แจ้งเอกสารไม่ครบถ้วน, ไม่ตรงกับชื่อเรื่อง หรือมีข้อผิดพลาดเกี่ยวกับเอกสาร ติดต่อที่นี่ ==>
หากไม่มีอีเมลผู้รับให้กรอก thailis-noc@uni.net.th
หากไม่มีอีเมลผู้รับให้กรอก thailis-noc@uni.net.th
มุทิตา เหล่าบุตรสา. การปฏิบัติการพัฒนาทักษะการแก้ปัญหาทางคณิตศาสตร์โดยการจัดกิจกรรมการเรียนรู้แบบร่วมมือเทคนิค STAD ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 โรงเรียนบ้านหนองเทา สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาอุบลราชธานี เขต 4. ปริญญาโท(วิจัยและประเมินผลการศึกษา). มหาวิทยาลัยราชภัฏอุบลราชธานี, สำนักวิทยบริการและเทคโนโลยีสารสนเทศ. : มหาวิทยาลัยราชภัฏอุบลราชธานี, 2012.
การปฏิบัติการพัฒนาทักษะการแก้ปัญหาทางคณิตศาสตร์โดยการจัดกิจกรรมการเรียนรู้แบบร่วมมือเทคนิค STAD ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 โรงเรียนบ้านหนองเทา สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาอุบลราชธานี เขต 4
Development of the Mathematic Skills through the Cooperative Learning Activities by Using STAD Technique of Grade Seven Students of Ban Nong Tao School under Ubon Ratchathani Primary Educational Service Area Office 4
Name: มุทิตา เหล่าบุตรสา
keyword:
การแก้ปัญหา
ThaSH:
การเรียนรู้แบบมีส่วนร่วม
Classification :.DDC: 369.43
ThaSH:
วิชาคณิตศาสตร์
Abstract:
การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อปฏิบัติการพัฒนาทักษะการแก้ปัญหาทางคณิตศาสตร์โดยการจัดกิจกรรมการเรียนรู้แบบร่วมมือเทคนิค STAD และเปรียบเทียบผลการปฏิบัติการพัฒนาทักษะการแก้ปัญหาทางคณิตศาสตร์โดยการจัดกิจกรรมการเรียนรู้แบบร่วมมือเทคนิค STAD ก่อนและหลังการปฏิบัติการของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 โรงเรียนบ้านหนองเทา สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาอุบลราชธานี เขต 4 กลุ่มเป้าหมายที่ใช้ในการวิจัยครั้งนี้เป็นนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 โรงเรียนบ้านหนองเทา สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาอุบลราชธานี เขต 4 ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2554 จำนวน 25 คน ซึ่งได้มาโดยการเลือกแบบเจาะจง เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย แบ่งเป็น 2 ประเภท คือ (1) เครื่องมือที่ใช้ในการทดลอง คือ แผนการจัดการเรียนรู้คณิตศาสตร์ที่ใช้รูปแบบการจัด การเรียนรู้แบบร่วมมือ จำนวน 13 แผน (2) เครื่องมือที่ใช้ในการเก็บรวบรวมข้อมูล ได้แก่ แบบฝึกเสริมทักษะการแก้ปัญหาทางคณิตศาสตร์ แบบทดสอบย่อยท้ายวงจรปฏิบัติการ แบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนคณิตศาสตร์ ซึ่งมีค่าความยากอยู่ระหว่าง .20 - .77 และค่าอำนาจจำแนกอยู่ระหว่าง .20 - .86 และค่าความเชื่อถือได้ เท่ากับ .94 แบบสังเกตพฤติกรรมการทำงานกลุ่มของนักเรียน แบบสังเกตพฤติกรรมของครูและนักเรียน แบบบันทึกประจำวันของครูผู้วิจัย แบบประเมินความสามารถในการแก้ปัญหาทางคณิตศาสตร์ แบบบันทึกการเรียนรู้ของนักเรียน และแบบสัมภาษณ์นักเรียน การวิเคราะห์ข้อมูลเชิงคุณภาพ โดยการนำข้อมูลมาวิเคราะห์ตีความ สรุป ตรวจสอบความแม่นตรง และรายงานผลในลักษณะบรรยาย การวิเคราะห์ข้อมูลเชิงปริมาณได้แก่ ร้อยละ ค่าเฉลี่ยของประชากร และส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน
ผลการวิจัยพบว่า
1.การปฏิบัติการพัฒนาทักษะการแก้ปัญหาทางคณิตศาสตร์โดยการจัดกิจกรรมการเรียนรู้แบบร่วมมือเทคนิค STAD โดยผ่านกระบวนการวิจัยปฏิบัติการ สามารถพัฒนาทักษะการแก้ปัญหาทางคณิตศาสตร์ได้ ตามเกณฑ์ที่ตั้งไว้สรุปได้ 5 ขั้นตอน ดังนี้ (1) ขั้นเตรียม เป็นขั้นที่ครูแนะนำทักษะในการเรียนรู้ร่วมกันแล้วจัดนักเรียนเป็นกลุ่มย่อยๆ ตามระดับความสามารถสูง ปานกลาง อ่อน ในอัตราส่วน 1 : 2 : 1 ครูแนะนำทักษะในการเรียนร่วมกัน แนะนำระเบียบของกลุ่ม บทบาทหน้าที่ของสมาชิกในกลุ่ม แจ้งวัตถุประสงค์ของบทเรียนและทำกิจกรรมร่วมกัน การฝึกทักษะพื้นฐานจำเป็นสำหรับการทำกิจกรรมกลุ่ม (2) ขั้นสอน ครูทบทวนความรู้พื้นฐานที่จำเป็นแก่นักเรียน แนะนำเนื้อหาและแหล่งข้อมูล มอบหมายภาระงานให้แต่ละกลุ่ม กำหนดเวลาในการทำกิจกรรมและอธิบายขั้นตอนการทำงาน (3) ขั้นกิจกรรมกลุ่ม เป็นขั้นที่ครูให้นักเรียนรวมกันในกลุ่มย่อย โดยแต่ละคนมีบทบาทหน้าที่ตามที่ได้รับมอบหมาย (4) ขั้นตรวจสอบผลงานและทดสอบ ในขั้นนี้เป็นการตรวจสอบว่านักเรียนได้ปฏิบัติหน้าที่ครบถ้วนแล้วหรือยัง ผลการปฏิบัติเป็นอย่างไร นักเรียนทำแบบฝึกทักษะเป็นรายบุคคล หลังจากเรียนจบแต่ละวงจรทดสอบนักเรียนเป็นรายบุคคลโดยไม่มีการช่วยเหลือกัน แจ้งคะแนนรายบุคคล และคะแนนเฉลี่ยของกลุ่มให้นักเรียนทราบ (5) ขั้นสรุปบทเรียนและประเมินผลการทำงานกลุ่ม ครูและนักเรียนประเมินผล การทำงานกลุ่มให้การเสริมแรงแก่กลุ่มที่ได้คะแนนเฉลี่ยมาก โดยการให้คำชมเชยหรือให้รางวัล พร้อมกับให้กำลังใจกลุ่มที่ยังไม่ประสบความสำเร็จ และร่วมกันสรุปบทเรียน
2.ผลการพัฒนาทักษะแก้ปัญหาทางคณิตศาสตร์ โดยการจัดกิจกรรมการเรียนรู้แบบร่วมมือเทคนิค STAD ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 ผลปรากฏว่า นักเรียนมีทักษะการแก้ปัญหาทางคณิตศาสตร์เฉลี่ยร้อยละ 76.33 ของคะแนนเต็ม และมีนักเรียนผ่านเกณฑ์คิดเป็นร้อยละ 84 ของนักเรียนทั้งหมด เมื่อสิ้นสุดการปฏิบัติการนักเรียนมีทักษะการแก้ปัญหาทางคณิตศาสตร์สูงขึ้น
The objectives of the research were to develop the mathematic skills through the cooperative learning activities by STAD technique and compare the results of the mathematic skill development through the cooperative learning activities called STAD technique.
The target group was 25 Mattayom Suksa 1 (Grade Seven) students of Ban Nongtao School in Samrong district under Ubon Ratchathani Primary Educational Service Area Office 4. The students in study were derived by specific sampling.
The research instrument was divided into two categories: (1) the experimental instrument : 13 lesson plans for learning mathematics based on cooperative learning patterns; (2) the instruments used to collect data were supplementary exercises for mathematic skills; tests of mathematic learning achievements whose difficulty value ranged from .20 - .77, discrimination value ranged from .20 - .86 and reliability value was equal to .94; observation of a working behavior of students; observation pattern for teachers and students; a daily record form of a researcher teacher; students learning records; and interview format. Data were qualitatively analyzed. Data acquired were interpreted, summarized, examined for validity and reported in description. Quantitative data wereanalyzed in terms of mean, percentage, and standard deviation.
The research findings were as follows:
1.The development of the mathematic skills through the cooperative learning enhancing activity known as STAD could improve the mathematic skills according to the five
set criteria: (1) preparing : a teacher introduced cooperative learning skills and then divided students into small groups as per their capacity in the ratio of 1 : 2 : 1; the teacher informed them of skills, regulations, duty of groups, objectives and activities; (2) teaching : a teacher revised a basic knowledge for students, recommending the sources, assigning and setting time for activities; (3) group activities: a teacher had divided students into small groups, each of whom was assigned the role to act; (4) examining and testing : a teacher examined to see whether or not students had performed the given duty; how was the performance of individual students; (5) summarizing and evaluating : a teacher and students evaluated the group performance by reinforcing the group that secured a maximum score and appreciating the effort of the group that did not yet succeed.2.As regards the outcome of mathematic skill development through the cooperative learning activity known as STAD for Mattayom Suksa 1 (Grade Seven), it was found that the students secured 76.33% of the total
scores, and 84 of all students passed the set criterion. Upon the completion of the operation, they had improvedtheir mathematic solving skills.
มหาวิทยาลัยราชภัฏอุบลราชธานี, สำนักวิทยบริการและเทคโนโลยีสารสนเทศ
Address:
อุบลราชธานี
Email:
info.lib@ubru.ac.th
Role:
อาจารย์ที่ปรึกษา
Created:
2012
Modified:
2556-05-17
Issued:
2013
Issued:
2556-05-09
วิทยานิพนธ์/Thesis
application/pdf
tha
Spatial:
ไทย
DegreeName: ครุศาสตรมหาบัณฑิต
Level: ปริญญาโท
Descipline: วิจัยและประเมินผลการศึกษา
Grantor: มหาวิทยาลัยราชภัฏอุบลราชธานี
©copyrights มหาวิทยาลัยราชภัฏอุบลราชธานี
RightsAccess:
ใช้เวลา
0.041938 วินาที
มุทิตา เหล่าบุตรสา
| Title | Contributor | Type |
|---|---|---|
| การปฏิบัติการพัฒนาทักษะการแก้ปัญหาทางคณิตศาสตร์โดยการจัดกิจกรรมการเรียนรู้แบบร่วมมือเทคนิค STAD ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 โรงเรียนบ้านหนองเทา สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาอุบลราชธานี เขต 4
มหาวิทยาลัยราชภัฏอุบลราชธานี มุทิตา เหล่าบุตรสา | รองศาสตราจารย์ ดร.ธีรวุฒิ เอกะกุล | วิทยานิพนธ์/Thesis |
รองศาสตราจารย์ ดร.ธีรวุฒิ เอกะกุล