Title
การวิจัยและพัฒนารูปแบบการประสานความร่วมมือระหว่างวิทยาลัยพยาบาลบรมราชชนนีอุตรดิตถ์ และสถานบริการสุขภาพ ในการจัดการเรียนการสอน ภาคปฏิบัติ ของนักศึกษาพยาบาล : กรณีศึกษาโรงพยาบาลอุตรดิตถ์
Title Alternative
The Research and Development of a Model of Collaboration Between Boromarajonani College of Nursing, Uttaradit and Health Service Institute in Nurse Students' Clinical Learning : Uttaradit Hospital a Case Study
Organization :
สถาบันพระบรมราชชนก . วิทยาลัยพยาบาลบรมราชชนนีอุตรดิตถ์
Organization :
โรงพยาบาลอุตรดิตถ์
Organization :
สถาบันพระบรมราชชนก. วิทยาลัยพยาบาลบรมราชชนนีอุตรดิตถ์
Description
Abstract:
การศึกษาครั้งนี้เป็นการวิจัยและพัฒนารูปแบบการประสานความร่วมมือระหว่างวิทยาลัยพยาบาลบรมราชชนนีอุตรดิตถ์และโรงพยาบาลอุตรดิตถ์ ในการจัดการเรียนการสอนภาคปฏิบัติ ของนักศึกษาพยาบาล โดยใช้กระบวนการวิจัยและพัฒนา มีวัตถุประสงค์เพื่อ 1) ศึกษาสภาพการจัดการเรียนการสอนของวิทยาลัยฯ 2) พัฒนารูปแบบการประสานความร่วมมือระหว่างวิทยาลัยฯและโรงพยาบาลอุตรดิตถ์ ในการจัดการเรียนการสอน ภาคปฏิบัติ ของนักศึกษาพยาบาล 3) ติดตามผลการพัฒนารูปแบบการประสานความร่วมมือฯ การศึกษาแบ่งออกเป็น 3 ระยะ คือ การศึกษาสภาพการจัดการเรียนการสอนภาคปฏิบัติ ของวิทยาลัยฯ ภาคการศึกษาที่ 1 ปีการศึกษา 2547 การพัฒนารูปแบบการประสานความร่วมมือในการจัดการเรียนการสอน ภาคปฏิบัติ ระหว่างวิทยาลัยฯ กับโรงพยาบาลอุตรดิตถ์ ในภาคการศึกษาที่ 1 และ 2 ปีการศึกษา 2547 ติดตามผลการพัฒนา ด้วยวิธีการวิจัยทั้งเชิงปริมาณ และเชิงคุณภาพ
กลุ่มตัวอย่างที่นำผลมาศึกษามีทั้งสิ้น 59 คน ประกอบด้วย ผู้บริหารสถานศึกษา 2 คน อาจารย์พยาบาล 3 คน ผู้บริหารการพยาบาล โรงพยาบาลอุตรดิตถ์ 6 คน พยาบาลพี่เลี้ยง 16 คน นักศึกษาหลักสูตรพยาบาลศาสตรบัณฑิต วิทยาลัยพยาบาลฯ ชั้นปีที่ 4 ปีการศึกษา 2547 จำนวน 32 คน เครื่องมือที่ใช้ในการรวบรวมข้อมูลเชิงปริมาณ ประกอบด้วย 1) แบบสำรวจข้อมูลทั่วไปของวิทยาลัยฯ 2) แบบสอบถามพยาบาลพี่เลี้ยงและนักศึกษาพยาบาลเกี่ยวกับความคิดเห็นต่อการจัดประสบการณ์สอนในคลินิกของ พยาบาลพี่เลี้ยง เครื่องมือที่ใช้ในการรวบรวมข้อมูลเชิงคุณภาพ ประกอบด้วย แนวคำถามในการสนทนากลุ่มผู้บริหารสถานศึกษา อาจารย์พยาบาลผู้รับผิดชอบวิชาฝึกในหอผู้ป่วยหนักศัลยกรรม ผู้บริหารกลุ่มการพยาบาล พยาบาลวิชาชีพในหอผู้ป่วยหนักศัลยกรรมที่เป็นผู้นิเทศหลักและผู้นิเทศรอง ได้แก่ 1)แนวทางการพัฒนาการประสานความร่วมมือในการจัดการการเรียนการสอน ภาคปฏิบัติ ของนักศึกษาพยาบาล 2) ความคิดเห็นต่อการจัดการเรียนการสอนภาคปฏิบัติหลังการฝึกภาคปฏิบัติของนักศึกษาที่หอผู้ป่วยหนักศัลยกรรม และแนวคำถามในการสนทนากลุ่มนักศึกษาพยาบาล ได้แก่ 1) ความต้องการและความคาดหวังของนักศึกษาพยาบาล ในการจัดการเรียนการสอนภาคปฏิบัติ ก่อนขึ้นฝึกภาคปฏิบัติ 2) สิ่งที่ได้รับ ปัญหา อุปสรรค ของการฝึกฯ ภายหลังการฝึก วิเคราะห์ข้อมูลเชิงปริมาณ โดยใช้ ความถี่ ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน ร้อยละ ข้อมูลเชิงคุณภาพใช้การวิเคราะห์เนื้อหา (Content analysis) ผลการศึกษาสรุปได้ดังนี้
1. ผลการศึกษาก่อนการพัฒนารูปแบบการประสานความร่วมมือฯ พบว่า สภาพการจัดการเรียนการสอน ในคลินิก วิทยาลัยฯ มีอาจารย์พยาบาลไม่เพียงพอในการนิเทศ การประสานงานกับสถานบริการสุขภาพทีเป็นแหล่งฝึกไม่เป็นรูปธรรมที่ชัดเจน รูปแบบเป็นเพียงการประสานงานกับผู้บริหาร หัวหน้าหอผู้ป่วย วิทยาลัยฯยังประสานงานไม่ถึงระดับพยาบาลปฏิบัติการและพยาบาลพี่เลี้ยงมีส่วนร่วมในการวางแผนจัดการศึกษาน้อย และไม่เข้าใจในบทบาท บางคนมีทัศนคติไม่ดีต่อการฝึกปฏิบัติงานของนักศึกษา อาจารย์พยาบาลผู้นิเทศ ประจำหอผู้ป่วยมีภาระงานมาก จึงฝากงานนิเทศให้กับพยาบาลพี่เลี้ยง ยังไม่ได้มีการศึกษาความสำเร็จของความร่วมมือดังกล่าว
2. ขั้นพัฒนาคณะผู้วิจัยและอาจารย์พยาบาล ผู้บริหารและพยาบาลโรงพยาบาลอุตรดิตถ์ ที่มีส่วนร่วมในการตัดสินใจรับเป็นแหล่งฝึก นำข้อมูลจาการศึกษา สภาพฯ มาร่วมกำหนดโปรแกรมการประสานความร่วมมือ และดำเนินงานตามโปรแกรมฯ ในภาคการศึกษาที่ 1 และ 2 ปีการศึกษา 2547
3. การติดตามประเมินผลภายหลังการทดลองจัดการเรียนการสอน ภาคปฏิบัติ ของ นักศึกษาฯตามโปรแกรมการประสานความร่วมมือ ระหว่างวิทยาลัยฯ และโรงพยาบาลอุตรดิตถ์ พบว่า ด้านผลการจัดประสบการณ์ภาคปฏิบัติของพยาบาลพี่เลี้ยงในการฝึกปฏิบัติงานในหอผู้ป่วยหนักศัลยกรรม ค่าคะแนนเฉลี่ยของผลการจัดประสบการณ์ภาคปฏิบัติของพยาบาลพี่เลี้ยงในการฝึกปฏิบัติงานในหอผู้ป่วยหนักศัลยกรรมตามการรับรู้ของพยาบาลพี่เลี้ยงและนักศึกษาพยาบาลอยู่ในระดับ ดี (X=4.16, SD=.70 และ X=4.42, SD=73) เมื่อพิจารณารายด้านพบว่า คะแนนเฉลี่ยของผลการจัดประสบการณ์ตามการรับรู้ของพยาบาลพี่เลี้ยงสูงสุด คือ การประเมินผลการฝึกภาคปฏิบัติของนักศึกษาพยาบาลรายบุคคล (X=4.33, SD= .65)รองลงมาคือ การวางแผนการจัดเตรียมสภาพแวดล้อมเพื่อการฝึกภาคปฏิบัติ (X=4.22, SD=.56)การร่วมวางแผนการจัดประสบการณ์การฝึกภาคปฏิบัติ(X=4.12, SD=.87 )และการปฏิบัติตนเป็นแบบอย่างที่ดี( X=4.12, SD=.41 )ส่วนคะแนนเฉลี่ยของผลการจัดประสบการณ์ตามการรับรู้ของนักศึกษาพยาบาลสูงสุกคือ การปฐมนิเทศ( X=4.88, SD=.54)รองลงมาคือ การวางแผนการจัดเตรียมสภาพแวดล้อมพื่อการฝึกภาคปฏิบัติ (X=4.66, SD=.65) และการปฏิบัติตนเป็นแบบอย่างที่ดี (X=4.65, SD=.66 )ด้านการประเมินผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน ภาคปฏิบัติในคลินิกของนักศึกษาพยาบาลภายหลังเสร็จสิ้นการศึกษาภาคปฏิบัติในหอผู้ป่วยหนักศัลยกรรมพบว่า นักศึกษาส่วนใหญ่มีคะแนนผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน อยู่ระหวาง 87-100 คะแนน คิดเป็นร้อยละ 56.3 รองลงมาคือ คะแนนอยู่ระหว่าง 83-86.99 คิดเป็นร้อยละ 34.4 และคะแนนอยู่ระหว่าง 78-82.2 คะแนน คิดเป็นร้อยละ 6.3"
Publisher
วิทยาลัยพยาบาลบรมราชชนนีอุตรดิตถ์. ห้องสมุด.
Email:
library_unc@windowslive.com
Source
CallNumber:
WY18 จ 482 ก 2549
Rights
©copyrights วิทยาลัยพยาบาลบรมราชชนนี อุตรดิตถ์