaire. The data were analyzed with statistical approach to find frequency, percentage, mean and standard deviation. The test of hypotheses were applied t-test, F-test and Least significant difference : LSD. The study was summarized the problems and suggestions by analyzing and synthesizing data. The findings showed that the extent of the abbots to Educational Management Administration Skills as Perceived among Buddhist Abbots in Phichit Province Temples. Most respondences were aged 31 – 33 years old. It was equivalent to 79 bodies or 36.92%. According to Vassa (the Buddhist lent), there were 116 bodies which had 11 – 20 the rains. It was equivalent to 54.21%. The Dhamma scholar were 213 bodies that were equivalent to 99.53%. The abbots who did not have parinnu Dhamma were 163 bodies. It was equivalent to 67.17%. Referring to general education the abbots were graduated in bachelor’s degree about 103 bodies. It eas equivalent to 48.73% the abbots applied the Educational Management Administration Skills as a whole in high average mean scones (X̅= 4.03). When considering to the other dimensions, it was found that the descending order of the Educational Management Administration Skills were as follows : 1) Thinking Skills (X̅= 4.08), Conceptual Skills (X̅= 4.07), Teaching Skills (X̅= 4.07), Interpersonal Skills (X̅= 4.04), and Technical Skills (X̅= 3.91) which was the least. The test of hypotheses were found that there were not significant difference at .01 level by age, Vassa, Dhamma Tipitaka and Parinnu Dhamma. The only hypothesis which was significant difference at .01 level was general education level. The suggestions of this study were as follows : 1) The related officials should encourage the abbots in Educational Management Administration Skills. 2) According to Educational management Administration Skills ; the abbots should give priority to strengthening ethics at all levels to set a good example in Thailand. 3) Referring to the Educational Management Administration Skills the abbots should have to serve justice and non-discrimination against the subordinates. 4) The researcher should increased more research tools such as observation form and focus group data in order to improve the data acquisition of Educational Management Administration Skills.

Mahachulalongkornrajavidyalaya University

Address: BANGKOK

Email: library@mcu.ac.th

Name: พระราชวชิรเมธี

Role: อาจารย์ที่ปรึกษา

Name: วรกฤต เถื่อนช้าง

Role: อาจารย์ที่ปรึกษา

Modified: 2025-10-16

Created: 2555

Issued: 2556-09-27

วิทยานิพนธ์/Thesis

application/pdf

tha

DegreeName: พุทธศาสตรมหาบัณฑิต

Level: ปริญญาโท

Descipline: สาขาวิชาการบริหารการศึกษา

©copyrights มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย

ลำดับที่.	ชื่อแฟ้มข้อมูล	ขนาดแฟ้มข้อมูล	จำนวนเข้าถึง	วัน-เวลาเข้าถึงล่าสุด
1	พระปลัดภานุมาส นนฺทรกฺโข (นันทรักษ์).pdf	4.16 MB

ใช้เวลา

0.033868 วินาที