แจ้งเอกสารไม่ครบถ้วน, ไม่ตรงกับชื่อเรื่อง หรือมีข้อผิดพลาดเกี่ยวกับเอกสาร ติดต่อที่นี่ ==>
หากไม่มีอีเมลผู้รับให้กรอก thailis-noc@uni.net.th ติดต่อเจ้าหน้าที่เจ้าของเอกสาร กรณีเอกสารไม่ครบหรือไม่ตรง

รำเหย่ย : การละเล่นพื้นบ้านสู่นาฏศิลป์ กรมศิลปากร
Rum Yey : a folk dance and the new work by The Fine Arts Department

ThaSH: กรมศิลปากร
ThaSH: การละเล่น -- ไทย -- กาญจนบุรี
ThaSH: การรำ -- ไทย -- กาญจนบุรี
ThaSH: นาฏศิลป์ -- ไทย
Abstract: วิทยานิพนธ์ฉบับนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาความเป็นมา พัฒนาการ องค์ประกอบ วิเคราะห์และเปรียบเทียบองค์ประกอบของการละเล่นพื้นบ้านรำเหย่ย จังหวัดกาญจนบุรีและรำเหย่ย กรมศิลปากร โดยดำเนินการศึกษาค้นคว้าจากเอกสาร งานวิจัยที่เกี่ยวข้อง การสัมภาษณ์ผู้เชี่ยวชาญ นักแสดง นักดนตรี และวิทยากร เกี่ยวกับความเป็นมา พัฒนาการ และองค์ประกอบของรำเหย่ย ผู้วิจัยพบว่ารำเหย่ยเกิดขึ้นในจังหวัดกาญจนบุรี จากหลักฐานที่พบ ผู้วิจัยสันนิษฐานว่าเกิดขึ้นสมัยกรุงศรีอยุธยาพร้อมกับการก่อตั้งตำบลบ้านเก่า อำเภอเมือง ตำบลหนองขาว อำเภอท่าม่วงและตำบลหนองโรง อำเภอพนมทวน ซึ่งมีการเล่นรำเหย่ยตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน เมื่อรำเหย่ยตำบลบ้านเก่า อำเภอเมือง เกิดซบเซาและได้รับความนิยมน้อยลง กรมศิลปากรจึงได้อนุรักษ์และนำไปสู่รำเหย่ยรูปแบบของกรมศิลปากร ผลการวิจัยพบว่าการละเล่นพื้นบ้านรำเหย่ย จังหวัดกาญจนบุรี พบใน 3 อำเภอ แบ่งออกเป็น 2 รูปแบบ คือ 1.รูปแบบดั้งเดิม เป็นการร้องรำเกี้ยวพาราสีระหว่างชายหญิง ผู้ร้องทำหน้าที่ พ่อเพลงแม่เพลง ส่วนผู้รำทำหน้าที่รำเท่านั้น นิยมเล่นเพื่อผ่อนคลายจากการทำไร่ทำนา ท่ารำที่พบ คือ ท่านอนวัน ท่าต้อน และท่ารำอิสระตามวิถีชาวบ้าน ผู้เล่นปรบมือประกอบจังหวะ ต่อมาเริ่มมีการนำเครื่องดนตรีมาใช้ในการแสดงและพัฒนาเป็นวงกลองยาว การแต่งกายแต่งแบบพื้นบ้านภาคกลาง 2.รูปแบบประยุกต์ เรียกว่า “รำคล้องผ้า” หรือ “รำพาดผ้า” มีรูปแบบมาจากรำเหย่ยแบบดั้งเดิมเพิ่มอุปกรณ์การแสดง คือ ผ้า ใช้เป็นสัญลักษณ์ของการจับจองระหว่างชายหญิง รำเหย่ย กรมศิลปากร ปรับปรุงกระบวน ท่ารำจากรำเหย่ยรูปแบบประยุกต์ของตำบลบ้านเก่า อำเภอเมือง กระบวนท่ารำนำท่ารำแม่บทเป็นท่ารำเฉพาะ เช่น ท่าสอดสร้อย ท่าผาลา ท่านางนอน เป็นต้น ใช้ผ้าเป็นอุปกรณ์ประกอบการแสดง รำเหย่ยมีขั้นตอนการแสดงที่คล้ายคลึงกัน อาจแตกต่างกันบางขั้นตอนของแต่ละท้องถิ่น ขั้นตอนของการแสดง ได้แก่ 1.การประกอบพิธีไหว้ครู 2.การประโคมกลองยาว 3.การรำไหว้ครูกลองยาว 4.การแสดงของพ่อเพลง แม่เพลง และผู้รำ โดย พ่อเพลง แม่เพลงร้องโต้ตอบกัน การร้องเริ่มจากบทเกริ่น บทชมนาง บทลักหาพาหนี และบทลา ผู้รำฝ่ายชายและหญิง 1 คู่ รำเกี้ยวพาราสี ผู้รำมีอารมณ์สนุกสนาน เมื่อรำได้ระยะหนึ่งจึงเปลี่ยนคู่ต่อไป จนกระทั่งพ่อเพลง แม่เพลงร้องบทลาเป็นอันจบการแสดง เอกลักษณ์และคุณค่าของรำเหย่ย เอกลักษณ์ที่ปรากฏ ได้แก่ บทร้องลงท้ายด้วยคำว่า “เอย” ทุกวรรค การย่ำเท้าซ้ายนำเท้าขวาตลอดทั้งเพลงและการใช้ผ้าเป็นอุปกรณ์การแสดง คุณค่าของรำเหย่ย เป็นศิลปวัฒนธรรมอันล้ำค่า ควรแก่การสืบทอดและอนุรักษ์ เพราะเป็นสิ่งที่เป็นประโยชน์ต่อสังคม ซึ่งก่อให้เกิดความบันเทิง ความสามัคคี ทราบถึง วิถีชีวิตความเป็นอยู่ การแต่งกาย ประเพณี วัฒนธรรม และภาษา ซึ่งบรรพชนได้รังสรรค์ไว้ตั้งแต่อดีตกาลจนถึงปัจจุบัน
Abstract: The objective of this thesis is to study the background, the development, and the elements of Rum Yey and to analyze and compare the elements of Rum Yey folk play of Kanchanaburi with Rum Yey dance of Fine Arts Department. The methods used in the research include studying from the documents and related researches, interviewing the experts, the performers, the musicians and the lecturer about the background, the development, and the elements of Rum Yey. It was found that Rum Yey originated from Kanchanaburi. From the evidence, it can be surmised that Rum Yey first appeared in Ayutthaya period together with the settlements of Ban Kao, Muang district, Nong Kao, Tha Muong dictrict, Nong Rong, Phanom Thuan district, where Rum Yey folk play has existed until today. As Rum Yey of Ban Kao, Muang district was dull and less popular, Fine Arts Department then try to conserve and adapt it as Fine Art Department style. The research found that Rum Yey folk plays in 3 districts of Kanchanaburi can be divided into two styles; 1) the original style which is the way to court with song and dance. The singers which are called Pho Pleang Mae Pleang will sing to lead other people and the dancers only take charge of dancing not singing. People play Rum Yey to relax from the farm works. The dance patterns used in include Norn Wan, Ton and other postures in villagers’ style. The performers clap the hands following the rhythm. Later, the musical instruments have been brought to accompany the play then developed to the tom-tom band. For the costume, they dress like the central folk people. 2) the applied style called “Rum Klong Pha” or “Rum Pad Pha” which came from the original “Rum Yey” but added the fabric as a symbol of engagement between lovers. Rum Yey of Fine Arts Department was adapted the dance patterns from the applied Rum Yey of Ban Kao, Muang district. It used the original dance patterns as a particular style such as Sod Soi, Pala, Nang Non. The fabric is also used as the performance’s element. Rum Yey’s steps are resemble in general but have some different steps depending on each region. The steps include 1) Wai Khru ceremony 2) tom-tom prelude 3) Rum Wai Khru accompanied by tom-tom3) Pho Pleang Mae Pleang (singers) and dancers’ performance. The singers debate to each other by singing. The repertoire starts with Bot Kreun (the introduction), Bot Chom Nang (admiring the lady), Bot Lak Ha Pa Nee (running away together) and Bot La (the farewell). A couple dances and joyfully pays court to each other then changes a partner after a while. The performance finishes when the singers sing the farewell song “Bot La”. The identity and value of Rum Yey include the song that ends every paragraph with the word “Oei”, tramping with the left foot before the right foot all over the song and using the fabric as the performance’s equipment. Rum Yey is the precious art and culture worth succeeding and conservation as it is useful to the society and can produce the entertainment, the harmony, and convey the lifestyle, costume, tradition, culture and language that the ancients created since the past till the present.
จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย. สถาบันวิทยบริการ
Address: กรุงเทพมหานคร
Email: cuir@car.chula.ac.th
Role: ที่ปรึกษา
Created: 2553
Modified: 2556-01-16
Issued: 2556-01-16
วิทยานิพนธ์/Thesis
application/pdf
tha
©copyrights จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
RightsAccess:
ลำดับที่.ชื่อแฟ้มข้อมูล ขนาดแฟ้มข้อมูลจำนวนเข้าถึง วัน-เวลาเข้าถึงล่าสุด
1 Wanwipa_ma.pdf 8.85 MB472 2024-04-30 12:42:40
ใช้เวลา
0.022346 วินาที

วรรณวิภา มัธยมนันท์
Title Contributor Type
รำเหย่ย : การละเล่นพื้นบ้านสู่นาฏศิลป์ กรมศิลปากร
จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
วรรณวิภา มัธยมนันท์
มาลินี อาชายุทธการ
วิทยานิพนธ์/Thesis
การสร้างสรรค์นาฏยศิลป์จากแนวคิดการแบ่งภาคของพระนารายณ์
จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
วรรณวิภา มัธยมนันท์
นราพงษ์ จรัสศรี
วิทยานิพนธ์/Thesis
มาลินี อาชายุทธการ
Title Creator Type and Date Create
การแสดงพื้นบ้านของอำเภอศรีสำโรง จังหวัดสุโขทัย
จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
มาลินี อาชายุทธการ
จิตติมา นาคีเภท
วิทยานิพนธ์/Thesis
การฟ้อนของชาวภูไท : กรณีศึกษาหมู่บ้านวาริชภูมิ อำเภอวาริชภูมิ จังหวัดสกลนคร
จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
มาลินี อาชายุทธการ
รัตติยา โกมินทรชาติ
วิทยานิพนธ์/Thesis
การรำของตัวโขนยักษ์ในเพลงหน้าพาทย์กลุ่มเพลงเสมอ
จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
มาลินี อาชายุทธการ
เกิดศิริ นกน้อย
วิทยานิพนธ์/Thesis
การเชิดหนังใหญ่วัดสว่างอารมณ์ จังหวัดสิงห์บุรี
จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
มาลินี อาชายุทธการ
อนุกูล โรจนสุขสมบูรณ์
วิทยานิพนธ์/Thesis
ฟ้อนนางเทียม ในพิธีบุญเลี้ยงบ้าน กรณีศึกษา บ้านกาลึม จังหวัดอุดรธานี
จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
มาลินี อาชายุทธการ
กนกอร สุขุมาลพงษ์
วิทยานิพนธ์/Thesis
รำดีดไห : การวิเคราะห์นาฏยศิลป์ไทยพื้นบ้านอีสาน
จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
มาลินี อาชายุทธการ
จิณห์จุฑา สุวรรณ์คัมภีระ
วิทยานิพนธ์/Thesis
รำเหย่ย : การละเล่นพื้นบ้านสู่นาฏศิลป์ กรมศิลปากร
จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
มาลินี อาชายุทธการ
วรรณวิภา มัธยมนันท์
วิทยานิพนธ์/Thesis
การเต้นจะคึของลาหู่นะ (มูเซอดำ) กรณีศึกษา ตำบลด่านแม่ละเมา อำเภอแม่สอด จังหวัดตาก
จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
มาลินี อาชายุทธการ
สุนิษา สุกิน
วิทยานิพนธ์/Thesis
การแสดงบทบาทตัวละครนิลพัทในการแสดงโขนเรื่องรามเกียรติ์
จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
มาลินี อาชายุทธการ
อลัมพล สังฆเศรษฐี
วิทยานิพนธ์/Thesis
ซัมเป็ง : แม่แบบในการสร้างสรรค์ระบำพื้นบ้านภาคใต้ตอนล่าง
จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
มาลินี อาชายุทธการ
ฑิลฎา คงพัฒน์
วิทยานิพนธ์/Thesis
นาฏยศิลป์ไทยที่ปรากฏในการแสดงประกอบนักร้องของวงดนตรีลูกทุ่ง
จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
;มาลินี อาชายุทธการ
ชนิดา จันทร์งาม
วิทยานิพนธ์/Thesis
การแสดงพื้นบ้านของชาวกะเหรี่ยง : กรณีศึกษารำตงบ้านใหม่พัฒนา อำเภอสังขละบุรี จังหวัดกาญจนบุรี
จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
;มาลินี อาชายุทธการ
ณัฐกานต์ บุญศิริ
วิทยานิพนธ์/Thesis
การแสดงมะโย่ง คณะสรีปัตตานี
จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
มาลินี อาชายุทธการ
อริยา ลิ่มกาญจนพงศ์
วิทยานิพนธ์/Thesis
โขนเยาวชนร่วมสมัย : คณะโขนจิ๋วบ้านยิ้ม
จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
;มาลินี อาชายุทธการ
วิชัย สวัสดิ์จีน
วิทยานิพนธ์/Thesis
นาฏยประดิษฐ์ : ระบำพื้นเมืองภาคใต้
จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
มาลินี อาชายุทธการ
นพศักดิ์ นาคเสนา
วิทยานิพนธ์/Thesis
โขนขุขันธ์
จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
มาลินี อาชายุทธการ
ชลาลัย วงศ์อารีย์
วิทยานิพนธ์/Thesis
การศึกษากระบวนท่ารำในพิธีรำผีมอญ อำเภอโพธาราม จังหวัดราชบุรี กรณีศึกษา กระบวนท่ารำของผู้ประกอบพิธี นางสมจิตร หลวงพันเทา
จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
มาลินี อาชายุทธการ
อุบลวรรณ โตอวยพร
วิทยานิพนธ์/Thesis
กระบวนการรำและกลวิธีการแสดงบททศกัณฐ์ในการแสดงโขน ตอน นางลอย ของครูจตุพร รัตนวราหะ
จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
;มาลินี อาชายุทธการ
พหลยุทธ กนิษฐบุตร
วิทยานิพนธ์/Thesis
การรำเพลงหน้าพาทย์กลมในการแสดงโขน
จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
;มาลินี อาชายุทธการ
ธีรเดช กลิ่นจันทร์
วิทยานิพนธ์/Thesis
ละครคณะปรีดาลัยของพระนางเธอลักษมีลาวัณ
จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
;มาลินี อาชายุทธการ
ปรารถนา จุลศิริวัฒนวงศ์
วิทยานิพนธ์/Thesis
รำวง : กรณีศึกษารำวงอาชีพ ตำบลห้วยใหญ่ อำเภอบางละมุง จังหวัดชลบุรี
จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
มาลินี อาชายุทธการ
ปิ่นเกศ วัชรปาณ
วิทยานิพนธ์/Thesis
การละเล่นของหลวง
จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
มาลินี อาชายุทธการ
ผกามาศ จิรจารุภัทร
วิทยานิพนธ์/Thesis
การแสดงในงานเทิดพระเกียรติสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช
จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
มาลินี อาชายุทธการ
กนกพัชร์ แจ่มฟ้า
วิทยานิพนธ์/Thesis
การอนุรักษ์และพัฒนานาฏยศิลป์ของภาควิชานาฏยศิลป์ คณะศิลปกรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
มาลินี อาชายุทธการ
ปภาวรินท์ ณ พัทลุง
วิทยานิพนธ์/Thesis
รำโทนนกพิทิด จังหวัดนครศรีธรรมราช
จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
มาลินี อาชายุทธการ
ชวัลลักษณ์ วิเชียรแก้ว
วิทยานิพนธ์/Thesis
การรำปะเรเรของชาวญัฮกุร จังหวัดชัยภูมิ
จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
มาลินี อาชายุทธการ
ณัฐปภัสร์ พิพิธกุล
วิทยานิพนธ์/Thesis
การใช้อาวุธตัวยักษ์ในการแสดงโขน
จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
มาลินี อาชายุทธการ
สุวรักข์ อยู่แท้กูล
วิทยานิพนธ์/Thesis
Copyright 2000 - 2025 ThaiLIS Digital Collection Working Group. All rights reserved.
ThaiLIS is Thailand Library Integrated System
สนับสนุนโดย สำนักงานบริหารเทคโนโลยีสารสนเทศเพื่อพัฒนาการศึกษา
กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม
328 ถ.ศรีอยุธยา แขวง ทุ่งพญาไท เขต ราชเทวี กรุงเทพ 10400 โทร. โทร. 02-232-4000
กำลัง ออน์ไลน์
ภายในเครือข่าย ThaiLIS จำนวน 8
ภายนอกเครือข่าย ThaiLIS จำนวน 6,160
รวม 6,168 คน

More info..
นอก ThaiLIS = 288,425 ครั้ง
มหาวิทยาลัยราชภัฏ = 346 ครั้ง
มหาวิทยาลัยสังกัดทบวงเดิม = 276 ครั้ง
มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคล = 121 ครั้ง
มหาวิทยาลัยเอกชน = 73 ครั้ง
หน่วยงานอื่น = 37 ครั้ง
มหาวิทยาลัยสงฆ์ = 11 ครั้ง
สถาบันพระบรมราชชนก = 7 ครั้ง
มหาวิทยาลัยการกีฬาแห่งชาติ = 1 ครั้ง
รวม 289,297 ครั้ง
Database server :
Version 2.5 Last update 1-06-2018
Power By SUSE PHP MySQL IndexData Mambo Bootstrap
มีปัญหาในการใช้งานติดต่อผ่านระบบ UniNetHelp


Server : 8.199.134
Client : Not ThaiLIS Member
From IP : 216.73.216.46