ผลกระทบจากการเข้าสู่ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (AEC) และมาตรการรองรับของ ภาคธุรกิจอุตสาหกรรมยางพาราไทย

The impact of joining the ASEAN Economic Community (AEC) and measures to support the Thai Rubber Industry

Name: ศุภโชค สมพงษ์

ThaSH: ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน

ThaSH: อุตสาหกรรมยางพารา -- ไทย

Abstract: การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาผลกระทบจากการเข้าสู่ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียนและมาตรการรองรับของภาคธุรกิจอุตสาหกรรมยางพาราไทย โดยใช้วิธีการวิจัยด้วยเทคนิคเดลฟาย (Delphi.Technique) กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการวิจัย คือ ผู้เชี่ยวชาญที่เป็นผู้ประกอบการหรือผู้บริหารที่อยู่ภายในองค์กรบริษัทที่ได้ขึ้นทะเบียนเป็นสมาชิกกับสมาคมยางพาราไทย ซึ่งมีจำนวนทั้งสิ้น 17 ท่าน ระยะเวลาในการวิจัยระหว่างเดือนมิถุนายน พ.ศ.2555 ถึงเดือนธันวาคม พ.ศ.2555เครื่องมือที่ใช้เป็นแบบสอบถาม จำนวนทั้งสิ้น 3 รอบ ซึ่งมีผลการวิจัยใน4ประเด็นเนื้อหา ดังนี้ การที่มาเลเซียเป็นผู้ประสานงานหลักในสาขาผลิตภัณฑ์ยาง พบว่าในด้านผลกระทบจะเป็นลักษณะที่ไม่ใช่ผลกระทบโดยตรงแต่เป็นลักษณะผลกระทบที่มาจากปัจจัยภายในประเทศเป็นหลักที่ทำให้ไทยมีความเสียเปรียบกว่ามาเลเซีย อันเนื่องจากมาเลเซียได้เน้นในการพัฒนาและสร้างมูลค่าเพิ่มจากผลผลิตยางพาราไปสู่ผลิตภัณฑ์ยางแต่ไทยเน้นในการผลิตยางพาราที่เป็นวัตถุดิบเพื่อการส่งออก หากไทยต้องการพัฒนาเป็นผู้นำในอุตสาหกรรมยางให้เหนือกว่ามาเลเซียนั้นจะเป็นไปได้ยาก รวมถึงนโยบายการจัดเก็บค่าเงินสงเคราะห์การทำสวนยางพารา (Cess) ของไทยยังมีอัตราการจัดเก็บที่สูงกว่ามาเลเซีย จึงทำให้ไทยมีต้นทุนในการส่งออกยางพาราที่สูงกว่ามาเลเซีย ในด้านแนวทางหรือมาตรการรองรับพบว่าประเทศไทยควรที่จะพัฒนาจากอุตสาหกรรมระดับต้นน้ำที่เน้นผลิตยางพาราที่เป็นวัตถุดิบเพื่อการส่งออกให้พัฒนาไปสู่อุตสาหกรรมระดับปลายน้ำที่เป็นผลิตภัณฑ์ยางและควรมีการแก้ไข พ.ร.บ.ยางพาราให้ทันสมัยพร้อมรองรับประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน รวมถึงควรมีการปรับเปลี่ยนนโยบายการจัดเก็บค่าเงินสงเคราะห์การทำสวนยางพารา (Cess) ของไทยให้มีอัตราการจัดเก็บที่เท่ากับมาเลเซีย การที่ประเทศเพื่อนบ้านอย่าง ลาว เวียดนามและพม่า มีการขยายพื้นที่เพาะปลูกยางพาราและอุตสาหกรรมยางพารา ในด้านผลกระทบพบว่าจะทำให้ไทยเสียเปรียบกว่าประเทศดังกล่าว อันเนื่องจากมีพรหมแดนติดกับจีน ซึ่งทำการขนส่งไปจีนได้ง่ายและประหยัดค่าโลจิสติก จึงทำให้ไทยเสียส่วนแบ่งทางการตลาดในจีนไปส่วนหนึ่ง รวมถึงอาจจะทำให้ไทยคาดแคลนแรงงานจากประเทศเพื่อนบ้านในอนาคตได้ ในด้านแนวทางหรือมาตรการรองรับพบว่าภาครัฐควรมีการสนับสนุนส่งเสริมและให้ข้อมูลความรู้กับผู้ประกอบและนักลงทุนชาวไทยได้ขยายการลงทุนและฐานการผลิตไปยังประเทศเพื่อนบ้านมากยิ่งขึ้นและควรรีบเร่งพัฒนาระบบโครงสร้างการขนส่งของไทยให้ครอบคลุมและเชื่อมโยงกับประเทศเพื่อนบ้านรวมถึงควรมีการประเมินและกำหนดแผนผลิตบุคลากรเพื่อป้อนเข้าสู่ระบบธุรกิจอุตสาหกรรมยางพาราของไทยให้สอดคล้องและเพียงพอกับความต้องการทางด้านแรงงาน การเปิดเสรีการลงทุนในด้านผลกระทบพบว่าอาจเป็นโอกาสให้ผู้ประกอบการและนักลงทุนชาวไทยหันไปลงทุนในธุรกิจอุตสาหกรรมยางพาราในประเทศเพื่อนบ้านมากยิ่งขึ้น แต่ในขณะเดียวกันผู้ประกอบการรายย่อยของไทยที่มีเงินทุนน้อยอาจต้องปิดกิจการหรือถูกซื้อกิจการจากนักลงทุนชาวต่างชาติที่มีเงินทุนหนากว่าได้ ซึ่งในด้านแนวทางหรือมาตรการรองรับพบว่าภาครัฐควรมีมาตรการทางด้านการเงินให้ผู้ประกอบการชาวไทยสามารถเข้าถึงแหล่งเงินทุนได้ง่ายและควรมีการแนะนำให้ความรู้เทคนิคการผลิตและเทคโนโลยีใหม่ๆ.แก่ผู้ประกอบการชาวไทยเพื่อพัฒนาศักยภาพการผลิตยางพาราของไทยให้สามารถแข่งขันกับประเทศเพื่อนบ้านได้ จากการที่มียางพาราจากประเทศเพื่อนบ้านจะเข้ามาแข่งขันกับยางพาราของไทย.ในด้านผลกระทบพบว่าจะทำให้ยางพาราที่ไม่ได้คุณภาพเข้ามาปะปนกับยางพาราของไทยที่มีคุณภาพซึ่งจะทำให้มาตรฐานยางพาราของไทยตกลงและควบคุมคุณภาพได้ยาก รวมถึงโครงการและมาตรการต่างๆ ของภาครัฐที่ถูกกำหนดเพื่อพยุงราคาและช่วยเหลือชาวสวนยางอาจไม่บรรลุตามวัตถุประสงค์ที่ตั้งไว้.ในด้านแนวทางหรือมาตรการรองรับพบว่าภาครัฐและภาคเอกชนควรมีแนวทางและมาตรการควบคุมคุณภาพและคัดแยกยางพาราวัตถุดิบออกเป็นตามแหล่งที่มาของแต่ละประเทศ.โดยมีผู้เชี่ยวชาญคอยตรวจสอบคุณภาพของยางพาราก่อนเข้าสู่กระบวนการผลิตระดับปลายน้ำ รวมถึงควรมีการผูกสัมพันธ์และประสานงานร่วมกันระหว่างวงการธุรกิจอุตสาหกรรมยางพาราของไทย เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการผลิตให้เป็นแบบคลัสเตอร์ยางพารา

Abstract: This research aims to study the impact of measures to support the AEC and Thailand's Rubber Latex industry sector..By using the Delphi technique. The sample groups in this study included experts who are entrepreneurs or executives within the organization and are registered as members of the Thai Rubber Latex Association. A total of 17 people participated in the study between June and December 2012. Three sets of research questionnaires were used. The results revealed four issues as shown below Due to the fact that Malaysia in the co-ordinator exporter of latex and rubber products. This leads to indirect impact on the local conditions in the Thai Latex and Rubber industry. While Malaysia has focused on the production of value added latex products, Thailand has just exported latex as a raw material. Thailand has to overcome important difficulties in order to reduce the lead that Malaysia has at this moment. For example, even if Thai Government pays a higher storage allowance to Latex producers, the overall Latex storage costs are higher in Thailand than they are in Malaysia. This leads to a higher export cost for Thai latex than for Malaysia latex. Moreover, the policy on Thai rubber export Cess which is higher than neighboring countries makes it difficult and more expensive on logistics. Thai Government should increase the storage allowance in order to lower the latex export costs to the same level as in Malaysia. Thailand should also diversify its latex industry and change its focus from exporting latex as a raw material to exporting as a value added product. In addition the current legislation governing the Thai latex and rubber industry should be brought in line with the ASEAN Economic Community regulations for a better economic integration. The second issue concerns with the Chinese market. Currently the shipments to the Chinese market are very advantageous from a logistic and economic point of view. Unfortunately Thailand is set to lose market share in China to neighbouring countries like Laos, Vietnam and Myanmar. These countries have expanded their latex industry and plantations at a very high rate. Laos, Vietnam and Myanmar share a common border with China, so their transport costs are lower than the transport costs that the Thai producers have to pay. In addition, currently many workers employed by the Thai latex industry come from these neighbouring countries. Most likely, in the future, these workers will go back to their country of origin taking with them the knowledge they accumulated working in the latex industry. Therefore Thailand should increase their investment and expand their production base in these countries for a more rapid development. In order to meet all these challenges, Thailand’s transport infrastructure should be developed so it allows for better coverage and transport connections to these countries. These new developments should be assessed and a new plan should be put together in order to meet the new challenges faced by the Thai latex industry and also asses the future demand for labour. The third issue is related to the liberalization of investment regulations in the Thai latex industry. As a consequence of the liberalization, foreign investors might acquire Thai latex production facilities and plantations and compete with local Thai producers. While a small part of the Thai latex industry might be closed down as a consequence, the industry as a whole might benefit from the introduction of new technologies. The Government should offer support and financial help to Thai producers in order to quickly introduce advanced techniques and new technologies which will make them more competitive compared to neighbouring countries. The fourth issue concerns the quality of the rubber product. With the high competition of rubber industry from neighboring countries, this results in the lower quality of the Thai rubber products due to the unqualified rubber from other sources. This impacts the export of Thai latex. There should be an organization to control the product quality and support the financial fund. The measurement should be on the inspection of the latex before the industrial process. Moreover. There should be the cooperation among Thai latex product cluster to increase the product proficiency.

มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าพระนครเหนือ. สำนักหอสมุดกลาง

Address: กรุงเทพมหานคร

Email: library@kmutnb.ac.th

Name: วรพจน์ ศรีวงษ์คล

Role: ที่ปรึกษาวิทยานิพนธ์

Email : wsk@kmutnb.ac.th

Created: 2555

Modified: 2556-08-26

Issued: 2556-08-26

วิทยานิพนธ์/Thesis

application/pdf

CallNumber: วพ MBA ศ685ส

tha

DegreeName: บริหารธุรกิจมหาบัณฑิต

Level: ปริญญาโท

Descipline: บริหารธุรกิจอุตสาหกรรม

Grantor: มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าพระนครเหนือ

©copyrights มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าพระนครเหนือ

ลำดับที่.	ชื่อแฟ้มข้อมูล	ขนาดแฟ้มข้อมูล	จำนวนเข้าถึง	วัน-เวลาเข้าถึงล่าสุด
1	B15709310.pdf	1.15 MB	793	2024-02-21 21:43:54

ใช้เวลา

0.024683 วินาที